10 เดชะพระบารมี ในปฏิบัติการ “ถ้ำหลวง”
การประกาศความสำเร็จของ "ภารกิจเป็นไปได้" ณ ถ้ำหลวง เป็นการกู้ภัยที่ทั่วโลกต้องจดจำไปอีกนาน บีบีซีไทยรวบรวม 10 เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ด้วย "เดชะพระบารมี" ในปฏิบัติการช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่า
"ภารกิจจะสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม..." นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (ศอร.) ระบุในระหว่างแถลงปิด ศอร. เมื่อ 11 ก.ค.
หลังทุกฝ่ายใช้ความพยายาม 17 คืน 18 วัน ในการเปิดปฏิบัติการกู้ภัยครั้งประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจำ เพื่อช่วยเหลือชีวิตนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย รวม 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวงตั้งแต่ 23 มิ.ย.
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา 28 ก.ค. 2561 และนับเป็นปีที่ 3 แห่งรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร บีบีซีไทยรวบรวม 10 เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ด้วย "เดชะพระบารมี" ในปฏิบัติการ "ถ้ำหลวง" มาให้ชม
จิตอาสา หน่วยสนับสนุนภารกิจ
ตัวแทนรัฐบาลคนแรก ๆ ที่รุดลงพื้นที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย ด้วยเครื่องแต่งกาย "จิตอาสา" พระราชทาน คือ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เมื่อ 28 มิ.ย. หรือ 5 วันหลังทีมหมูป่าติดอยู่ภายในถ้ำ ทั้งนี้ มท. 1 สวมเสื้อสีเหลืองลายฝีพระหัตถ์ ร. 10 พร้อมผ้าพันคอจิตอาสา และหมวดสีฟ้า
ก่อนที่วันรุ่งขึ้น (29 มิ.ย.) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางถึงถ้ำหลวงด้วยเครื่องแต่งกายแบบเดียวกัน เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานและครอบครัวทีมหมูป่า ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า ครม. ได้รับพระราชทานชุดจิตอาสามาเมื่อ 26 มิ.ย. และยังอัญเชิญกระแสรับสั่งของในหลวง ร. 10 มาแจ้งให้ครอบครัวรับทราบ "ท่านฝากถึงพวกเราให้กำลังใจ ให้มีความหวัง แล้วทุกอย่างจะปรากฏออกมา ดังนั้นขอให้พวกเราทำใจให้นิ่ง"
ในขณะที่ทีมกู้ภัยทำงานอยู่ภายในถ้ำ ด้านนอก มีประชาชนในโครงการจิตอาสา "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างน้อย 400 คนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำงานจิตอาสา ตลอด 2 สัปดาห์ อาทิ เก็บขยะ แจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้ผู้ปฏิบัติงาน
ต่อมาเมื่อปฏิบัติการถ้ำหลวงสำเร็จลุล่วง จบภารกิจใน 3 ขั้นตอน "ค้นหา-กู้ภัย-ส่งกลับ" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยพระราชทานและประชาชนจิตอาสาร่วมทำกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ หรือ บิ๊ก คลีนนิง เดย์ บริเวณถ้ำหลวง ระหว่างวันที่ 14-15 ก.ค. เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบของวนอุทยานให้กลับคืนสู่ธรรมชาติดังเดิม โดยมีจิตอาสากว่า 4,000 คนช่วยกันเก็บขยะ ใบไม้ รื้อถอนเต๊นท์ อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงรื้อฝายเบี่ยงทางน้ำบนเเนวเขา
ตั้งโรงครัวพระราชทาน
เมื่อคนทำงานต้องใช้กำลังกายลุยเข้าไปในที่มืด-แคบ-น้ำท่วม-อากาศเบาบาง และใช้กำลังความคิด วางแผนอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ กองทัพ "ถ้ำหลวง" จึงต้องเดินด้วยท้อง
27 มิ.ย. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ ผบ.ศอร. จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อปรุงอาหารสำหรับแจกจ่ายให้กับผู้ปฎิบัติหน้าที่ รวมถึงผู้ปกครองทีมหมูป่า สื่อมวลชน และประชาชนที่มาร่วมเกาะติดปฎิบัติ "ถ้ำหลวง"
พระราชทานสิ่งของจำเป็น
ศอร. ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อพา 13 ชีวิตทีมหมูป่ากลับบ้าน เจ้าหน้าที่หน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม (ซีล) รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำและนักดำน้ำจากนานาชาติถูกระดมมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อเข้าร่วมภารกิจ พร้อมนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ ทว่าไม่ใช่ทุกอย่างที่บันดาลได้ดังใจปรารถนา
ผบ.ศอร. เปิดเผยว่า ในหลวง ร. 10 ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดหาอุปกรณ์ที่ไม่สามารถจัดซื้อตามระบบราชการได้ทันเวลา เพื่อให้สามารถนำมาใช้ในการกู้ภัยได้ทันเหตุการณ์
ต่อไปนี้เป็นรายการสิ่งของพระราชทาน เฉพาะที่มีการเปิดเผยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐเท่านั้น เพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการซึ่งต้องทำงานท่ามกลางความมืดมิดภายในถ้ำ และฝนที่ถล่มลงมาอย่างต่อเนื่อง ยังความปลาบปลื้มใจให้ให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน
- 29 มิ.ย. พระราชทานเสื้อกันฝน 2,000 ตัว ยากันยุง 88 ลัง ไฟฉายพร้อมหมวก 1,500 ชุด กางเกงชั้นใน 1,500 ตัว ชุดหมีพร้อมรองเท้าบูท 300 ชุด ถุงเท้า 1,500 คู่
- 2 ก.ค. พระราชทานชุดดำน้ำ 30 ชุด ถุงดำ 2 กระสอบ ถุงซิปล็อค 2 กระสอบ กาต้มน้ำ 2 ตัว ปลั๊กไฟ 1 กล่อง เทปกาว 1 กล่อง ผ้าห่มให้ความอบอุ่น 1 โหล หลอดไฟแอลอีดีที่สามารถชาร์ตไฟได้
- (ไม่ระบุวันแน่ชัด) พระราชทานขวดอากาศ 200 ขวด
ทรงติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
รมว.มหาดไทยเปิดเผยเมื่อ 25 มิ.ย. ว่า ทางราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แจ้งว่าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเยาวชนและโค้ช 13 คนที่ยังติดอยู่ในภายในถ้ำหลวง ทรงห่วงใยกลุ่มผู้ประสบภัยทุกคน และทรงให้กำลังใจไปยังครอบครัวผู้ประสบภัย ขอให้ทุกคนปลอดภัย รวมถึงทรงให้กำลังใจผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการติดตามค้นหาขอให้ประสบความสำเร็จ
ต่อมานายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อ 29 มิ.ย. ว่า "พระองค์ท่านทรงติดตามทุกข่าว ดังนั้นการเสนอข่าวอะไรไป ท่านทอดพระเนตรหมด และพระราชทานแนวทางกลับมา นี่คือสิ่งที่เรียกว่าพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม"
พลันที่ชาวไทยและชาวโลกได้รับทราบ "ข่าวดีครั้งแรก" เมื่อนักดำน้ำชาวอังกฤษ 2 คน พบนักเตะเยาวชนและโค้ชปลอดภัยทั้ง 13 คน เมื่อ 2 ก.ค. ก่อนนำคลิปวิดีโอมาเผยแพร่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ออกเปิดเผยในวันรุ่งขึ้น (3 ก.ค.) ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือ 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงว่า การชมเชยเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ขอให้รักษาสติ สมาธิ ปัญญาในการปฏิบัติภารกิจ และภารกิจจะเรียบร้อยเมื่อทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย
ส่วนความสำเร็จที่เกิดขึ้น มาจากการวางแผนทำงานเป็นระบบ มีความสามัคคีทั้งคนไทยและต่างชาติ ซึ่งการนำคณะออกจากถ้ำต้องคิดและวางแผนให้ดี คำนึงถึงสุขภาพและสภาวะจิตใจก่อนนำตัวออกมา อย่าให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียทั้งคณะเด็กและผู้ช่วยเหลือ จากนั้นจึงส่งตัวเข้ารับการเช็กสภาพร่างกาย ณ โรงพยาบาล
พระราชทานคำแนะนำให้จัดระเบียบพื้นที่หน้าถ้ำ
หนึ่งในคำแนะนำที่ ร. 10 พระราชทานลงมาคือการจัดระเบียบพื้นที่บริเวณปากถ้ำ ซึ่ง รมว.มหาดไทยเป็นผู้เปิดเผยเมื่อ 27 มิ.ย. ว่าได้รับข่าวจากราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่ามีกระแสรับสั่งให้จัดระบบในการทำงาน โดยเฉพาะคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับแผนปฏิบัติการ รอให้กำลังใจอยู่ด้านนอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกมากขึ้น
ต่อมา ศอร. ได้บริหารจัดพื้นที่ใหม่ โดยเริ่มจากการกั้นพื้นที่การปฏิบัติงานของสื่อมวลชน ก่อนประกาศแจ้งให้หน่วยกู้ชีพกู้ภัยและสื่อมวลชนเคลื่อนย้ายออกนอกพื้นที่ภายในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 8 ก.ค. แล้วไปอยู่ที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โป่งผา แทน โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ. บรรเทาสาธารณภัย ซึ่งวันดังกล่าวเป็น "ดีเดย์" เปิดปฏิบัติการลำเลียงทีมหมูป่าชุดแรก 4 คนออกจากถ้ำหลวง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือด้วยดีจากสื่อมวลชน
ทรงรับสั่งให้ถอดบทเรียน "ถ้ำหลวง" ใช้เป็น "โมเดลกู้ภัย"
รมว.มหาดไทยเปิดเผยเมื่อ 10 ก.ค. ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งมาในเรื่องการบริหารจัดการให้ถอดบทเรียนและจัดทำบันทึกเขียนแผนไว้ "ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นโมเดล เป็นตัวแบบที่จะต้องนำไปใช้ได้ทั้งในถ้ำและบนบก เตรียมแผนในการฝึก"
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภารกิจกู้ภัยในถ้ำไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ในทั้งโลกนี้ ทำให้ไทยขาดประสบการณ์ เทคนิค และเครื่องมือ วิกฤตเด็กติดถ้ำจึงกลายเป็นโอกาสให้ไทยเพิ่มพูนทักษะด้านการนี้
พระราชทานยศ "น.ต." ให้ "วีรบุรุษถ้ำหลวง"
แม้ภารกิจถ้ำหลวงสำเร็จลงด้วยดี ได้ 13 ชีวิตทีมหมูป่ากลับคืนสู่อ้อมกอดของครอบครัว ทว่ามี 1 คนที่ยอม "พลีชีพ" ตัวเองคือ สมาน กุนัน หรือที่รู้จักในนาม "จ่าแซม"อดีตหน่วยซีล วัย 38 ปี
เขาเสียชีวิตเมื่อ 6 ก.ค. หลังเสร็จสิ้นภารกิจวางขวดอากาศภายในถ้ำ ร่วมกับทีมต่างชาติ 4 คน และชาวไทย 1 คน แต่เกิดหมดสติในระหว่างออกจากถ้ำ จนได้รับการยกย่องให้เป็น "วีรบุรุษถ้ำหลวง"
นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเสียพระราชหฤทัย ทรงพระกรุณารับศพไว้ในพระราชานุเคราะห์ 7 วัน พร้อมรับสั่งให้ประกอบพิธีศพอย่างสมเกียรติ
นอกจากนี้ยังทรงเชิดชูเกียรติจ่าแซม โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ นาวาตรี (น.ต.) เป็นกรณีพิเศษให้แก่ จ่าเอก (จ.อ.) สมาน กุนัน และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี และได้อุทิศความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จนกระทั่งตนเองเสียชีวิต มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน องค์กร และนานาประเทศ
มีพระราชหัตถเลขาถึงผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหัตถเลขา ถึงนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะ ผบ.ศอร. ความว่า "ได้ติดตามการปฏิบัติแล้ว น่าชื่นชมที่ได้เห็นข้าราชการผู้ใหญ่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง อดทน และมุ่งมั่นในภารกิจเฉพาะหน้า ที่ยากและท้าทาย แสดงถึงความมีสติปัญญา และมีการตัดสินใจที่ดี และวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง และเป็นศูนย์กลางแห่งการประสานการปฏิบัติจนภารกิจลุล่วงด้วยดี และได้ทราบว่าเป็นข้าราชการที่มีคุณภาพ กล้าต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และในเวลาเดียวกันก็มุ่งมั่นที่สร้างความดีและความถูกต้องให้เกิดขึ้นแก่ประเทศชาติ ขอชมเชยและให้กำลังใจ ขอให้รักษาความดีไว้ และขอให้มีความสุขความเจริญ"
ทรงรับทีมกู้ภัยนานาชาติเป็นพระราชอาคันตุกะ
ความยากลำบากในปฏิบัติการ "ถ้ำหลวง" ซึ่งกลายเป็น "ภารกิจที่เป็นไปได้" หรือมิชชัน พอสสิเบิล ในเมืองไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวต่างชาติ จึงมีรับสั่งให้ตอบแทนน้ำใจบุคคลเหล่านั้น
พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ชาวต่างประเทศที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจให้ดูแลให้ดี เมื่อเสร็จภารกิจแล้วให้พาท่องเที่ยว ต้อนรับอย่างดี ทรงรับเป็นพระราชอาคันตุกะของพระองค์ จนกว่าจะเดินทางกลับ
จัดงานเลี้ยงผู้ร่วมภารกิจถ้ำหลวงหน้าพระลานพระราชวังดุสิต
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมอบหมายให้รัฐบาลจัดงานเลี้ยงขอบคุณผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง ในวันที่ 1 ส.ค. เวลา 08.00-21.00 น. ภายใต้ชื่องาน "รวมใจเป็นหนึ่งเดียว" หรือ "United as One" ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐบาลใช้พระลานพระราชวังดุสิตเป็นสถานที่จัดงาน อีกทั้งยังพระราชทานอาหารเลี้ยงผู้ร่วมงานร่วมกับรัฐบาลด้วย
ในภาพวาดชุด THE HEROES ซึ่งศิลปินชาวเชียงรายได้ร่วมกันสร้างสรรค์ภาพวาดประวัติศาสตร์ เพื่อให้โลกจดจำมิตรภาพและความร่วมมือไร้พรมแดนในปฏิบัติการ "ถ้ำหลวง" โดยวาดภาพไว้บริเวณด้านหน้าสมาคมขัวศิลปะ ต.บ้านดู่ อ.เมือง เชียงราย ปรากฏพระบรมสาทิสลักษณ์ ในหลวง ร. 10 ด้วย
"ศิลปินทุกคนลงความเห็นว่า ภารกิจนี้ได้รับพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณอย่างมากมายจากในหลวง ร. 10 จึงมีการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ ร. 10 ลงไปที่ตึก รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ด้วย" นายสุวิทย์ ใจป้อม นายกสมาคมขัวศิลปะ กล่าว