ระเบิด รพ.พระมงกุฎฯ : รู้อะไรแล้วบ้าง?
ผู้บัญชาการทหารบกระบุเหตุวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าเป็นระเบิดไปป์บอมบ์เช่นเดียวกับเหตุระเบิดที่หน้ากองสลากเมื่อเดือนที่แล้ว และหน้าโรงละคร แห่งชาติเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งประณามว่าเป็น 'สิ่งเลวร้าย' หวังผลถึงขั้นให้มีผู้เสียชีวิต และต้องการปั่นป่วนการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมหน่วยความมั่นคงเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด เพราะผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้สูงอายุ และระเบิดครั้งนี้หวังผลถึงชีวิต เนื่องจากมีตะปูจำนวนมาก ขณะนี้ตำรวจกำลังติดตามข้อมูล และดำเนินการตามข้อมูลที่ได้รับ
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่าเมื่อมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง จึงเรียกหน่วยงานความมั่นคงทั้งหมดมาประชุมปรับแผนการรักษาความปลอดภัยในภาพรวมของประเทศ ซึ่งทั้ง 3 คดี คือระเบิดหน้ากองสลากเก่า (วันที่ 5 เมษายน) ระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ (15 พฤษภาคม) และระเบิดครั้งล่าสุด ทางตำรวจที่รับผิดชอบต้องดำเนินการจับกุม ผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนการบูรณาการงานด้านการข่าว ตนยอมรับว่ายังไม่ชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด แต่ 1 ใน 3 คดี หากได้ผู้ต้องสงสัยทุกอย่างจะสืบสาวไปได้ โดยเฉพาะการสรุปหลักฐานเบื้องต้นของตำรวจ คาดว่า 3 คดีที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากส่วนประกอบของระเบิดเป็นชนิดเดียวกันทั้งหมด ส่วนการวางกำลังเพื่อป้องกัน สถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่กลุ่มผู้ก่อการคิดจะไปก่อเหตุ ซึ่งตนสั่งการไปทุกกองทัพภาค ทุกกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) โดยเฉพาะ กกล.รส.ภาคที่ 1 ตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้จัดกำลังเข้าไปดำเนินการร่วมกับประชาชนช่วยกันดูแล ซึ่งคิดว่าจะดำเนินการได้ประสิทธิภาพ
เหตุระเบิดที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า
22 พ.ค. 2560
บาดเจ็บกว่า 20 คน
-
ชั้น 1 ห้องรอจ่ายยานายทหารระดับสูง
-
ครั้งที่ 2 ในรอบ 7 วันของเหตุระเบิดที่เกิดในกรุงเทพฯ
-
ครั้งที่ 3 ในรอบไม่ถึง 2 เดือนของเหตุระเบิดที่เกิดในกรุงเทพฯ
-
22 พ.ค.2560 ครบรอบ 3 ปีรัฐประหาร
เกี่ยวกับครบรอบ 3 ปี คสช. หรือไม่?
พล.อ.เฉลิมชัยเชื่อว่าเหตุระเบิดครั้งนี้น่าจะเป็นการปั่นป่วนการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับวาระครบรอบ 3 ปี คสช. หรือไม่ ตนคิดว่าไม่จำเป็น คนไม่ชอบ คสช. จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว จะกี่เดือนกี่วัน ถ้ามีจังหวะ และโอกาสเขาก็ทำ โดยยอมรับว่าการก่อเหตุในพื้นที่เปิด เช่น โรงพยาบาล ยากต่อการป้องกัน
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ตนคิดว่ากล้องวงจรปิดเป็นเรื่องสำคัญ ตนได้พูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ว่าทุกส่วนงาน ส่วนราชการ และหลายๆพื้นที่ต้องมีกล้องวงจรปิด ซึ่งส่วนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ คือกทม.ต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดที่มีคุณภาพ รวมทั้งประชาชนที่เป็นเจ้าของธุรกิจต่างๆ ขอให้ช่วยกัน เฉพาะภาครัฐอย่างเดียวจะเป็นการลงทุนสูง และต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าพวกเราทุกคนช่วยกันติดตั้งกล้องวงจรปิดก็จะสามารถช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนได้
"ผมขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีก อย่างครั้งล่าสุด นอกจากมีความรุนแรงแล้ว ยังเกิดในโรงพยาบาล โดยปกติ ไม่มีใครทำแบบนี้ และเป็นสิ่งเลวร้าย แม้แต่ช่วงสงคราม ระหว่างการรบ ยังไม่มีใครทิ้งระเบิดลงไปในโรงพยาบาล แต่นี่เอาระเบิดไปวางในโรงพยาบาล ซึ่งมีผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นคนแก่ เป็นเรื่องที่สังคม ต้องประณาม สิ่งเหล่านี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ทั้งนี้จากการพูดคุยเบื้องต้นผมมั่นใจว่าตำรวจสามารถดำเนินการได้ คิดว่ามีแนวทางสามารถสาวไปถึงตัวผู้ก่อเหตุได้ เมื่อได้มาหนึ่ง ทุกอย่างจะคลี่คลาย ซึ่งต้องให้เวลาตำรวจดำเนินการไปตามขั้นตอน ถึงเวลาก็จะแถลงข่าวเอง ถ้าบางเรื่องเร่งร้อนไปจะทำให้คาดเคลื่อน อีกทั้งเราจะขอข้อมูล ประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเพิ่มด้วย" พล.อ.เฉลิมชัย กล่าว
เหตุระเบิดที่อยู่ในความสนใจในรอบ 3 ปี
นอก 3 จังหวัดชายแดนใต้
10 เม.ย. 58
เซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เจ็บ 7 คน
17 ส.ค. 58
แยกราชประสงค์ ตาย 20 คน เจ็บ 130 คน
-
10-12 ส.ค. 59 9 ครั้งใน 5 จังหวัดภาคใต้ ตาย 4 คน เจ็บกว่า 30 คน
-
5 เม.ย. 60 หน้ากองสลากฯ กรุงเทพฯ
-
15 พ.ค. 60 หน้าโรงละครแห่งชาติ กรุงเทพฯ เจ็บ 2 คน
-
22 พ.ค. 60 รพ.พระมงกุฎเกล้า กรุงเทพฯ เจ็บกว่า 20 คน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษ หรือเพิ่มกำลังดูแลสถานการณ์ หรือไม่ เลขาธิการคสช. กล่าวว่า กฎหมายพิเศษคงไม่ต้อง แต่เรื่องการวางกำลังต้องมีความเข้มข้น มากขึ้น โดยนำกำลังออกมาดูแลทุกพื้นที่สำคัญ เพราะตอนนี้เรามีงานสำคัญจำนวนมาก ดังนั้นต้องเน้นดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. และเขต พระราชฐาน
ผู้ก่อเหตุ 'ไม่ใช่มือสมัครเล่น'
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกรายงานว่า นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงเหตุระเบิดโรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า ยอมรับคนก่อเหตุเป็นคนที่มีประสบการณ์มีศักยภาพ แล้วมีเครือข่ายไม่ใช่มือสมัครเล่น แต่ไม่ได้น่าวิตกกังวลอะไร ซึ่งการก่อเหตุ มีพัฒนาการที่สลับซับซ้อน มีรูปการหวังผลทางการเมืองสูง เพื่อให้คนตื่นตระหนกวิตกกังวล เพราะเป็นการก่อเหตุในสถานที่สาธารณะ ที่เกี่ยวโยงกับการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน แล้วยังเป็นพื้นที่ ควบคุมไม่มาก จึงเป็นเหตุให้เกิดผลกระทบได้ง่าย ต้องยอมรับว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องมีการปรับระบบในการทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบถึงเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นแล้วได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำเอาข้อมูลมารายงานให้ประชาชนได้รับทราบ
"ฝ่ายความมั่นคงจะต้องปรับพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สำคัญ แม้จะเห็นชัดในบางกรณีไม่ได้หวังทำร้ายถึงชีวิต แต่เห็นผลกระทบสูงมาก จึงต้องมาจัดระบบให้ดีขึ้น ในการควบคุมพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ของฝ่ายตรงข้ามที่เขามองว่า โจมตีแล้วได้ผลสูง อย่างน้อยคือ ประชาชนมีความตื่นตระหนก มีความกังวล คนที่ทำงานได้เครดิต คนที่ทำงานในพื้นที่ได้รับผลกระทบรุนแรงไปด้วย แต่ในแง่ผลกระทบถือว่า ไม่รุนแรงมากนักแต่ประมาทไม่ได้" ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าว