ปธน.ทรัมป์ หนุนให้ครูมีอาวุธปืนไว้ป้องกันเหตุกราดยิง

นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมในรัฐฟลอริดาที่เกิดเหตุกราดยิงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าพูดคุยกับ ปธน.ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมในรัฐฟลอริดาที่เกิดเหตุกราดยิงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เข้าพูดคุยกับ ปธน.ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ มีแนวคิดให้ครู "ติดอาวุธ" ได้ เพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันเหตุกราดยิงในโรงเรียนได้ หลังเกิดเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมัธยมในรัฐฟลอริดา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายทรัมป์กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนมีอาวุธปืน จะสามารถยุติเหตุโจมตีเช่นนี้ได้ "อย่างรวดเร็ว" นอกจากนี้ยังสนับสนุนเสียงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบประวัติผู้ซื้ออาวุธปืนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

แนวคิดล่าสุดของประธานาธิบดีทรัมป์ถูกโยนออกมาวานนี้ (21 ก.พ.) ในวงสนทนาที่ทำเนียบขาว กับตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนมัธยม มาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ซึ่งเกิดเหตุโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน นอกจากนักเรียน ยังมีครูและสมาชิกครอบครัวของนักเรียน รวมกว่า 40 คน พวกเขาเพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก รวมถึงปฏิรูปกฎหมายอาวุธปืน

"เราจะแข็งขันอย่างมากในการตรวจสอบประวัติ โดยต้องเน้นอย่างมากในส่วนของสุขภาพจิต" นายทรัมป์กล่าวกับนักเรียนและย้ำว่า "มันจะไม่เป็นเพียงการพูดคุยอย่างที่เป็นมาในอดีต"

กระดาษโน้ตในมือของ ปธน.ทรัมป์ ระหว่างการรับฟังครั้งนี้

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, กระดาษโน้ตในมือของ ปธน.ทรัมป์ ระหว่างการรับฟังครั้งนี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้สนับสนุนข้อเสนอที่สมาคมปืนยาวแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นอาร์เอ) เคยเสนอก่อนหน้านี้ โดยสัญญาว่าจะพิจารณาข้อเรียกร้องให้ครูอาจารย์มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองเพื่อป้องกันเหตุ

"หากคุณมีครูที่เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธปืน พวกเขาจะสามารถหยุดเหตุโจมตีได้อย่างรวดเร็ว" นายทรัมป์กล่าว

"โดยที่ครูจะพกพาปืนติดตัวแบบปกปิด พวกเขาจะได้รับการฝึกพิเศษ และพวกเขาจะอยู่ในพื้นที่โรงเรียน และคุณก็จะไม่มีเขตปลอดอาวุธอีกต่อไป" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าว พร้อมให้เหตุผลว่า "สำหรับคนบ้า เพราะพวกเขาเป็นพวกขี้ขลาด" เขตปลอดอาวุธปืนเป็นเหมือนชี้ช่องให้เข้าไปโจมตี

หลายรัฐในสหรัฐฯ ได้อนุญาตให้พกปืนแบบปกปิดเข้าไปยังพื้นที่โรงเรียนได้ ขณะที่นายทรัมป์เคยปฏิเสธช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2016 ว่าเขาไม่ได้เห็นด้วยกับการอนุญาตให้มีการพกอาวุธปืนในสถานศึกษา

ทรัมป์: ติดอาวุธให้ครูสามารถป้องกันเหตุกราดยิงได้

ที่มาของภาพ, AFP

"เราทำให้เด็ก ๆ ผิดหวัง"

ตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุกราดยิงบางส่วนสนับสนุนข้อเสนอของทรัมป์ที่จะให้ครูพกอาวุธปืนเพื่อป้องกันเหตุ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เห็นด้วย

นายมาร์ค บาร์เด็น ซึ่งบุตรชายของเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนในรัฐคอนเนคทิคัตเมื่อปี 2012 กล่าวว่าการเพิ่มจำนวนอาวุธปืนไม่ใช่คำตอบของปัญหานี้

"ตอนนี้ครูในโรงเรียนมีความรับผิดชอบมากเกินพออยู่แล้ว มากเกินกว่าที่จะต้องมีความรับผิดชอบอันน่ากลัวในการใช้อาวุธปลิดชีวิตคนอื่น" นายบาร์เด็นกล่าวและว่า "ไม่มีใครอยากเห็นการยิงกันในโรงเรียน"

นายแอนดรูว์ พอลแล็ค ผู้สูญเสียลูกสาวขาวเขาในเหตุกราดยิงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวว่า "เราในฐานะประเทศทำให้เด็ก ๆ ของเราผิดหวัง"

นักเรียนจากหลายโรงเรียนร่วมเดินประท้วงรวมกับผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงครั้งนี้
คำบรรยายภาพ, นักเรียนจากหลายโรงเรียนร่วมเดินประท้วงรวมกับผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงครั้งนี้

วัยรุ่นหลายร้อยคนชุมนุมกันหน้าทำเนียบขาวก่อนการพูดคุยครั้งนี้ ขณะที่ผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา ยังคงล็อบบี้ให้ฟลอริดาเปลี่ยนกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ห้ามไม่ให้มีการขายปืนไรเฟิลจู่โจม

"เราต้องการการปฏิรูปกฎหมายปืน เราต้องกฎหมายที่มีสามัญสำนึก" เดพลานีย์ ทาร์ หนึ่งในผู้ประท้วง กล่าวในการชุมนุมครั้งแรก ซึ่งนำมาสู่การรวมตัวเคลื่อนไหวจำนวนมากทั่วทั้งสหรัฐฯ นับตั้งแต่เหตุกราดยิงที่โรงเรียนในเมืองพาร์คแลนด์ ในรัฐฟลอริดา รวมถึงนักเรียนในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย และเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ที่เดินออกจากห้องเรียนพร้อมกันเพื่อประท้วง

บัมป์สต็อก (bump stock) อุปกรณ์ที่ช่วยให้ปืนไรเฟิลยิงได้เร็วขึ้น

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, บัมป์สต็อก (bump stock) อุปกรณ์ที่ช่วยให้ปืนไรเฟิลยิงได้เร็วขึ้น

ผู้มีส่วนในการร่างกฎหมายของรัฐฟลอริดาบางคน กล่าวว่า พวกเขาจะพิจารณาเพิ่มอายุขั้นต่ำในการซื้อปืนไรเฟิลจู่โจม จาก 18 ปี เป็น 21 ปี แต่ปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้แบนอาวุธเหล่านี้โดยสิ้นเชิง

การพบปะเพื่อรับฟัง เกิดขึ้น 1 วัน หลังจากนายทรัมป์สั่งให้ฝ่ายบริหารเดินหน้าเพื่อแบน บัมป์สต็อก (bump stock) อุปกรณ์ที่ดัดแปลงให้ปืนไรเฟิลยิงได้เร็วขึ้น และถูกใช้โดยมือปืนในเหตุกราดยิงที่ ลาส เวกัส เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา

ขณะที่สมาคมปืนยาวแห่งชาติสหรัฐฯ (เอ็นอาร์เอ) ซึ่งสนับสนุนเงินราว 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 948 ล้านบาท) ในการสนับสนุนให้นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง คัดค้านการแบนบัมป์สต็อกครั้งนี้