วิกฤตกาตาร์ : ซาอุฯ กับอียิปต์ ร่วมมือชาติอื่นตัดสัมพันธ์
หลายชาติในโลกอาหรับรวมทั้งซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์ ประกาศตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ โดยอ้างว่ากาตาร์เป็นต้นเหตุทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางสั่นคลอน
ชาติที่ตัดสัมพันธ์กับกาตาร์กล่าวหาว่ากาตาร์สนับสนุนกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม ข้อกล่าวหาที่กาตาร์ปฏิเสธ
สำนักข่าวเอสพีเอของทางการซาอุฯ รายงานว่าซาอุฯ ได้ปิดพรมแดนทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศกับกาตาร์ ชาติที่รุ่มรวยด้วยทรัพยากรน้ำมันแห่งนี้แล้ว
กาตาร์เองชี้ว่าการตัดสินใจดังกล่าวของซาอุฯ นั้น "ไม่สมเหตุสมผล" และ "ปราศจากมูลความจริง"
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ชี้ให้ความแตกแยกระหว่างชาติอันทรงพลังในอ่าวเปอร์เชียซึ่งต่างเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และสะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน อียิปต์ กับกาตาร์ ดำเนินมาถึงจุดต่ำสุด
ชาติเพื่อนบ้านเหล่านี้ยังสร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลกาตาร์เพิ่มด้วยการปิดพรมแดนที่อยู่ติดกันขณะที่อียิปต์สั่งปิด น่านฟ้า และท่าเรือที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับกาตาร์ทุกทาง ในเวลาเดียวกันเยเมนและลิเบีย ก็ประกาศตัดสัมพันธ์ กับกาตาร์ด้วย
อามีร์ ราวาช ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่อยู่เบื้องหลังวิกฤตทางการทูตครั้งนี้ ได้แก่
1.กลุ่มภราดรภาพมุสลิม
กาตาร์และสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหลังเหตุการณ์อาหรับสปริง
กาตาร์ถูกมองว่าเป็นฝ่ายหนุนหลังกลุ่มอิสลามที่ได้รับผลประโยชน์ทางการเมืองจากบางประเทศ มีกรณีตัวอย่าง เช่น หลังจากนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี อดีตประธานาธิบดีอียิปต์ อดีตแกนนำกลุ่มภราดรภาพมุสลิม ถูกขับออกจากตำแหน่งในปี 2013 กาตาร์ก็กลายเป็นเวทีของสมาชิกกลุ่มที่รัฐบาลอียิปต์ไม่ยอมรับนี้ ขณะที่ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตราหน้ากลุ่มภราดรภาพมุสลิมว่าเป็นองค์กร "ก่อการร้าย"
สำนักข่าวซาอุดี เพรส ของทางการซาอุฯ เผยแพร่แถลงการณ์ ซึ่งมีเนื้อความกล่าวหากาตาร์ว่า "ยอมรับกลุ่มก่อการร้ายและนิกายต่าง ๆ รวมทั้งกลุ่มภราดรภาพมุสลิม กลุ่มแดช (ไอซิส) และอัลไคดา ที่ต้องการทำลายความมั่นคงในภูมิภาค"
อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีต่างประเทศกาตาร์ ระบุในแถลงการณ์ว่ามาตรการที่ซาอุฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรนดำเนินการนั้น "ไม่สมเหตุสมผลและตั้งอยู่บนข้อกล่าวหาที่ปราศจากมูลความจริง" แถลงการณ์ยังย้ำด้วยว่า กาตาร์นั้น "ยึดมั่นในกฎบัตรของกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ และเดินหน้าต่อสู้กับแนวคิดสุดโต่งและการก่อการร้าย"
2.ท่าทีต่ออิหร่าน
วิกฤตรอบล่าสุดมีต้นตอจากรายงานที่อ้างว่าเป็นข้อคิดเห็นของชีค ทามิม บิน ฮาเหม็ด อัล-ทานี เจ้าผู้ปกครองกาตาร์ ที่ทรงวิจารณ์สหรัฐฯ ว่า "มุ่งร้าย" ต่ออิหร่าน แต่กาตาร์ระบุว่ากลุ่มแฮคเกอร์อยู่เบื้องหลังการนำเนื้อหาข้อคิดเห็นดังกล่าวมาเผยแพร่ทางสำนักข่าวของกาตาร์เอง
ซาอุดีอาระเบียเป็นคู่ปรับสำคัญของอิหร่าน และไม่ต้องการให้อิหร่านก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญในภูมิภาค ซาอุฯ ออกแถลงการณ์กล่าวหากาตาร์ว่า "สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มก่อการร้ายที่อิหร่านหนุนหลังในเมืองคาทิฟ ทางตะวันออกของซาอุฯ ซึ่งคนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ กาตาร์ยังถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนกลุ่มกบฏฮูธีในเยเมน ข้อกล่าวหาทั้งหมดนี้กาตาร์ปฏิเสธ โดยยืนยันว่าไม่เคยแทรกแซงกิจการภายในของชาติใด
3.ความขัดแย้งในเขตปกครองด้านตะวันออกของลิเบีย
นับตั้งแต่นายมูอัมมาร์ กัดดาฟี ถูกขับออกจากตำแหน่งและถูกสังหารเมื่อปี 2011 เขตปกครองด้านตะวันออกของลิเบียตกอยู่ในสภาพระส่ำระสาย พล.อ.คาลิฟา ฮัฟตาร์ ผู้บัญชาการกองทัพเขตปกครองด้านตะวันออกของลิเบีย ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากอียิปต์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กล่าวหากาตาร์ว่า "สนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย" โดย พล.อ.ฮัฟตาร์ เป็นพันธมิตรกับฝ่ายรัฐบาลในเมืองโทบรุค ขณะที่กาตาร์สนับสนุนฝ่ายต่อต้านในเมืองทริโปลี
รัฐกาตาร์
เมืองหลวง: กรุงโดฮา
-
ประชากร 2.7 ล้านคน
-
พื้นที่ 11,437 ตร.กม.
-
ภาษาหลัก อาหรับ
-
ศาสนาหลัก อิสลาม
-
อายุขัย 79 ปี (ชาย), 78 ปี (หญิง)
-
สกุลเงิน ริยาล
4.ถล่มด้วยสื่อ
ซาอุดีอาระเบียระบุชัดในแถลงการณ์ที่ออกมาเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2017 ว่ากาตาร์ใช้สื่อเป็นเครื่องมือปลุกระดม สื่อของกาตาร์เปิดพื้นที่เป็นเวทีให้กลุ่มภารดรภาพมุสลิม อย่างไรก็ดี กาตาร์เองแย้งว่ามีความพยายามยุยงโดยใช้ข้อกล่าวหาที่กุขึ้น
กระทรวงต่างประเทศกาตาร์กล่าวในแถลงการณ์ว่าการรณรงค์(ต่อต้านกาตาร์) ผ่านสื่อไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ทัศนคติของสาธารณชนที่มีต่อภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาติในอ่าวเปอร์เชียร์ได้ และนี่คือเหตุผลที่ยังคงมีการปลุกกระแสกันอยู่ต่อไป