“แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน” กับ 5 ข่าวร้ายของชายชื่อ ประวิตร

พล.อ.ประวิตร และคณะ

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ "บิ๊กป้อม" รองนายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม กล่าวในวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ยังไม่ได้ส่งหนังสือชี้แจงให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปม "แหวนมารดา" และ "นาฬิกาเพื่อน" หลังไม่พบทรัพย์สินทั้ง 2 รายการ ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. เมื่อคราวรับตำแหน่ง

นอกจากเป็น "พี่ใหญ่" หรือ "บิ๊ก บราเธอร์" ที่ส่งน้อง ๆ ถึงฝั่งฝันในขุมข่ายอำนาจ จนบารมีเบ่งบานถึงขีดสุด พล.อ.ประวิตรยังเป็นรัฐมนตรีที่ตกเป็นข่าวร้ายมากที่สุดในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ยังพ่วงสถานะ "ขวัญใจชาวเน็ต" เข้าอีกหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะพูดจา-ทำท่าอะไร ก็มักกลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อสังคมออนไลน์

บีบีซีไทย ชวนฟื้นความจำกับ 5 กรณีดังของ "พี่ใหญ่" วัย 72

คนโสด คาเวียร์ และเฟิร์สคลาสเหมาลำ

พล.อ.ประวิตรยกคณะรวม 38 ชีวิต ไปร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ที่มลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 29 ก.ย.-2 ต.ค. 2559

งานนี้กลายเป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อ "คนตาดี" เห็นเอกสารจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของ สลน. พบว่า คณะของ พล.อ.ประวิตรเช่าเหมาลำเครื่องบินแบบโบอิง 747-400 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ภายใต้งบประมาณ 20.9 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นค่าอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน 6 แสนบาท จนถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องความคุ้มค่าของภารกิจ 4 วัน 20 ล้านบาท, รับประทานอะไรกันตั้ง 6 แสนบาท, เดินทางไป 38 คน ทำไมต้องเช่าเหมาลำเครื่องบินที่จุคนได้ถึง 416 คน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ่ายภาพกับ รมว.กลาโหมอาเซียน ปี 2558

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถ่ายภาพกับ รมว.กลาโหมอาเซียน ระหว่างการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย วันที่ 2-5 พ.ย. 2558

คำชี้แจงแรก ๆ จาก พล.อ.ประวิตรเกี่ยวกับการเช่าเหมาลำเป็นเพราะไม่มีสายการบินที่บินตรง ต้องต่อเครื่องหลายต่อ เสียเวลา จึงเสนอไปยังการบินไทยว่าจะเดินทางอย่างไรได้บ้าง "คล้ายๆ กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา แบบราชการช่วยราชการ ดีกว่าไปช่วยคนอื่น ก็ไม่เห็นมีอะไร" รองนายกฯ ระบุ

ส่วนที่ยกคณะไปกันหลายคน พล.อ.ประวิตรอธิบายว่าเพราะทางสหรัฐฯ อยากให้ไปหารือหลายประเด็น ยืนยันว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว ลงเครื่องเสร็จก็ทำงาน และเดินทางกลับทันทีที่เสร็จงาน เช่นเดียวกับอาหารที่รับประทาน ก็เป็นอาหารไทยธรรมดา เช่น ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ไม่ได้มีอาหารพิเศษมาจากที่ไหน แต่ต่อมาแฟจเพจ CSI LA ได้นำรายการอาหารมาเผยแพร่ พบว่ามีคาร์เวียร์รวมอยู่ด้วย จนโลกออนไลน์พร้อมใจกันติดแฮชแท็ก "เพิ่งรู้ว่าคาเวียร์เป็นอาหารไทย" ก่อนมีคำชี้แจงจากการบินไทยว่าการเสิร์ฟไข่ปลาคาเวียร์ เป็นการบริการของสายการบินไทยให้กับวีไอพีเพียง 9 คน นอกนั้นเป็นอาหารปกติ

ประเด็นเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ยุติลง เพราะมีตัวช่วยจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการ สตง. ส่ง "สายตรวจ สตง." เก็บข้อมูลจาก สลน. และการบินไทย ก่อนสรุปผลอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 3 วัน (วันที่ 5-7 ต.ค. 2559) ว่าไม่พบความผิดปกติ-ไม่มีอะไรเกินความเหมาะสม

พล.อ.ประวิตร

ที่มาของภาพ, Getty Images

ทว่าอีกประเด็นที่แทรกซ้อนขึ้นมาจากรายการนี้ คือกระแสจับจ้องว่ามีรายชื่อผู้ประกาศสาวของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งร่วมทริปฮาวายด้วยหรือไม่ เป็นผลให้โฆษกกระทรวงกลาโหมต้องตั้งโต๊ะแจกแจง 38 รายชื่อที่ร่วมคณะไปกับ พล.อ.ประวิตร ซึ่งไม่พบชื่อสตรีคนดังกล่าว แต่ชาวโซเชียลก็ยังมิวายวิพากษ์วิจารณ์เรื่องส่วนตัวของ พล.อ.ประวิตร

"เรื่องส่วนตัวคือเรื่องอะไร ผมมีเรื่องอะไร เรื่องผู้หญิงหรือ ผมไม่ได้ไปยุ่งกับผู้ชาย มันแปลกหรือ ก็ผมเป็นโสดจะไปยุ่งกับใครก็ได้ ถ้าผมไปยุ่งกับผู้ชายก็แปลก" พล.อ.ประวิตรกล่าว

ถือเป็นคำประกาศว่ายังครองความโสดอยู่ แม้วัยล่วงมาถึงปีที่ 72 แล้วก็ตาม

ยิ่งแช่งป่วย ยิ่งอยู่นาน

สุขภาพจิตยังแจ่มใส แต่สุขภาพกายย่อมอ่อนแอลงเป็นของธรรมดาของคนวัยพ้นเลข 7 ที่น่าสนใจคือข่าวลือ พล.อ.ประวิตรป่วย มักตีคู่กันมากับข่าวลับ-ข่าวลวงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีทั้งที่ป่วยจริงและป่วยการเมือง

ในช่วงปรับ ครม. "ประยุทธ์ 3" มีกระแสข่าวเขย่าเก้าอี้ รมว.กลาโหมไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวห่างหายไปจากภารกิจราชการ 3-4 วัน ก่อนปรากฏกายในวันที่ 24 ก.ค. 2558 เฉลยว่าประสบอุบัติเหตุหกล้ม ต้องใส่เฝือกอ่อนที่แขนและขา แพทย์ให้พัก 2 สัปดาห์ "ยืนยันว่าไม่ได้ป่วยการเมือง เพราะน้อยใจที่จะถูกปรับออกจากตำแหน่งตามกระแสข่าว เพราะนายกฯ ไม่มีการปรับผมออกจากตำแหน่ง ยกเว้นจะทำงานไม่ไหวและอยากพัก แต่ขณะนี้ยังต้องช่วยกันต่อไป"

พล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, พล.อ.ประวิตร สมัยเป็น รมว.กลาโหมในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงพื้นที่อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยเป็นผู้บัญชาการทหารบก เมื่อปี 2554

ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. 2559 พล.อ.ประวิตรเปิดบ้านพักภายในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ให้นายกฯ และ ผบ.เหล่าทัพเข้าอวยพรวันคล้ายวันเกิดปีที่ 71 ท่ามกลางกระแสข่าวป่วยหนักจนถูกหามเข้าโรงพยาบาล นี่เป็นอีกครั้งที่ พล.อ.ประวิตรปฏิเสธข่าวนี้โดยบอกว่า "ไม่เคยป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลมาก่อน และหากผู้สื่อข่าวยิ่งแช่ง ผมจะยิ่งอยู่นาน และแข็งแรงยิ่งขึ้น"

แต่แล้วก็มีเหตุให้ พล.อ.ประวิตรหายหน้าหายตาไปกว่า 2 สัปดาห์ กลางเดือน พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ครั้งนี้มีกระแสข่าวเข้ารักษาอาการเส้นเลือดหัวใจตีบที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์แจกแจงแทนว่า "คุยโทรศัพท์กันอยู่ทุกวัน ท่านลาไปทำธุระส่วนตัว" เมื่อสื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรป่วยเป็นอะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า "ท่านก็ไม่สบายเป็นปกติ พวกคุณสบายดีทุกวันหรือไม่ ไว้พวกคุณอายุ 70 ปี แล้วค่อยมาบอกว่าสบายทุกวัน" พร้อมยืนยันว่ากับ พล.อ.ประวิตรนั้น "ใจต่อใจถึงกันอยู่แล้ว อยู่กันมาเกือบทั้งชีวิต"

กระทั่ง 29 พ.ค. 2560 พล.อ.ประวิตรปรากฎตัวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก แต่ไม่ยอมเปิดปากเล่ารายละเอียดอาการป่วย โดยกล่าวเพียงว่า "ไม่เป็นไร สบายดี" และสามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว

มาถึงช่วงปรับครม. "ประยุทธ์ 5" พล.อ.ประวิตรถูกผู้สื่อข่าวถามว่าสุขภาพร่างกายยังสู้ไหวหรือไม่ เขาจึงย้อนถามว่าสื่อดูไม่ออกหรือไง เมื่อสื่อถามต่อว่าจะลาออกเองหรือเปล่า เล่นเอา พล.อ.ประวิตรออกอาการฉุนขาด-หลุดคำสบถว่า "ถามอย่างนี้ ไอ้ห่- สุขภาพผมยังไม่เป็นอะไร"

พี่ป้อม "ซ่อมไม่ตาย"

ด้วยเพราะเป็นชายชาติทหารแท้ และมักสนทนากับสื่อด้วย "ภาษาทหาร" ทำให้คำพูดของ พล.อ.ประวิตรกลายเป็นการ "เรียกแขก" อยู่เนืองๆ ล่าสุดกับกรณีที่สังคมรับไม่ได้คือข่าวการเสียชีวิตอย่างปริศนาของนายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 หลังครอบครัวนำร่างไปชันสูตรแล้วพบว่าอวัยวะภายในหายไป อีกทั้งยังติดใจสาเหตุการเสียชีวิตว่าเป็นเพราะโดน "ซ่อม" หรือที่ทางการทหารเรียกว่า "การธำรงวินัย" หรือไม่

ครอบครัวน้องเมย เดินทางไปรับชิ้นส่วนอวัยวะ สมอง หัวใจ

ที่มาของภาพ, Wasawat Lukharang/BBC Thai

คำบรรยายภาพ, ครอบครัวน้องเมย เดินทางไปรับชิ้นส่วนอวัยวะ สมอง หัวใจ ที่บรรจุไว้ในกล่องโฟมที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2560 เพื่อส่งต่อไปให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม พิสูจน์รอบ 2

แม้ พล.อ.ประวิตรได้กล่าวแสดงความเห็นใจต่อครอบครัว ตัญกาญจน์ ที่ต้องเสียบุตรชายเพียงคนเดียวไป ในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2560 และยืนยันว่าน้องเมยเสียชีวิตเพราะปัญหาสุขภาพ เคยมีอาการ "ฮีทสโตรก" ไม่ใช่โดนซ่อม แต่เมื่อนำประสบการณ์ตรงสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหารของตัวเองมาถ่ายทอด ได้นำสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

พล.อ.ประวิตรเล่าว่า เคยโดนซ่อมเหมือนกัน เช่น วิดพื้น วิ่ง สก๊อตจั๊ม การซ่อมไม่ได้อะไรมาก ผู้สื่อข่าวถามว่า หากการซ่อมเกินกำลังที่คนจะรับได้จะทำอย่างไร รองนายกฯ ตอบว่า "ผมก็เคย ผมก็สลบ... แต่ผมมันไม่ตายไง"

สิ้นเสียงให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร โลกออนไลน์พร้อมใจตั้งฉายา "ป้อม ซ่อมไม่ตาย"และตัดต่อภาพล็อกเก็ต "พี่ป้อม รุ่นซ่อมไม่ตาย" ตีคู่กับกระแสล็อกเก็ต "พี่นวล" ที่ผู้สร้างอ้างว่าเป็นหญิงตายท้องกลม ซึ่งกำลังโด่งดัง ณ เวลานั้น ท่ามกลางความช้ำใจของครอบครัวน้องเมยว่า คนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่น่าพูดเช่นนี้

ข้าม Facebook โพสต์ , 1

ไม่มีเนื้อหานี้

ดูเพิ่มเติมที่ Facebookบีบีซี. บีบีซีไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาของเว็บไซต์ภายนอก. นโยบายของเราเรื่องการเชื่อมต่อไปยังลิงก์ภายนอก.

สิ้นสุด Facebook โพสต์, 1

ร้อนถึงนายกฯ ต้องสั่งการให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560 โดยอ้างถึงคำพูดนายกฯ ที่ "ขอโทษแทนผู้เกี่ยวข้องหากทำให้ประชาชนไม่สบายใจ" ก่อนที่ค่ำวันเดียวกัน "พี่ป้อม ซ่อมไม่ตาย" จะเอ่ยปากด้วยตนเองอีกครั้ง "คำพูดของผมที่กระทบกระเทือนครอบครัวน้องเมย ต้องขอโทษด้วย"

แต่ดูเหมือนเรื่องนี้อาจไม่จบง่าย ๆ เมื่อนางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก ไปรณรงค์ผ่าน CHANGE.ORG เรียกร้องให้ พล.อ.ประวิตรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ผ่านมา 2 วัน มีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนแล้วกว่า 3.1 พันคน

อ้างชื่อบิ๊กป้อมแสวงหาประโยชน์

ด้วยสถานะ "พี่ใหญ่" และโครงข่ายอำนาจทั้งกว้าง-ลึก ทำให้ชื่อของ พล.อ.ประวิตรถูกผู้ไม่หวังดีแอบอ้างใช้เป็น "ใบเบิกทาง" หรือ "เรียกรับประโยชน์" อยู่เนืองๆ

งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาแฉเองเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2559 ว่าถูก "ด๊อกเตอร์" แอบอ้างว่ารู้จักตนและรองนายกฯ เพื่อเอาโครงการ ขณะที่ พล.อ.ประวิตรระบายความรู้สึกที่ถูก "อ้างชื่อ" ในหลายกรรมหลายวาระ เช่น "โดนเตะตัดขาอยู่เรื่อย เสี้ยมให้คนเกลียดกัน" พร้อมยืนยัน "ทำงานมา 2 รัฐบาลแล้ว ไม่เคยแตะเงินสักบาท" (28 ม.ค. 2559) และ "เขาคงคิดว่าผมมีอำนาจมาก แต่ผมก็ไม่เคยใช้อำนาจ" (11 ก.พ. 2559)

ชื่อ พล.อ.ประวิตรถูกอ้างถึงอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ในหลายหน่วยงาน

  • ปี 2559 โครงการขุดลอกคูคลองขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.)
  • ปี 2560 โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 100 เมกะวัตต์ ของ อพศ. ซึ่งผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร
  • 2560 โครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) งบประมาณ 55 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหารู้จักบุคคลที่อ้างตัวว่าเคยทำงานให้ พล.อ.ประวิตร
  • 2560 โลกออนไลน์เผยแพร่ภาพพระครูกิตติ พัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ์ ขันทอง อายุ 51 ปี เจ้าอาวาสวัดลาดแค เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ที่ถูกจับสึก หลังถูกจับกุมข้อหากระทำอนาจารเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี ขณะเดินทางไปอวยพร พล.อ.ประวิตรที่บ้านพัก

"ทุกคนเมื่อเห็นผ้าเหลือง ก็ต้องกราบไหว้กันทั้งนั้น และต้องเข้าใจว่าทุกคนกราบผ้าเหลือง และเมื่อมีผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมืองไปมา ส่วนใหญ่ทางวัดก็จะถ่ายภาพเก็บไว้" พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิช โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว และย้ำว่า พล.อ.ประวิตรไม่เดินทางไปทอดกฐินที่วัดดังกล่าว 2-3 ปีแล้ว และได้แจ้งไปยังหน่วยต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือว่าไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของรูปนี้

"แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน"

ปิดท้ายปีด้วยเรื่องแหวนเพชร กับนาฬิกาหรูยี่ห้อริชาร์ดมิลล์ ที่ พล.อ.ประวิตรสวมใส่ขณะถ่ายภาพหมู่ ครม.ชุดใหม่ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนกลายเป็นเรื่องบานปลาย เพราะในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่แจ้งไว้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่พบว่าเครื่องประดับทั้ง 2 รายการ ทำให้ ป.ป.ช.ต้องส่งหนังสือเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เพื่อขอคำชี้แจงจาก พล.อ.ประวิตรภายใน 30 วัน

พล.อ.ประวิตร

ที่มาของภาพ, Wasawat Lukharang/BBC Thai

คำบรรยายภาพ, หลังยกมือขึ้นมาป้องแดด ระหว่างถ่ายภาพหมู่ ครม. "ประยุทธ์ 5" ทำให้นาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตรตกเป็นที่จับจ้องจากสังคมทันที

คอลัมน์ "หมัดเหล็ก" ในเว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรว่า "ถ้าวันนั้น พล.อ.ประวิตร รู้ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนวันนี้ ก็คงจะไม่ใส่แหวนที่แม่ให้ยืมใส่ในวันนั้นพอดี ซึ่งแหวนวงดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดจากพ่อเอามาใส่เป็นสิริมงคลในวันสำคัญ และในจำนวนพี่น้อง 3 คน ยังไม่รู้ว่าจะตกเป็นสมบัติของใครด้วยซ้ำ หรือแม้แต่นาฬิกาที่เพื่อนรักซึ่งเป็นนักธุรกิจดังให้หยิบยืมมาชั่วครั้งชั่วคราว จะกลายเป็นทุกขลาภและเป็นเหยื่อของสังคมออนไลน์จนต้องรีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน" ทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ในทำนองไม่เชื่อเรื่อง "แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน"

ทว่า พล.อ.ประวิตรใช้วิธี "นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว" โดยกล่าวเพียงยังไม่ได้ส่งหนังสือชี้แจง ป.ป.ช.

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถูกถามเรื่องนี้ โดยบอกว่าไม่ต้องให้กำลังใจอะไร ท่านเข้มแข็งพอ

"พล.อ.ประวิตรเป็นทหาร สามารถดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว ขอร้องสื่อให้ลดราวาศอกกันบ้าง" ผู้บังคับบัญชาปัจจุบันกล่าวถึงนายเก่า

พล.อ.ประยุทธ์วิเคราะห์สาเหตุที่ พล.อ.ประวิตรตกเป็นเป้าโจมตีหลายเรื่องว่า "เขาต้องการตีให้แตกออกจากฉัน ก็รู้อยู่ ฉันเองก็แข็งแรงเยอะ ถ้ายิ่งไม่มีคนอยู่ด้วย ก็จะยิ่งดุกว่าเดิม จะใช้อำนาจอย่างเต็มที่"