4 ปีรัฐประหาร: "ผี" ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่ คสช. ยัง "กำจัด" ไม่ได้

ทักษิณ

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, นายทักษิณ ชินวัตร ทวีตข้อความพาดพิงศาลปกครองสูงสุดหลังมีคำพิพากษายืนให้การเพิกถอนหนังสือเดินทางสองฉบับ ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อวันที่ 1 พ.ค.2560

เหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้เกิดการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ซึ่งผู้สันทัดกรณีการเมืองไทยอ่าน "ระหว่างบรรทัด" ก็คือ ความต้องการที่จะกวาดล้างระบอบทักษิณสี่ปีผ่านไป แม้จะมีอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ก็ดูเหมือนว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังไม่สามารถ "กำจัด" เครือข่ายและฐานเสียงสนับสนุนของสองพี่น้องตระกูลชินวัตรได้อย่างถอนรากถอนโคน

ในขณะที่ฝ่ายต่อต้าน "ระบอบทักษิณ" เห็นว่าความล้มเหลวของ คสช. ในกรณีนี้เกิดจากการติดกับของตนเองที่ต้องการจะสืบทอดอำนาจต่อไป ส่วนนักวิชาการตั้งคำถามว่าอาจมีความจงใจที่จะเก็บ "ผี" ไว้เพื่อให้เห็นความสำคัญของ "หมอผี" หรือไม่

ขึงขังเมื่อเริ่มต้น

ทันทีที่เข้ายึดอำนาจ คสช. ออกคำสั่งเรียกบุคคลมารายงานตัวเกือบ 300 คน ในจำนวนนี้มีน้องสาวและน้องเขยของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) รวมอยู่ด้วยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ แต่ผลงานที่สร้าง "ความรำคาญใจ" ให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ในเวลาต่อมาคือ การออกประกาศกระทรวงต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทาง 2 ฉบับของ อดีตนายกฯ เมื่อ 26 พ.ค.2558 จนทำให้ พ.ต.ท. ทักษิณต้องให้ทนายฟ้องร้องอธิบดีกรมการกงสุลในขณะนั้น และพวกรวม 2 คน

ไม่ถึง 4 เดือนให้หลัง นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ถอดยศ "พันตำรวจโท" เมื่อ 6 ก.ย. 2558 เพราะ "เป็นกรณีกระทบต่อความมั่นคงของชาติและมีความจำเป็นต้องดำเนินการเป็นการด่วน"

พล.อ. สนธิ บุณยรัตกลิน ในขณะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2006 หนึ่งวัน หลังยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, พล.อ. สนธิ บุณยรัตกลิน ในขณะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2006 หนึ่งวัน หลังยึดอำนาจจากนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร

ผ่านไปเกือบปีครึ่ง เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรได้นำหนังสือประเมินภาษีของนายทักษิณ จากการซื้อขายหุ้น บมจ.ชิน คอร์ป เมื่อปี 2549 ไปติดไว้ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เขตบางพลัด เมื่อ 28 มี.ค. 2560 โดยมีภาษี เบี้ยปรับและเงินเพิ่ม รวมจำนวน 1.763 หมื่นล้านบาท

ปลุกผีคดีเก่า ไร้อายุความ

ในวันที่ 29 ก.ย. 2560 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ โดยมีสาระสำคัญคือบัญญัติให้การพิจารณาคดีใช้ระบบไต่สวน ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีลับหลังจำเลย และคดีไม่มีอายุความ ซึ่งส่งผลให้สามารถกลับมาพิจารณาคดีของนายทักษิณที่คั่งค้างได้อีกครั้ง หลังจากศาลได้มีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เป็นการชั่วคราวก่อนหน้านี้ เนื่องจากไม่สามารถนำตัวจำเลยมาปรากฏต่อหน้าศาลในวันพิจารณาครั้งแรกได้ หรือวันเปิดคดี

พ.ร.ป. นี้ ทำให้คดีที่ "สลบ" อยู่ได้ฟื้นชีพอีกครั้ง ได้แก่ คดีทุจริตออกกฎหมายแปลงสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต, คดีทุจริตธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัทในเครือกฤษดามหานครกว่า 9 พันล้านบาท, คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้เมียนมา 4 พันล้านบาท และคดีหวยบนดิน ส่วนคดีฟื้นฟูกิจการบริษัทอุตสาหกรรมเคมีกัลไทย (TPI) อยู่ระหว่างการยื่นฟ้องของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ

คดีของยิ่งลักษณ์

ยิ่งลักษณ์

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

27 ก.ย. 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลังในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว สั่งจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเวลา 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา หลังจากที่อดีตนายกฯ หายตัวไป ไม่มาตามนัดฟังคำพิพากษาเมื่อ 25 ส.ค. 2560 ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยืนยันมาโดยตลอดว่าจะยืนหยัดต่อสู้คดีโดยไม่หลบหนีไปไหน

คำพิพากษาจำคุกนำไปสู่การเพิกถอนหนังสือเดินทาง 4 ฉบับของนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศ พร้อมกับที่กรมบังคับคดีตามยึด-อายัดทรัพย์สินของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ เพื่อชดใช้ความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท

หายตัวไปโดยไร้ร่องรอย?

การหายตัวไปของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ สร้าง "ความอิหลักอิเหลื่อ" ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทำให้ คสช. ก็ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากจะตอบให้กระจ่างได้ว่าปล่อยให้อดีตนายกฯ หลบหนีออกนอกประเทศได้อย่างไร ทั้งที่เฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด และจนถึงบัดนี้ หมายจับก็ยังไม่ส่งไปถึงตำรวจสากล ท่ามกลางความ "ขึงขัง" ของทางการไทยในการ "ล่าตัว" เธอมารับโทษ

อีก 3 เดือนต่อมา อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงปรากฏตัวที่ประเทศอังกฤษ โดยภาพผู้หญิงคล้าย น.ส. ยิ่งลักษณ์ กำลังเดินชอปปิ้งที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนเกลื่อนสื่อสังคมออนไลน์ในปลายเดือน ธ.ค. และตามมาด้วย ภาพนักท่องเที่ยวไทยขอถ่ายภาพกับ น.ส. ยิ่งลักษณ์ บริเวณด้านนอกห้างแฮร์รอดส์ กรุงลอนดอน

ประยุทธ์

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, "ขณะนี้ประเทศไทยมี 2 คนขยับอยู่ต่างประเทศ แต่กลับทำให้คนป่วนไปหมดในประเทศ ส่วนตัวจึงไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น...ขยับทีเป็นข่าวไปหมด เดือดร้อนคนทั้งประเทศ" นายกรัฐมนตรีกล่าวเมื่อมีกระแสข่าวว่าอดีตสองนายกฯ เดินทางไปตามประเทศต่าง ๆ

ไม่นานนัก ก็มีภาพนายทักษิณพร้อม น.ส. ยิ่งลักษณ์ กำลังเลือกซื้อเกาลัด อยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่นครปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อ 10 ก.พ. 2561 ปรากฏต่อผู้สนับสนุนชาวไทย

ในปลายเดือน มี.ค. รายงานข่าวของสื่อญี่ปุ่น และการรายงานสดของสื่อไทยบางแห่งถึงภาพ 2 พี่น้องชินวัตร มาร่วมงานเปิดตัวหนังสือของนายอิชิอิ ฮาจิเมะ อดีตรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว

ที่นั่น นายทักษิณให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เขาไม่เกี่ยวกับพรรคแล้ว แต่เชื่อว่ายังมีคนเก่งอีกมากในพรรคเพื่อไทย พวกเขาจะนำพรรคชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายได้

1 พ.ค. ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง ให้การยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณ 2 ฉบับ โดยกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศชอบด้วยกฎหมาย นายทักษิณทวีตโจมตีศาลปกครองสูงสุดทันที หลังเงียบจากพื้นที่โซเชียลมีเดีย มาเกือบ 7 เดือน

"การที่ผมฟ้องไม่ใช่เพราะผมเดือดร้อนอะไร ที่ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางของไทย แต่ผมเพียงต้องการอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มีโอกาสปรับตัวจากการถูกปรามาส" คือหนึ่งในสามข้อความที่นายทักษิณทวีตข้อความผ่านบัญชีที่ใช้ชื่อว่า @ThaksinLive

"หมอผี" กับ "ปีศาจ"

ผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตรใส่หน้ากากขณะเดินขบวนประท้วงเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, ผู้สนับสนุนทักษิณ ชินวัตรใส่หน้ากากขณะเดินขบวนประท้วงเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2010

ความพยายามที่ดูเหมือนจะ "ขุดรากถอนโคน" ตระกูลชินวัตร กลับไม่สามารถคว้าตัวสองพี่น้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายไทยได้ ถูกตั้งคำถามจากนักวิชาการและคนเคยสนับสนุน คสช.

ดร. บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มองว่า รัฐบาล คสช. ยังไม่สามารถจัดการกับ "ระบอบทักษิณ" ได้ เนื่องจากกระบวนการปฏิรูปที่ไม่จริงใจของรัฐบาล เป็นเพียงวาทกรรมที่ทำให้ระบบราชการไทยมีอำนาจมากขึ้นไม่ใช่การปฏิรูปอย่างยั่งยืน

"การที่ คสช. ยังมีนายทักษิณไว้ ก็อาจทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งยังจำเป็นต้องเลือกหรือสนับสนุน คสช. อยู่ แต่ถ้านายทักษิณหายตัวไปเลย ประชาชนเหล่านั้นอาจจะบอกว่า หมดความจำเป็นที่จะมี คสช. ถ้า คสช. เป็นหมอผี และนายทักษิณเป็นปีศาจ หมอผีตัวนี้ก็ยังเห็นว่าปีศาจยังมีความจำเป็นในสังคมไทย" ดร. บุญเกียรติ กล่าว

ติดกับดักแห่งอำนาจ?

น.ส. รสนา โตสิตระกูล อดีตนักเคลื่อนไหวขับไล่ "ระบอบทักษิณ" กล่าวกับบีบีซีไทยว่าสาเหตุที่รัฐบาล และ คสช. ยังไม่สามารถจัดการกับเครือข่ายทักษิณได้ เพราะการบริหารงานของรัฐบาลทหารยังไม่สามารถเอาชนะใจประชาชนได้ ขณะที่นายทักษิณสามารถครองใจประชาชนได้อย่างน้อยในภาคอีสานกับภาคเหนือ

สำหรับ คสช. นั้น "อย่าว่าแต่จะครองใจภาคเหนือกับภาคอีสาน ครองใจคนที่พร้อมจะให้คุณ เชียร์คุณยังไม่ได้เลย" อดีตวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งกล่าว

"สิ่งที่เป็นความล้มเหลวของเขาคือเขาต้องการมาสืบต่ออำนาจ ดังนั้น กระบวนการทุกอย่างที่ คสช. ทำ จึงไม่ได้เป็นความ อิสระที่คุณต้องการจะเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่กลายเป็นเข้ามากำหนดทำนโยบาย ใช้เงินเพื่อที่จะหาคะแนนเสียงเพื่อสานต่อ อำนาจของคุณ"

เสียงของเสื้อแดง

ล็อคเก็ตทักษิณ ยิ่งลักษณ์

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

นายมหวรรณ กะวัง นักจัดรายการวิทยุเชียงใหม่ ผู้นำคนหนึ่งของกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ กล่าวว่า ที่เขาสนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ เพราะว่า "ศรัทธาเพราะเป็นคนมีความสามารถ และมีผลงานที่ประจักษ์ได้จริง" ทั้งด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสวัสดิการของรัฐที่ให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะด้านสุขภาพที่เริ่มต้นจากสมัยที่นายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าถ้าจะถามว่าระบอบทักษิณมีจริงไหม สำหรับเขาน่าจะคือการที่คนสนับสนุนนายทักษิณจำนวนมาก ออกมาต่อสู้เรียกร้องเพื่อนายทักษิณ "ก็เพราะเห็นความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับท่านและในสังคมด้วย"

นายมหวรรณยังได้ระบุด้วยว่า คสช.นั้น แม้มีอำนาจเบ็ดเสร็จมาถึง 4 ปี "ก็ไม่ได้ทำให้มีความรู้สึกว่าทำได้ดีกว่ารัฐบาลทักษิณและยิ่งลักษณ์ที่ได้ทำไว้เลย นี่ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมยังคงสนับสนุนคุณทักษิณคุณยิ่งลักษณ์อยู่" หาก คสช. อ้างว่าผลงานเด่นก็คือทำให้เกิดความสงบด้านการเมือง "แต่ก็เป็นเพราะใช้กำลังกดดันมวลชนเอาไว้ หาก คสช. ลองปล่อยดู ก็จะรู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริง"

นายกฯ ประยุทธ์

ที่มาของภาพ, ทำเนียบรัฐบาล

"ไม่ดีจริง อยู่ไม่ได้"

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ต่อการบริหาร ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการทุจริตมิชอบต่อ รัฐบาลทหาร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ "พี่ใหญ่" ผู้เป็นหมายเลข 2 ของ คสช. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด

เขาอธิบายว่า หลังจาก คสช. เข้ามา ประเทศมีความสงบเรียบร้อยและประชาชนให้ความร่วมมือทุกอย่างเพราะต้องการความสงบ ส่วนด้านเศรษฐกิจ ก็พยายามแก้ไข หาทางเพิ่มอาชีพและรายได้ให้ประชาชน

"คสช. ทำงานมาตลอด ถ้า 4 ปี ไม่ดีจริง อยู่ไม่ได้" พล.อ. ประวิตร กล่าว