จับจริง หรือ จัดฉาก ฟังความสองฝ่ายกรณี "โกตี๋"
นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ "ถูกอุ้ม" ตกเป็นข่าวอีกครั้งเมื่อ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังจากนายจอม เพชรประดับ ผู้สื่อข่าวอิสระได้เผยแพร่ ข้อความทางหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่านายวุฒิพงศ์ ได้ถูก "กลุ่มชายชุดดำประมาณ 10 คน คลุมหน้าด้วยหมวกไหมพรม พร้อมอาวุธครบมือ บุกเข้าจับตัวไป เมื่อเวลา 9.45 ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา"
หลังข่าวนี้เผยแพร่ออกไป นายวุฒิพงศ์ ผู้ต้องหามีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง ซ่องสุมอาวุธเพื่อก่อเหตุความรุนแรง และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยังไม่ปรากฏตัวออกมา
รัฐไทยยืนยัน ไม่มี "อุ้ม"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกกับสื่อว่าทราบข่าวจากโซเชียลมีเดียโดยหน่วยงานความมั่นคงของไทยยังไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้ทราบ
ขณะที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และพล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต่างระบุใน ทำนองเดียวกันว่าข่าวนายวุฒิพงศ์ "ถูกอุ้ม" น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อสร้างกระแส
พล.อ.ทวีป เชื่อว่านายวุฒิพงศ์อาจจะหลบไปเฉยๆ เพื่อสร้างภาพให้เห็นว่าเป็นการกระทำของรัฐ เขากล่าวด้วยว่าที่ผ่านมาทางการไทยได้เฝ้าติดตาม และดำเนินการทุกวิถีทางในการประสานกับทางการลาวให้ส่งตัวนายวุฒิพงศ์กลับประเทศ แต่การกระทำสิ่งใดนอกเหนือจากนั้นจะไม่เป็นผลดีแน่นอน
เลขา สมช. ไม่ได้ตอบคำถามที่ว่านายวุฒิพงศ์ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่กล่าวว่า "ทางการไทยยังติดตามตัวนายวุฒิพงศ์อยู่ และลาวไม่ได้ยืนยันว่า นายวุฒิพงศ์ยังอยู่ในลาว ซึ่งนายวุฒิพงศ์อาจจะหลบซ่อนอยู่ที่ไหนก็ได้"
"ลุงสนามหลวง" เชื่อ "ถูกปิดเคส"
ในขณะที่นายชูชีพ ชีวะสุทธิ์ หรือ "ลุงสนามหลวง" หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกทางการออกหมายจับฐานหมิ่นสถาบัน ซึ่งหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเช่น กัน เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า เขาเชื่อว่านายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ น่าจะ ถูก "ปิดเคส" ซึ่งเขาหมายถึงเสียชีวิตไปแล้ว หลังจากได้ถูกกลุ่ม ชายชุดดำนำตัวไปจากบ้านพักในกรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยเชื่อว่านายวุฒิพงศ์ น่าจะเกิดอาการหัวใจวาย
นายชูชีพ กล่าวว่าเขาได้รับข้อมูลว่ามีผู้อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 3 คน คือนายโกตี๋ ภรรยา และเพื่อนสนิท โดยคนทั้งสามถือเป็นกลุ่มคน ที่ถือได้ว่า "ปิดลับ" ที่สุดในบรรดาผู้ที่หลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านราว 40-50 คน โดยในจำนวนนี้มี 10 คนที่อยู่ในข่ายถูก "ปราบ"
นายชูชีพอ้างว่าที่ผ่านมาทางการของประเทศที่อาศัยอยู่ได้เคยบอกกล่าวให้ย้ายออกจากประเทศ แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีประเทศใดรองรับ ส่วนการจะเดินทางไปยังกัมพูชานั้นเกรงจะเป็นการ "หนีเสือปะจระเข้"
ทั้งนี้ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายวุฒิพงศ์ ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยหลังเกิดเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. ว่า เขาได้ออกจากลาวมาเคลื่อนไหวอยู่ในฝั่งไทยแล้ว แต่นายชูชีพ ระบุว่าไม่เป็นความจริง และเห็นว่าการพูดดังกล่าวของนายวุฒิพงศ์เป็นเพียงการ ปกปิดที่อยู่จริงเท่านั้น