กรมอุตุฯ เตือนอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากต่อไปอีก 2 วัน

กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 43 ในวันนี้ (8 ม.ค.) ขอให้ประชาชนทางภาคใต้ตอนล่าง และบริเวณอ่าวไทย โดยเฉพาะในจังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นลมแรง และปริมาณฝนตกสะสมที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 10 ม.ค.นี้

ด้าน พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เฝ้าติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้อย่างใกล้ชิด โดยให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และชื่นชมคนไทยทุกภาคส่วนที่ไม่เคยทิ้งกันยามที่ผู้อื่นเดือดร้อน

พลโท สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะนี้แต่ละจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานการทำงานกับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ส่วนหน้า โดยเฉพาะการเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลให้สอดคล้องกับทิศทางการไหลของน้ำและสภาพทางภูมิศาสตร์ โดยใช้เรือผลักดันน้ำของกองทัพเรือและเครื่องสูบน้ำของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมทั้งการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เช่น ใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงส่งสิ่งของและอาหาร และอพยพผู้ประสบภัย จัดเรือขนาดเล็กเข้าสู่พื้นที่ทางน้ำ แจกจ่ายถุงยังชีพ จัดชุดซ่อมแซมเส้นทางคมนาคมและป้องกันไม่ให้ระบบสื่อสารถูกตัดขาด ดูแลด้านการแพทย์และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นต้น

มีรายงานว่า ในวันนี้กองทัพเรือจัดเรือหลวงอ่างทองซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่พร้อมเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงเรือผลักดันน้ำอีก 20 เครื่อง เดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำเรือผลักดันน้ำไปช่วยผลักดันน้ำท่วมลงสู่ทะเล โดยเรือหลวงอ่างทองจะเป็นฐานปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และเป็นศูนย์กลางรวบรวมสิ่งของ อาหาร ตลอดจนเป็นโรงพยาบาลสนามและครัวสนาม โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่อยู่ประจำเรือช่วยลำเลียงส่งสิ่งของและอาหารให้แก่ผู้ประสบภัยอย่างทั่วถึง และให้ความช่วยเหลือได้ทันท่วงที โดยจะอยู่ปฏิบัติการในพื้นที่จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย