ปูนซิเมนต์ไทยตั้งประธาน สนง.ทรัพย์สินฯ นั่งประธานบอร์ด

ภาพรถขนปูนซีเมนต์ของเอสซีจี

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยแพร่จดหมายของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งเรื่องมีมติแต่งตั้ง พล.อ.อ. สถิตพงษ์ สุขวิมล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการคนใหม่ แทนนายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้

ในจดหมายซึ่งลงนามโดยนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ แจ้งต่อกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อเวลา 12.42 น. ที่ผ่านมา ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ ยังมีมติตั้ง พ.ต.อ. ธรรมนิธิ วนิชย์ถนอม เข้าดำรงตำแหน่งแทนกรรมการที่ว่างลง โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน พล.อ.อ.สถิตพงษ์ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และเป็นราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระดับ 11 เทียบเท่าเลขาธิการพระราชวัง ตำแหน่งหมายเลข 1 และ เป็นประธานข้าราชบริพารในพระองค์ ขณะที่ พ.ต.อ.ธรรมนิธิ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายที่ประทับ ระดับ 11 อันดับ 2 ตำแหน่ง หมายเลข 5

ข้อความในจดหมายถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ที่มาของภาพ, WWW.SET.OR.TH

บุคคลทั้งสองได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เมื่อปีที่แล้ว หลังจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2560

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ยังได้มีมติแต่งตั้งและมอบหมายกรรมการในหน้าที่ต่าง ๆ และในคณะกรรมการชุดย่อย อีกหลายตำแหน่ง

ไตรมาสแรกกำไรวูบเกือบ 30%

ก่อนที่จะมีการแจ้งเรื่องการแต่งตั้งประธานกรรมการคนใหม่และเลือกตั้งกรรมการคนอื่น ๆ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ได้รายงานผลประกอบการในรอบสามเดือนแรกของปี (ม.ค. - มี.ค.) โดยระบุว่า มีกำไร 12,406 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 1 % แต่หากเปรียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้วจะพบว่าลดลง 29%

บริษัทระบุว่า กำไรที่ลดลงเป็นผลมาจากผลการดำเนินการของธุรกิจกลุ่มเคมิคอลที่ลดลง จากสกุลเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น กำไรส่วนได้เสียในบริษัทที่ร่วมลงทุนก็ลดลง ขณะที่ต้นทุนพลังงานจากแนฟทา (Naphtha) เพิ่มสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายรุ่งโรจน์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ว่า คาดว่าความต้องการใช้ซิเมนต์ในประเทศจะเติบโตราว 2-3% เนื่องจากการลงทุนของภาครัฐ และคาดว่าทั้งปี บริษัทจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องราว 60,000 ล้านบาท โดย 1 ใน 3 จะนำไปใช้สร้างโรงงานปิโตรเคมี ในเวียดนาม