รัฐบาลอ่อนแอ ทำเจรจาเบร็กซิทซับซ้อนขึ้น
นักวิเคราะห์การเงินชี้ นางเทเรซา เมย์ ไม่มีเสียงสนับสนุนการเจรจาฮาร์ดเบร็กซิทแล้ว หลังเผชิญความไม่แน่นอนการเมือง คาดผลการเลือกตั้งทำดัชนีหลักทรัพย์ผันผวน
นักซื้อขายหลักทรัพย์ในสหราชอาณาจักร และนักลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คาดว่าช่วงแรกของการเปิดซื้อขาย 08.00 น. เช้านี้ตามเวลาท้องถิ่น ตลาดจะมีความผันผวนกว่าปกติ เนื่องจากผลการเลือกตั้งชี้ว่าสหราชอาณาจักรจะเข้าสู่ภาวะ "สภาแขวน" (Hung Parliament) หมายถึงการไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากในสภา และจัดตั้งรัฐบาลได้
ในช่วงค่ำหลังมีรายงานเอ็กซิทโพล ค่าเงินปอนด์ปรับตัวลดต่ำลง โดยช่วงหนึ่งร่วงลดมาแตะ 1.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์ ก่อนปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่านางเทเรซา เมย์ จะได้คะแนนเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ แต่ขณะนี้เธอกลับกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง
แม้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงจะช่วยส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ แต่นักวิเคราะห์กำลังเป็นกังวลกับปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยนายมาร์ก เฮเฟเล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ลงทุนของบริษัทบริหารหลักทรัพย์ ยูบีเอส กล่าวว่า ผลการเลือกตั้ง น่าจะทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสถานะของนางเมย์ ซึ่งรัฐบาลมีแนวโน้มจะอ่อนแอลง และจะมีผลทำให้การเจรจาเบร็กซิทซับซ้อนยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่า แม้ความเคลื่อนไหวของค่าเงินปอนด์จะมีนัยสำคัญ แต่อาจสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่แผนการเจรจาถอนตัวจากสหภาพยุโรปแบบเบ็ดเสร็จ หรือฮาร์ด เบร็กซิท จะถูกปรับท่าทีให้อ่อนลง
ซึ่งนายนีล วิลสัน จากอีทีเอ็กซ์ แคปิตอล กล่าวว่า ขณะนี้นางเมย์ไม่มีเสียงสนับสนุนการเจรจาฮาร์ดเบร็กซิทแล้ว ประชาชนผู้ลงคะแนนไม่ต้องการเซ็นต์เช็คเปล่าให้เธอ ซึ่งอาจทำให้การเจรจาตกอยู่ในภาวะไม่แน่นอน แต่จะมีผลช่วยจำกัดขอบเขตที่ค่าเงินปอนด์จะปรับตัวลดลงด้วย
ด้านเซอร์วินซ์ เคเบิ้ล อดีตรัฐมนตรีธุรกิจ กล่าวว่า แนวทางการเจรจาเบร็กซิททั้งหมดจะถูกนำกลับมาทบทวนใหม่
ค่าเงินปอนด์ปรับตัวลดลงประมาณร้อยละ 1.5 มาอยู่ที่ 1.2792 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปอนด์ หลังจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ระหว่าง 1.28 และ 1.30 ดอลลาร์สหรัฐฯ และลดลงร้อยละ 1.7 เมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโร หรือ 1.1348 ยูโรต่อปอนด์
นักวิเคราะห์กังวลว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองนี้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ โดยนายซามูเอล ทอมบ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ จากแพนธีออน แม็คโครอีโคโนมิคส์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ไม่ข้อสรุปที่ชัดเจน จะไม่เป็นผลดี ในช่วงเวลาที่ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) รายไตรมาส ลดลงร้อยละ 0.2 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในกลุ่มประเทศจี 7
ดร. อมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย มองว่า นักลงทุนมองตลาดยังไร้ทิศทาง ขณะที่นักลงทุนบางคนอาจหวังจะมีการทำประชามติรอบใหม่ ซึ่งต้องจับตากันต่อไป อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้เกิดความผันผวนระยะสั้น โดยดร. อมรเทพเชื่อว่า เบร็กซิทต้องเดินหน้าต่อไปในการเจรจากับอียู โดยรัฐบาลอังกฤษจะกลับมามีความชอบธรรมจากประชาชนให้เดินหน้าแยกตัว
สำหรับผลกระทบต่อไทยนั้น มองว่าเราผ่านจุดวิกฤตช่วงเดือนมิถุนายนปีก่อน หรือช่วงการทำประชามติมาแล้ว อย่างมากหากปอนด์อ่อนค่า เงินบาทหรือสินทรัพย์เสี่ยงอื่นก็อ่อนค่าตามเล็กน้อยชั่วคราว ส่วนด้านการส่งออกหรือการท่องเที่ยวไทยพึ่งอังกฤษไม่มาก และปัญหานี้ไม่น่าลามไปประเทศอื่นในยุโรป จึงไม่น่ากังวล