ไวรัสโคโรนา : สธ.พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 188 ราย ขอให้ประชาชนงดการเดินทาง
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยในรอบ 24 ชั่วโมงยังสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยวันนี้ (22 มี.ค.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 188 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 599 รายแล้ว
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ไทยยืนยันผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2563 ที่ สธ.แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงเป็นหลักร้อยคน
ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่มีการยืนยันในรอบ 5 วัน เป็นดังนี้
- 18 มี.ค. 35 ราย
- 19 มี.ค. 60 ราย
- 20 มี.ค. 50 ราย
- 21 มี.ค. 89 ราย
- 22 มี.ค. 188 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก สธ. กล่าวว่าผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่พบในกรุงเทพฯ เป็นคนวัยหนุ่มสาวที่มีอาการเล็กน้อย จึงยังคงออกไปใช้ชีวิตตามปกติ
นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนทุกคนว่าอย่าเดินทางกลับภูมิลำเนา แม้ว่าจะมีการหยุดงาน เนื่องจากอาจแพร่เชื้อสู่คนในต่างจังหวัดได้ ขณะที่คนในต่างจังหวัดก็ไม่ควรเดินทางข้ามจังหวัด เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 188 ราย แบ่งเป็นกลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม 1 ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้า 65 ราย
- สนามมวย 21 ราย ประกอบด้วย นักมวย เซียนมวย ผู้ปล่อยแถวนักมวย และผู้ชมซึ่งมาจากกรุงเทพฯ เลย หนองบัวลำภู ปทุมธานี อุดรธานี ชลบุรี นนทบุรี พัทลุง แพร่และสมุทรปราการ
- สถานบันเทิงย่านเอกมัย 5 ราย
- เข้าร่วมพิธีทางศาสนาที่ประเทศมาเลเซีย 2 ราย ที่ จ.นราธิวาสและยะลา
- สัมผัสผู้ป่วยก่อนหน้า 37 ราย กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัด
กลุ่ม 2 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 15 ราย
- ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 8 ราย เป็นคนไทย 6 ราย ได้แก่ พนักงานที่ทำงานในผับบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา นักศึกษาที่เดินทางกลับจากอิหร่าน ส่วนชาวต่างชาติ 2 ราย เป็นชาวสวิสและอเมริกัน
- ผู้ที่อยู่ในย่านชุมชนที่มีคนหนาแน่นหรือทำงานใกล้ชิดนักท่องเที่ยว 7 ราย
กลุ่ม 3 ยืนยันการพบเชื้อแล้ว แต่รอสอบสวนโรค 108 ราย
ในจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด มีผู้ที่อาการหนัก 7 ราย ทุกรายใส่เครื่องช่วยหายใจและต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
โฆษก สธ. ยอมรับว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้หน่วยงานรัฐต้องยกระดับการควบคุมโรคระบาด โดยสิ่งที่ให้ความสำคัญในขณะนี้คือพยายามจำกัดวงการติดเชื้อให้ไม่แพร่ไปยังประชาชนในต่างจังหวัด เนื่องจากขณะนี้มีข้อบ่งชี้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่พบในต่างจังหวัดกำลังเพิ่มขึ้น คือ จาก 59 คน เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เป็น 122 คน ในวันที่ 21 มี.ค.
สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ 284 ราย สมุทรปราการ 28 ราย ภูเก็ต 13 ราย ปัตตานี 11 ราย และนนทบุรี 9 ราย
หวั่นประกาศปิดสถานที่ของ กทม. ทำให้คนแห่กลับภูมิลำเนา
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ประกาศ กทม.เรื่องการปิดสถานประกอบการหลายแห่งซึ่งมีผลตั้งแต่วันนี้ (22 มี.ค.) ถึงวันที่ 12 เม.ย. อาจส่งผลให้คนต่างจังหวัดจำนวนมากที่ทำงานในกรุงเทพฯ เดินทางกลับภูมิลำเนาซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายโรคไปด้วย
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดให้ทำแผนปฏิบัติการค้นหา เฝ้าระวังและป้องกันโรคในระดับอำเภอและหมู่บ้าน รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลของผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล และกำชับให้คนกลุ่มนี้ปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด
หยุดอยู่บ้านและอย่ากลับภูมิลำเนา
นพ.ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตอธิบายว่า ที่ผ่านมา สธ.ได้ย้ำให้ใช้มาตรการรักษาระยะห่างในสังคม คือ แต่ละคนอยู่ห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร แต่มาตรการนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับมาตรการจำกัดการเดินทาง
"ตอนนี้ต้องถือว่าสถานการณ์ในกรุงเทพฯ ไม่ต่างจากสถานการณ์ในญี่ปุ่นเมื่อเดือน ก.พ. ดังนั้นตอนนี้เราจำเป็นต้องใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง ผู้ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ควรออกไปจากต่างจังหวัด ผู้ที่อยู่ในต่างจังหวัดก็ไม่ควรเดินทางเข้ากรุงเทพฯ หากไม่มีความจำเป็นอย่างที่สุด" นพ.ชิโนรส กล่าว
รองอธิบดีกรมสุขภาพจิตอธิบายเพิ่มเติมว่า การเดินทางทำให้คนที่ไม่ติดเชื้อมีโอกาสติดเชื้อระหว่างการเดินทาง หรือหากเป็นผู้ที่ติดเชื้อโดยยังไม่รู้ตัว ก็อาจจะนำเชื้อนั้นไปแพร่ให้บุคคลที่รักในครอบครัว
นอกจากนี้ โรงพยาบาลต่างจังหวัดยังไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โรงพยาบาลที่มีความพร้อมที่สุดยังอยู่ในกรุงเทพฯ
"ดังนั้นการออกไปต่างจังหวัดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ อยู่ในกรุงเทพฯ ดีที่สุดแล้ว" นพ.ชิโนรสระบุ
นอกจากนี้ ยังทำหนังสือถึงอธิบดีกรมการขนส่งทางบกและผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือในการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยขอให้บริษัทขนส่งและผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะทำความสะอาดพาหนะก่อนและหลังการเดินทาง โดยเน้นพื้นที่สัมผัสร่วม , เก็บบันทึกข้อมูลชื่อ-นามสกุล และเบอร์โทรศัพท์ของผู้โดยสาร และคัดกรองผู้โดยสาร หากพบว่ามีไข้หรือไอ ขอให้งดการเดินทาง และขอให้จัดที่นั่งโดยเว้นระยะห่าง
"ถ้ารักพ่อแม่ อย่ากลับบ้าน"
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แสดงความกังวลถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในต่างจังหวัด เนื่องจากพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่ในต่างจังหวัดกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
"การที่รัฐบาลและ กทม.ประกาศปิดสถานที่ต่าง ๆ นั้นวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อให้อยู่บ้าน เพื่อที่คนที่มีเชื้อแล้วจะได้ไม่ไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่น แต่ถ้าใครที่ไม่ทำตามวัตถุประสงค์ คือ ยังคงเดินทาง ไปอยู่กับคนจำนวนมาก จะเป็นการเพิ่มเชื้อ"
นพ.โสภณย้ำว่าคนต่างจังหวัดที่อยู่ในกรุงเทพฯ ไม่ควรเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงนี้ เพราะแม้ว่าขณะนี้จะไม่มีอาการป่วย แต่หากติดเชื้อโควิด-19 แล้วก็อาจจะไปแพร่เชื้อให้คนที่บ้านในต่างจังหวัดได้ ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงมากขึ้นกว่าที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ในช่วงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ
"ถ้ารักพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ อย่าเพิ่งเดินทางกลับบ้านต่างจังหวัด ให้กักตัวเองอยู่ที่นี่ให้ครบ 14 วันเป็นอย่างน้อย เพราะช่วงที่ผ่านมาจำนวนผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ มีเพิ่มขึ้น บางคนอาจได้รับเชื้อไปแล้วและอยู่ระยะฟักตัว...ขอให้เข้าใจว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดพิเศษที่จะให้เดินทางกลับต่างจังหวัด เพราะระหว่างเดินทาง เรามีทั้งโอกาสได้รับเชื้อจากคนอื่น และแพร่เชื้อให้คนอื่นได้"
"อยากสื่อสารกับครอบครัวของแรงงานที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ว่า ถึงแม้ว่าลูกหลานจะได้หยุดงานในช่วงนี้ แต่การที่พวกเขาไม่กลับไปหาท่านเท่ากับเป็นการดูแลอีกแบบหนึ่ง ถ้ารักพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ก็อย่าเพิ่งกลับบ้าน เพราะว่ามันจะทำให้เกิดการติดเชื้อในต่างจังหวัด และหากป่วยขึ้นมาจริง จะยิ่งไม่คุ้ม ค่ารักษาพยาบาลที่ต้องดูแลกันต่อก็อาจจะมากกว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหากอยู่ในกรุงเทพฯ" นพ.โสภณกล่าว
นพ.โสภณกล่าวว่า สธ.ตระหนักดีว่าการปิดสถานประกอบการจะส่งผลกระทบต่อลูกจ้างที่จะขาดรายได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือจากนายจ้างให้ดูแลลูกจ้างด้วย เหมือนในต่างประเทศที่แม้จะหยุดกิจการชั่วคราว แต่นายจ้างยังช่วยดูแลลูกจ้างอย่างต่อเนื่อง
"ขณะนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเรา ถ้าลูกจ้างเราแข็งแรงและทุกคนหยุดงาน การแพร่ระบาดก็จะลดลง และสถานการณ์ก็จะกลับมาเป็นปกติในเวลาไม่นานมาก เศรษฐกิจก็จะฟื้นได้เร็ว แต่ถ้าปล่อยให้ระบาดหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน สถานการณ์จะแย่กว่านี้ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าคนที่มีฐานะดีกว่าเช่นผู้ประกอบการก็ต้องช่วยดูแลในส่วนนี้"
แผนที่การแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาทั่วโลก 22 เมษายน 2563
แผนที่นี้ใช้ข้อมูลที่มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์บันทึกไว้เป็นระยะ และอาจจะไม่สะท้อนข้อมูลล่าสุดของแต่ละประเทศ
เลื่อนเพื่อดูแผนที่
จำนวนผู้ติดเชื้อที่ยืนยันแล้วทั้งหมด | จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด |
---|---|
2,524,433 | 177,503 |
จำนวนผู้ติดเชื้อ | จำนวนผู้เสียชีวิต | |
---|---|---|
สหรัฐอเมริกา | 824,065 | 44,996 |
สเปน | 204,178 | 21,282 |
อิตาลี | 183,957 | 24,648 |
เยอรมนี | 148,453 | 5,086 |
สหราชอาณาจักร | 129,044 | 17,337 |
ฝรั่งเศส | 117,324 | 20,796 |
ตุรกี | 95,591 | 2,259 |
อิหร่าน | 84,802 | 5,297 |
จีน | 83,864 | 4,636 |
รัสเซีย | 52,763 | 456 |
บราซิล | 43,368 | 2,761 |
เบลเยียม | 40,956 | 5,998 |
แคนาดา | 39,405 | 1,915 |
เนเธอร์แลนด์ | 34,139 | 3,916 |
สวิตเซอร์แลนด์ | 28,063 | 1,478 |
โปรตุเกส | 21,379 | 762 |
อินเดีย | 20,111 | 645 |
เปรู | 17,837 | 484 |
ไอร์แลนด์ | 16,040 | 730 |
สวีเดน | 15,322 | 1,765 |
ออสเตรีย | 14,873 | 491 |
อิสราเอล | 13,942 | 184 |
ซาอุดีอาระเบีย | 11,631 | 109 |
ญี่ปุ่น | 11,512 | 281 |
ชิลี | 10,832 | 147 |
เกาหลีใต้ | 10,694 | 238 |
เอกวาดอร์ | 10,398 | 520 |
โปแลนด์ | 9,856 | 401 |
ปากีสถาน | 9,749 | 209 |
เม็กซิโก | 9,501 | 857 |
โรมาเนีย | 9,242 | 498 |
สิงคโปร์ | 9,125 | 11 |
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ | 7,755 | 46 |
เดนมาร์ก | 7,695 | 370 |
นอร์เวย์ | 7,241 | 182 |
อินโดนีเซีย | 7,135 | 616 |
สาธารณรัฐเช็ก | 7,033 | 201 |
เบลารุส | 6,723 | 55 |
ออสเตรเลีย | 6,647 | 74 |
เซอร์เบีย | 6,630 | 125 |
ฟิลิปปินส์ | 6,599 | 437 |
กาตาร์ | 6,533 | 9 |
ยููเครน | 6,125 | 161 |
มาเลเซีย | 5,482 | 92 |
สาธารณรัฐโดมินิกัน | 5,044 | 245 |
ปานามา | 4,821 | 141 |
โคลอมเบีย | 4,149 | 196 |
ฟินแลนด์ | 4,014 | 141 |
ลักเซมเบิร์ก | 3,618 | 78 |
อียิปต์ | 3,490 | 264 |
แอฟริกาใต้ | 3,465 | 58 |
บังกลาเทศ | 3,382 | 110 |
โมร็อกโก | 3,209 | 145 |
อาร์เจนตินา | 3,144 | 151 |
ไทย | 2,826 | 49 |
แอลจีเรีย | 2,811 | 392 |
มอลโดวา | 2,614 | 72 |
กรีซ | 2,401 | 121 |
ฮังการี | 2,168 | 225 |
คูเวต | 2,080 | 11 |
คาซัคสถาน | 2,025 | 19 |
บาห์เรน | 1,973 | 7 |
โครเอเชีย | 1,908 | 48 |
ไอซ์แลนด์ | 1,778 | 10 |
อุซเบกิสถาน | 1,692 | 6 |
อิรัก | 1,602 | 83 |
เอสโตเนีย | 1,552 | 43 |
โอมาน | 1,508 | 8 |
อาเซอร์ไบจาน | 1,480 | 20 |
นิวซีแลนด์ | 1,451 | 14 |
อาร์เมเนีย | 1,401 | 24 |
ลิทัวเนีย | 1,370 | 38 |
สโลวีเนีย | 1,344 | 77 |
บอสเนีย และเฮอร์เซโกวินา | 1,342 | 51 |
มาซิโดเนียเหนือ | 1,231 | 55 |
สโลวาเกีย | 1,199 | 14 |
แคเมอรูน | 1,163 | 43 |
คิวบา | 1,137 | 38 |
อัฟกานิสถาน | 1,092 | 36 |
กานา | 1,042 | 9 |
บัลแกเรีย | 1,015 | 47 |
จิบูตี | 945 | 2 |
โกตดิวัวร์ | 916 | 13 |
เปอร์โตริโก | 915 | 64 |
ตูนิเซีย | 901 | 38 |
ไซปรัส | 784 | 12 |
ไนจีเรีย | 782 | 25 |
ลัตเวีย | 748 | 9 |
อันดอร์รา | 717 | 37 |
เรือสำราญ ไดมอนด์ พรินเซส | 712 | 13 |
กินี | 688 | 6 |
เลบานอน | 677 | 21 |
คอสตาริกา | 669 | 6 |
ไนเจอร์ | 657 | 20 |
คีร์กิซสถาน | 612 | 7 |
แอลเบเนีย | 609 | 26 |
โบลิเวีย | 609 | 37 |
บูร์กินาฟาโซ | 600 | 38 |
อุรุกวัย | 543 | 12 |
คอซอวอ | 510 | 12 |
ฮอนดูรัส | 510 | 46 |
ซานมาริโน | 476 | 40 |
ดินแดนปาเลสไตน์ | 466 | 4 |
มอลตา | 443 | 3 |
จอร์แดน | 428 | 7 |
ไต้หวัน | 425 | 6 |
เซเนกัล | 412 | 5 |
เรอูนียง | 410 | |
จอร์เจีย | 408 | 4 |
สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก | 350 | 25 |
มอริเชียส | 328 | 9 |
กัวเตมาลา | 316 | 8 |
มอนเตเนโกร | 313 | 5 |
มายอต | 311 | 4 |
ศรีลังกา | 310 | 7 |
ไอล์ ออฟ แมน | 307 | 9 |
เคนยา | 296 | 14 |
เวเนซุเอลา | 288 | 10 |
โซมาเลีย | 286 | 8 |
เวียดนาม | 268 | |
มาลี | 258 | 14 |
เจอร์ซีย์ | 255 | 14 |
แทนซาเนีย | 254 | 10 |
เกิร์นซีย์ | 241 | 10 |
จาเมกา | 233 | 6 |
เอลซัลวาดอร์ | 225 | 7 |
ปารากวัย | 213 | 9 |
หมู่เกาะแฟโร | 185 | |
คองโก | 165 | 6 |
มาร์ตีนิก | 164 | 14 |
กาบอง | 156 | 1 |
รวันดา | 150 | |
กัวเดอลุป | 148 | 12 |
ซูดาน | 140 | 13 |
บรูไน (ดารุสซาลาม) | 138 | 1 |
กวม | 136 | 5 |
ยิบรอลตาร์ | 132 | |
กัมพูชา | 122 | |
เมียนมา | 121 | 5 |
มาดากัสการ์ | 121 | |
ตรินิแดดและโตเบโก | 115 | 8 |
เอธิโอเปีย | 114 | 3 |
ไลบีเรีย | 101 | 8 |
เบอร์มิวดา | 98 | 5 |
เฟรนช์เกียนา | 97 | 1 |
อารูบา | 97 | 2 |
โมนาโก | 94 | 3 |
มัลดีฟส์ | 86 | |
โตโก | 86 | 6 |
อิเควทอเรลกินี | 83 | |
ลิกเตนสไตน์ | 81 | 1 |
บาร์เบโดส | 75 | 5 |
แซมเบีย | 70 | 3 |
กาบูเวร์ดี | 68 | 1 |
เนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส | 68 | 10 |
หมู่เกาะเคย์แมน | 66 | 1 |
กายอานา | 66 | 7 |
บาฮามาส | 65 | 9 |
ยูกันดา | 61 | |
ลิเบีย | 59 | 1 |
เฮติ | 58 | 4 |
เฟรนช์พอลินีเซีย | 57 | |
เบนิน | 54 | 1 |
หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา | 53 | 3 |
เซียร์ราลีโอน | 50 | |
กินีบิสเซา | 50 | |
เนปาล | 42 | |
ซีเรีย | 42 | 3 |
โมซัมบิก | 39 | |
เอริเทรีย | 39 | |
เซนต์มาร์ติน (ส่วนของฝรั่งเศส) | 38 | 2 |
มองโกเลีย | 35 | |
ชาด | 33 | |
เอสวาตีนี | 31 | 1 |
ซิมบับเว | 28 | 3 |
แอนติกา และบาร์บูดา | 24 | 3 |
แองโกลา | 24 | 2 |
ติมอร์-เลสเต | 23 | |
บอตสวานา | 20 | 1 |
สปป.ลาว | 19 | |
มาลาวี | 18 | 2 |
นิวแคลิโดเนีย | 18 | |
เบลีซ | 18 | 2 |
ฟิจิ | 18 | |
นามิเบีย | 16 | |
โดมินิกา | 16 | |
เซนต์ลูเซีย | 15 | |
เซนต์คิตส์และเนวิส | 15 | |
คูราเซา | 14 | 1 |
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา | 14 | 2 |
สาธารณรัฐแอฟริกากลาง | 14 | |
เกรนาดา | 14 | |
เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์ | 13 | |
มอนต์เซอร์รัต | 11 | |
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ | 11 | |
หมู่เกาะเติกส์และหมู่เกาะเคคอส | 11 | 1 |
กรีนแลนด์ | 11 | |
บุรุนดี | 11 | 1 |
เซเชลส์ | 11 | |
สุรินัม | 10 | 1 |
แกมเบีย | 10 | 1 |
นิการากัว | 10 | 2 |
วาติกัน | 9 | |
MS Zaandam | 9 | 2 |
ปาปัวนิวกินี | 7 | |
มอริเตเนีย | 7 | 1 |
ภูฏาน | 6 | |
แซ็ง-บาร์เตเลมี | 6 | |
ซาฮาราตะวันตก | 6 | |
หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน | 5 | 1 |
ซูดานใต้ | 4 | |
เซาตูเมและปรินซิปี | 4 | |
แองกวิลลา | 3 | |
เยเมน | 1 | |
แซงปีแยร์และมีเกอลง | 1 |
ที่มา: มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์, หน่วยงานท้องถิ่น
ข้อมูล 22 เมษายน 2563 13:00 GMT+7 ล่าสุด