ยูเอ็นชี้ไทยศูนย์กลางแพร่ภาพล่วงละเมิดเด็กแทนฟิลิปปินส์

ค้ามนุษย์ในฟิลิปปินส์

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

ยูเอ็นชี้ความต้องการใช้บริการทางเพศเด็กเป็นต้นเหตุการค้ามนุษย์ในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยไทยกำลังกลายเป็นศูนย์กลางแพร่ภาพล่วงละเมิดเด็กผ่านเว็บแคมแทนที่ฟิลิปปินส์

สำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ร่วมกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) เผยแพร่รายงานหัวข้อ "การค้ามนุษย์จากกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมาไปยังประเทศไทย" (Trafficking in persons from Cambodia, Lao PDR and Myanmar to Thailand) ระบุตัวเลขประเมินเมื่อปี 2015 ว่าไทยมีผู้อพยพเข้าเมืองราว 4 ล้านคน ในจำนวนนี้ร้อยละ 90 เป็นผู้ย้ายถิ่นจากกัมพูชา ลาว และเมียนมา ซึ่งบางส่วนไม่ได้เดินทางเข้าประเทศผ่านช่องทางปกติ ทำให้ตกอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการถูกฉ้อโกง ล่อลวง กระทำรุนแรง และการเอาเปรียบ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงและความอ่อนไหวจะเพิ่มมากขึ้นในกรณีที่เป็นเด็ก

ยูเอ็นโอดีซี ชี้ด้วยว่า กลุ่มคนเหล่านี้สุ่มเสี่ยงตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ทั้งเพื่อการค้าแรงงานด้านเกษตร ประมง ก่อสร้างและบริการทางเพศ โดยผู้ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เด็ก และเด็กชาย

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างคำพูดนางดีอานา เดวี ที่ปรึกษาอาวุโสด้านงานวิจัยของยูเอ็นโอดีซี ว่าความต้องการใช้เด็กเพื่อบริการทางเพศ เป็นต้นเหตุของการค้ามนุษย์ โดยขณะนี้ปัญหากำลังรุนแรงขึ้น ถึงขั้นที่ความต้องการบริการทางเพศเด็กกำลังแซงหน้าอุปทาน

นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนยูเอ็นโอดีซีประจำภูมิภาค กล่าวกับรอยเตอร์ว่า ข้อมูลข่าวกรองเมื่อเร็ว ๆ นี้ชี้ให้เห็นว่าขณะนี้ศูนย์กลางการล่วงละเมิดทางเพศเด็กผ่านเว็บแคมได้ย้ายจากฟิลิปปินส์มายังไทยแล้ว เพราะมีความพยายามปราบปรามในฟิลิปปินส์

นายดักลาสกล่าวด้วยว่าผู้ตกเป็นเหยื่อคือเด็กจากไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยเป็นการกระทำการในมุมมืดและซ่อนเร้น เขาเห็นว่าเรื่องนี้ควรเป็นประเด็นที่ได้รับความใส่ใจ

แถลงข่าว

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนยูเอ็นโอดีซีประจำภูมิภาค และ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ระหว่างการแถลงข่าว เผยแพร่รายงานหัวข้อ "การค้ามนุษย์จากกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมาร์ ไปยังประเทศไทย" วันนี้ (10 ส.ค.2560)

ขณะที่นายไมตรี อินทุสุต ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ยังไม่ได้ศึกษารายงานดังกล่าวโดยละเอียด แต่โดยเบื้องต้นมองว่า การอพยพเข้าเมืองของพลเมืองประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่กรณีที่เป็นการค้ามนุษย์ทั้งหมด และ พม.ซึ่งมีหน้าที่ป้องกันการค้ามนุษย์ในเด็ก ได้ซักซ้อมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่อยู่โดยตลอดภายใต้กรอบของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กปี 2546

ทั้งนี้ นอกจากปัญหาการค้ามนุษย์ที่เกิดขึ้นในประเทศแล้ว ผู้หญิงไทยเองยังเผชิญปัญหาตกเป็นเหยื่อถูกล่อลวงให้ไปขายบริการทางเพศในสปาที่อินเดียด้วย

เมื่อวันพุธ (9 ส.ค.) มูลนิธิทอมป์สัน รอยเตอร์ รายงานว่าในปีนี้มีหญิงไทยอย่างน้อย 40 ราย ที่ได้รับการช่วยเหลือ หลังตำรวจบุกเข้าตรวจค้นร้านนวดที่เปิดขึ้นบังหน้าสถานค้าบริการทางเพศในเมืองมุมไบ เมืองปูเน และเมืองอื่นๆ โดยในปฏิบัติการตรวจค้น เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีหญิงไทย 10 คน อายุระหว่าง 25-40 ปีได้รับการช่วยเหลือจากร้านนวดในย่านผู้มีฐานะของเมืองปูเน

นางจโยตี นาเล ผู้อำนวยการโครง Save the Children ประจำประเทศอินเดีย กล่าวว่า "ในอินเดียมีความต้องการหมอนวดไทยสูงมาก ซึ่งสาวไทยตกเป็นเป้าสายตาเพราะมีผิวสีอ่อน"

เว็บแคม

ที่มาของภาพ, Getty Images

มูลนิธิทอมป์สัน รอยเตอร์ รายงานอีกว่าเท่าที่ผ่านมา หญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือ มักจะมาจากหลายรัฐทั่วอินเดีย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน แต่จากการจับกุมล่าสุดพบว่า หญิงสาวทุกคนที่ช่วยออกมาได้เป็นชาวไทย ทำให้นักรณรงค์และตำรวจอินเดียเชื่อว่า น่าจะมีหญิงไทยอีกจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อ

ตัวเลขจากมูลนิธิเซเล ของฝรั่งเศสระบุว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีผู้ค้าบริการทางเพศประมาณ 40 ล้านคน แต่ตำรวจและนักรณรงค์ระบุว่า ในหมู่ชายชาวอินเดียและกลุ่มนักท่องเที่ยว กำลังมีความต้องการหญิงสาวจากต่างแดน เช่นชาวไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหญิงชาวไทยที่บางส่วนเป็นผู้ค้าบริการทางเพศอยู่แล้ว ก็ต้องการแสวงหารายได้ที่สูงกว่าในอินเดียเช่นกัน

หัวหน้าตำรวจปราบปรามการค้ามนุษย์ของอินเดียระบุว่า "หญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือ ทำงานที่นี่มาประมาณ 3-4 เดือน และมีเงินติดตัวประมาณ 100,000 รูปี (55,500 บาท)" ขณะนี้ถูกส่งตัวไปยังศูนย์พักพิง เพื่อรอส่งกลับประเทศ

ด้านเจ้าหน้าสถานทูตไทยในอินเดีย ยืนยันว่า มีหญิงไทยจำนวนมากขึ้นที่ได้รับการช่วยเหลือจากแหล่งค้าบริการทางเพศทั่วประเทศ รวมถึงกรุงนิวเดลี และเมืองท่องเที่ยวอย่างชัยปุระ และเมืองบังกาลอร์ที่เป็นศูนย์รวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งผู้ที่ถูกส่งกลับประเทศ จะได้รับความช่วยเหลือในการฝึกทักษะตามโครงการฟื้นฟูต่อไป