อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม 'เสียชีวิตจากปฏิบัติการของสหรัฐฯ' ในซีเรีย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า หัวหน้ากลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (Islamic State--IS) ที่กำลังหลบหนีเสียชีวิตแล้วจากปฏิบัติการของทหารสหรัฐฯ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
นายทรัมป์ กล่าวจากทำเนียบขาวว่า นายอาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี ได้จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ระหว่างที่กองกำลังพิเศษบุกจู่โจม
นายบักห์ดาดี เริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2014 หลังจากประกาศก่อตั้ง "รัฐอิสลาม" ในพื้นที่ที่อยู่ในอิรักและซีเรีย
ไอเอสได้ปฏิบัติการที่โหดเหี้ยมหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน
กลุ่มไอเอสได้ปกครองประชาชนเกือบ 8 ล้านคนในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมเหล่านั้นอย่างโหดร้ายทารุณ และยังอยู่เบื้องหลังการโจมตีในหลายเมืองทั่วโลกด้วย โดยก่อนหน้านี้ในปีนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศว่า "รัฐอิสลาม" พ่ายแพ้แล้ว
การเสียชีวิตของนายบักห์ดาดี เป็นชัยชนะครั้งสำคัญของนายทรัมป์ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการตัดสินใจถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกมาจากทางเหนือของซีเรียก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ และขณะนี้เขากำลังเผชิญกับการไต่สวนที่ฝ่ายเดโมแครตได้ยื่นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งด้วย
ในแถลงการณ์ช่วงเช้าวันอาทิตย์ นายทรัมป์ กล่าวว่า นายบักห์ดาดี เสียชีวิต หลังจากวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ที่เป็นทางตัน "ส่งเสียงคร่ำครวญ ร้องไห้ และกรีดร้องไปตลอดทาง" ขณะที่สุนัขของกองกำลังสหรัฐฯ กำลังวิ่งไล่เขา
นายทรัมป์ กล่าวว่า ลูก 3 คนที่ยังเล็กอยู่ของนายบักห์ดาดี อยู่กับเขาด้วยขณะเกิดเหตุ เขาได้จุดชนวนระเบิดเสื้อกั๊กติดตั้งระเบิดฆ่าตัวตายทำให้พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิต แรงระเบิดทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนายบักห์ดาดี ขาดกระจัดกระจายออกเป็นชิ้น ๆ แต่จากการตรวจสอบได้ยืนยันแล้วว่า เป็นนายบักห์ดาดี
"วายร้ายที่พยายามข่มขู่คนอื่นอย่างหนัก ได้ใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างน่าหวาดกลัว ตื่นตระหนก อกสั่นขวัญแขวน และกลัวว่า กองกำลังของสหรัฐฯ จะจู่โจมเขา" นายทรัมป์ กล่าว
ข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งนี้
ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดอิดลิบของซีเรีย ซึ่งห่างไกลจากจุดที่เชื่อว่า นายบักห์ดาดี กบดานอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างอิรักและซีเรีย หลายพื้นที่ของจังหวัดอิดลิบอยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบจีฮัดที่ต่อต้านกลุ่มไอเอส แต่คาดว่า กลุ่มที่เป็นอริหลายกลุ่มน่าจะให้ที่พักพิงแก่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธไอเอส
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า นายบักห์ดาดี ถูกสอดแนม "มา 2-3 สัปดาห์" แล้ว และได้มีการยกเลิกการบุกจู่โจมหลายครั้ง เพราะเขาไหวตัวทัน
นายทรัมป์ระบุด้วยว่า ไม่มีทหารสหรัฐฯ เสียชีวิตจากปฏิบัติการครั้งนี้ แต่มีสาวกของนายบักห์ดาดีหลายคนเสียชีวิตด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการเก็บ "ข้อมูลและหลักฐานที่มีความอ่อนไหวสูง" ไว้ด้วย
ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองบาริชา ซึ่งมีรายงานว่า เป็นจุดที่มีการโจมตีเกิดขึ้น บอกกับบีบีซีว่า เฮลิคอปเตอร์หลายลำยิงโจมตีนาน 30 นาทีในช่วงค่ำวันเสาร์ ก่อนที่ทหารจะเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่ เฮลิคอปเตอร์ได้ยิงบ้าน 2 หลัง จนทำให้บ้านหลังหนึ่งพังทลายลงจนราบเป็นหน้ากลอง
กองกำลังที่นำโดยชาวเคิร์ดในซีเรีย เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ทางตอนเหนือของซีเรีย จนกระทั่งนายทรัมป์ได้ถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากพื้นที่ในเดือนนี้ ระบุว่า พวกเขาได้ร่วมปฏิบัติการ "ครั้งประวัติศาสตร์" ครั้งนี้ด้วย
นายทรัมป์ได้ยกย่องกองกำลังชาวเคิร์ด รวมถึงรัสเซีย อิรัก ตุรกี และซีเรีย ที่ "ให้การสนับสนุนบางอย่าง" ต่อปฏิบัติการครั้งนี้
ใครคือ อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี
บักห์ดาดี ซึ่งมีชื่อจริงว่า อิบราฮิม ออว์วัด อิบราฮิม อัล-บาดรี มีชื่อเสียงในด้านของการเป็นนักกลยุทธ์จัดการสู้รบที่อำมหิตอย่างเป็นระบบ เขาถูกเรียกว่า ชายที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดในโลก
เขาเกิดใกล้กับเมืองซามาร์รา (Samarra) ทางเหนือของกรุงแบกแดดของอิรัก ในปี 1971 และรายงานหลายแห่งระบุว่า เขาเป็นครูสอนศาสนาที่มัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองนั้น ในช่วงที่สหรัฐฯ บุกอิรักในปี 2003
บางคนเชื่อว่า เขาได้เป็นนักรบจีฮัดแล้ว ในช่วงที่นายซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรักปกครองประเทศ หลายคนบอกว่า เขามีความสุดโต่งมากในช่วงที่เขาถูกจับที่ค่ายบุกกา (Camp Bucca) ซึ่งเป็นสถานที่ที่สหรัฐฯ จัดตั้งขึ้นทางใต้ของอิรักและใช้ควบคุมตัวผู้บัญชาการของกลุ่มอัลกออิดะห์หลายคน
นายบักห์ดาดี ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มไอเอสในปี 2010 ซึ่งรวมถึงกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักด้วย และได้ยิ่งกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธไอเอสบุกยึดเมืองโมซูล ของอิรัก ได้ในปี 2014 หลังจากนั้น เขาได้ประกาศก่อตั้ง "รัฐอิสลาม" ขึ้น
โดยช่วงเวลานั้นเป็นเพียงครั้งเดียวที่มีการพบเห็นเขาปรากฏตัวในที่สาธารณะ เขาได้ปรากฏตัวทางวิดีโอที่ไอเอสเผยแพร่ก่อนหน้านี้ในปีนี้ด้วย
เมื่อเดือน ต.ค. 2011 สหรัฐฯ ได้ระบุอย่างเป็นทางการว่า เขาเป็น "ผู้ก่อการร้าย" และเสนอมอบเงินรางวัล 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 300 ล้านบาท) ให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมตัวเขาหรือสังหารเขาได้สำเร็จ โดยเงินรางวัลนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 750 ) ในปี 2017