ทีมหมูป่า กับ ความหวังของคนไร้สัญชาติเกือบ 1 ล้านคน
"เกิดในประเทศไทยแท้ ๆ ก็ยังไม่ได้ ถ้าเขาได้ เราได้ด้วยไม่ได้เหรอ" หญิงชราวัย 65 ปี เชื้อสายไทใหญ่ ตั้งคำถาม
นางทอง* เจ้าของกิจการร้านขายของชำใน อ.แม่สาย จ.เชียงราย กำลังพูดถึงข่าวการขอสัญชาติของสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมี เปรียบเทียบกับหลานสาววัย 22 ปีของเธอที่เกิดในประเทศไทยแต่กลับเป็นคนไร้สัญชาติ
ปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนที่สำเร็จลุล่วง ได้จุดประเด็นเรื่องคนไร้สัญชาติที่อาศัยอยู่ในไทย เนื่องจากโค้ชทีมหมูป่าและนักฟุตบอลของทีมบางคน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในไทย แต่ไม่ได้มีสัญชาติไทย อย่างไรก็ดี ล่าสุดวันนี้ (8 ส.ค.) ได้มีพิธีมอบสัญชาติไทยให้ผู้ที่ขอสัญชาติไทย ตามมาตรา 7 ทวิ และมาตรา 23 ตามพ.ร.บ.สัญชาติ จำนวนทั้งหมด 30 คน ซึ่งรวมถึงสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมีและผู้ช่วยโค้ช 4 คน ได้แก่ ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม ด.ช.อดุลย์ สามอ่อน นายพรชัย คำหลวง และนายเอกพล จันทะวงศ์ หรือโค้ชเอก อายุ 25 ปี ด้วย
"ภาวนาขอให้ได้" นางทองกล่าว "อยากให้คนนี้ได้ เป็นห่วงเพราะว่าเขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ ขาดความอบอุ่น อยากให้เขาได้บัตรไทย ถ้าได้บัตรไทยแล้ว แม่เฒ่าก็ดีใจ" นางทองกล่าว
เมื่อกลางเดือน ก.ค. สำนักข่าวไทยรายงานว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ออกมายืนยันว่า กรณีขอสัญชาติของสมาชิก 4 คนของทีมหมู่ป่าอะคาเดมี จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ปฏิบัติเหมือนกับทุกคน แต่คำถามที่ยังเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางก็คือ บุคคลไร้สัญชาติคนอื่น ๆ จะได้รับการดำเนินการด้วยมาตรฐานและความรวดเร็วแบบเดียวกันหรือเปล่า
ตามข้อมูลประกาศสำนักทะเบียนกลาง กระทรวงมหาดไทย ตามหลักฐานการขึ้นทะเบียนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค. ปี 2560 ในจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักรไทยที่มีมากว่า 66.1 ล้านคน มีบุคคลที่ไม่ได้มีสัญชาติไทยถึง 875,814 คน
นางทอง และลูกสาวและหลานสาวของเธอ ก็เป็นส่วนหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้น ซึ่งถือบัตรประจำตัวประชาชนที่ขึ้นต้นด้วยเลข 0 หรือ 9 ซึ่งเป็นบัตรของบุคคลไร้สถานะทางทะเบียน นั่นคือ ไม่ปรากฏว่าบุคคลนั้นมีสัญชาติใดเลย การถือบัตรนี้ถือว่าอยู่ในกระบวนการขึ้นทะเบียนเพื่อรอการพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลในการขอสัญชาติ
"ด.ญ. ไทยใหญ่"
ปัญหาสำหรับหลานสาวของนางทองคือ มีหนังสือรับรองการเกิดแต่กลับยังไม่ได้เขียนชื่อ ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าร้านขายของชำ นางทองนำเอกสารหลักฐานปึกใหญ่มาเปิดให้ดู ชื่อบนหนังสือรับรองการเกิดของหลานสาวเธอเขียนเพียงว่า "ด.ญ." และนามสกุลว่า "ไทยใหญ่" ซึ่งเธอบอกว่าเป็น "ความไม่ละเอียด" ของทางการ
นางทองเล่าว่า ทั้งพ่อและแม่ของหลานสาวเสียชีวิตไม่นานหลังจากเธอเกิด และนี่ทำให้หลานสาวของเธอไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดในประเทศไทยจริง ๆ และก็ไม่มีรูปถ่ายจากงานศพของพ่อแม่เป็นหลักฐานตามที่มูลนิธิที่ให้การช่วยเหลือเรื่องการขอสัญชาติแนะนำ
นางจันทร์* ลูกสาวอีกคนหนึ่งของนางทองซึ่งถือบัตรประจำตัวที่ขึ้นต้นด้วยเลข 0 เช่นกัน เล่าว่า ขณะนี้ หลานสาวซึ่งกำลังทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ต้องพบกับปัญหามากมาย อาทิ สมัครงานยากเพราะนายจ้างส่วนใหญ่ต้องการคนที่ถือประจำตัวประชาชนไทย และยังต้องเดือนทางกลับบ้านมาเพื่อรายงานตัวทุก ๆ 6 เดือนด้วย
ในกรณีของทีมหมูป่าอะคาเดมี สมาชิกทีมทั้ง 4 คน คือ ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม อายุ 13 ปี ด.ช.อดุลย์ สามอ่อน อายุ 14 ปี นายพรชัย คำหลวง อายุ 16 ปี และนายเอกพล จันทะวงศ์ หรือโค้ชเอก อายุ 25 ปี ล้วนไม่ได้แจ้งการเกิด และไม่มีสูติบัตร ตามรายงานของสำนักข่าวไทย การขอสัญชาติของคนทั้ง 4 คน ต้องเริ่มด้วยการพิสูจน์ว่าพวกเขาเกิดในประเทศไทยเพื่อที่จะได้รับสูติบัตรหรือหนังสือรับรองการเกิดจากนายทะเบียน โดยพยานหลักฐานสำคัญที่จะต้องใช้ได้แก่ บุคคลที่รู้เห็นการเกิด อาจเป็นหมอตำแย ญาติ เพื่อนบ้านใกล้เคียง หรือผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ด.ช.มงคล และนายพรชัย จะได้รับสัญชาติหากพวกเขาเกิดในประเทศไทย โดยมีบิดาหรือมารดาเป็นชนกลุ่มน้อยที่ทางราชการได้สำรวจจัดทำทะเบียนประวัติไว้ และมีเลขประจำตัว 13 หลัก เและบิดาหรือมารดาต้องเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 ปีนับถึงวันที่บุตรยื่นขอสัญชาติ
นางทองมีเอกสารที่เธอคิดว่าน่าจะเป็นหลักฐานได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกันมาตั้งแต่หลานสาวเกิด สมุดรายงานประจำตัวที่โรงเรียนอนุบาล ไปจนถึงใบแสดงผลการเรียนระดับมัธยมต้นและประกาศนียบัตรวิชาชีพ นางจันทร์บอกว่า มูลนิธิที่ให้การช่วยเหลือเรื่องการขอสัญชาติบอกเธอว่า การจบปริญญาตรีจะเป็นอีกโอกาสหนึ่งให้หลานสาวเธอมีสิทธิได้สัญชาติในที่สุด ซึ่งอาจเข้าหลักเกณฑ์แบบโค้ชเอก ซึ่งระบุว่า ถ้าเด็กเกิดในประเทศไทยโดยมีบิดามารดาเป็นคนต่างด้าวที่มิใช่ชนกลุ่มน้อย เด็กจะต้องเรียนในประเทศไทยจนจบปริญญาตรี แล้วเอาหลักฐานปริญญาบัตรและผลการเรียนไปยื่นขอสัญชาติ
ในกรณีดังกล่าว รมว. กระทรวงมหาดไทยได้มอบอำนาจให้นายอำเภอเป็นผู้อนุมัติ กรณีผู้ขอสัญชาติมีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อนุมัติ กรณีผู้ขอมีสัญชาติมีอายุเกินกว่า 18 ปี
"เราจะเอาตังค์ไปส่งให้ลูกให้หลายเรียนได้ไง ลูกของเราเรายังลำบากเลย อันนี้หลาน" นางจันทร์กล่าว "พ่อแม่เขาก็เสียหมด แล้วเราก็เลี้ยงเขามาถึงขนาดนี้ เขาก็โตแล้ว เขาก็ไปทำงานแล้ว ไม่อยากเป็นภาระให้เรา ...คนไทย ถ้าเขาไม่มีเงินเรียน เขาก็กู้ กยศ. ได้ เราไม่ได้ไง เราไม่มีบัตรไทย ขอไม่ได้ ขอเรียนต่อไม่ได้"
อีกหนึ่งหลักเกณฑ์ที่โค้ชเอกสามารถยื่นขอสัญชาติได้คือ ตามมาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ ซึ่งกำหนดคุณสมบัติว่าผู้ขอจะต้องมีหลักฐานการเกิด มีเลขประจำตัว 13 หลัก มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม และอาศัยอยู่ติดต่อกันในประเทศไทย โดยกฎหมายให้อำนาจนายอำเภอเป็นผู้พิจารณาอนุมัติ แต่ในขณะที่คนทั้งโลกรู้จักโค้ชเอกในฐานะ "ฮีโร่" เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็ก ๆ รอดชีวิตออกมาได้ สิ่งที่สังคมอาจตั้งคำถามได้คือ นิยามของการ "ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม" คืออะไร และหลานสาวนางทองจะสามารถใช้หลักเกณฑ์นี้ได้หรือไม่
นายสุรพงษ์ กองจันทึก อดีตประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น สภาทนายความ กล่าวกับบีบีซีไทย ถึงปัญหาบุคคลไร้สัญชาติที่มีจำนวนหลายแสนคนในประเทศไทย ว่า สาเหตุที่คนไร้สัญชาติจำนวนมากยังไม่ได้สัญชาติ มีทั้งปัจจัยด้านตัวบุคคลเองที่ยังไม่ได้ยื่นขอ กลุ่มนี้เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีเอกสารราชการยืนยัน และมีอุปสรรคทางการสื่อสารที่ต้องใช้ภาษาไทย หรือหลาย ๆ กรณียื่นไปแล้ว ดำเนินการล่าช้า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายขอบซึ่งมีบุคคลไร้สัญชาติจำนวนมาก
" บางอำเภอมีสภาพปัญหาเยอะ แต่อัตรากำลังของเจ้าหน้าที่กลับเท่ากับพื้นที่ที่ปัญหามีอยู่น้อย หรือไม่มีเลย บางพื้นที่มี 10 คน บางพื้นที่เป็นหมื่นคน แต่จำนวนเจ้าหน้าที่เท่ากัน" สุรพงษ์ กล่าว
สุรพงษ์ กล่าวว่าปัญหาการให้สัญชาติยังเกี่ยวพันกับทัศนคติของรัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการได้สัญชาติของบุคคลไร้รัฐ
สุรพงษ์ยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นกับคนไทยพลัดถิ่นในพื้นที่ อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ที่ฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนมติคณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นที่ไม่รับรองผู้ฟ้อง 351 คน ซึ่งทำให้กลุ่มนี้ไม่ได้สัญชาติไทยโดยการเกิด ก่อนภายหลังศาลปกครองมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งนี้และให้คืนสัญชาติไทยกับผู้ฟ้อง
คนไทยพลัดถิ่น คือ คนไทยที่ไร้สัญชาติซึ่งได้รับผลกระทบจากการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา กรมการปกครอง ขึ้นทะเบียนคนไทยพลัดถิ่นใน 6 จังหวัดชายแดนไว้ที่กว่า 18,000 คน หลังจากปรับปรุงกฎหมายสัญชาติ พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 5) เมื่อปี 2555 เพื่อแก้ปัญหาคืนสัญชาติไทยให้กลุ่มคนไทยพลัดถิ่น
"ผมเชื่อว่าคนไทยพลัดถิ่นอาจจะได้สัญชาติไทยคืนไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ หลังรัฐบาลแก้ปัญหาเมื่อ 5-6 ปีก่อน" สุรพงษ์กล่าว
การศึกษาฟรี รักษาฟรี
ที่หมู่บ้านข้างเคียงนางทอง ด.ช. อั้ม* วัย 14 ปี บอกกับบีบีซีไทยว่า การถือ "บัตรศูนย์" ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต นอกจากการ "ถ้าไปแข่ง[ฟุตบอลที่ต่างจังหวัด] บัตรไทยมันจะดีกว่า เวลาไปแข่งมันจะไม่ยุ่งยาก"
นายกิตติชัย เมืองมา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (ผอ.สพป.) เชียงราย เขต 3 กล่าวว่า สิทธิทางการศึกษาและโอกาสทางการไทยให้ต่อเด็กกลุ่มไร้สัญชาติอย่างเต็มที่ เช่น อาหารกลางวันฟรี และค่าเล่าเรียนฟรี 15 ปี นอกจากนี้พวกเขาสามารถศึกษาเล่าเรียนได้ถึงขั้นปริญญาตรี ส่วนสิทธิทางการปกครองก็เป็นส่วนของกฎหมายปกครองไป
"เขาต้องไปดำเนินการและพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นคนไทยอย่างไร จะได้สัญชาติด้วยการโอน หรือการเกิด ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายปกครอง" นายกิตติชัยกล่าว
ปัจจุบันเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงรายเขต 3 มีนักเรียนทังหมดราว 36,000 คน มีเด็กที่ไร้สัญชาติอยู่ราว 30%
ด.ช. อั้ม เองก็เคยสังกัดทีมหมูป่าอะคาเดมีและรู้จักกับสมาชิกทีมที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เป็นอย่างดี เขาบอกว่า รู้สึก "ดีใจด้วย" หากเพื่อน ๆ จะได้รับสัญชาติไทย และไม่ได้รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเพราะ "เดี๋ยวเราก็ได้"
แม่ของอั้มเล่าว่า ลูกชายเกิดที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่ทีมหมู่ป่าอะคาเดมีพักฟื้นร่างกายหลังออกจากถ้ำ เธอตอบคำถามด้วยความเข้าใจดีถึงระบบราชการของไทยในการให้สัญชาติ
"มันเป็นตามขั้นตอน แล้วก็ถ้าเกิดว่าเรารู้จักเส้น รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่หน่อย ก็จะยื่นเรื่องเราเร็วหน่อย ถ้าเกิดเราไม่รุ้จักเราก็ตามนั้นแหละ ปีหน้าก็คือปีหน้า สองปีก็คือสองปี รอไป" เธอบอกบีบีซีไทย
ในทางเดียวกัน นางเอื้อน* ซึ่งย้ายมาจากเมืองตองจี เมียนมา ตั้งแต่ปี 2540 มารับจ้างขนของอยู่ที่ตลาดโชคเจริญ บอกว่า "เงิน" อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกชายของเธอทั้งสองคนได้สัญชาติจนได้ แม้ว่าเธอจะทำสูติบัตรของลูกชายคนเล็กหายไป เหลือแต่สมุดฝากครรภ์ และพยายามไปเดินเรื่องกับทางการมาหลายปีแต่ไม่เป็นผล
"เขาได้ แต่เราไม่ได้ ก็เซ็งนิดนึง" นางเอื้อนกล่าว เมื่อถามถึงข่าวเรื่องการขอสัญชาติของสมาชิกทีมหมูป่าอะคาเดมี 4 คน และบอกว่าเริ่มถอดใจ ได้ "บัตรหัวศูนย์" ก็ดีแล้ว ดีใจแล้วที่ได้อยู่ประเทศไทย
"มีคนบอกว่า ไม่เป็นไร ขอให้มีตังค์เถอะ ถ้ามีตังค์ก็ไปอุดหนุนนายอำเภอมั่ง คนรับรองมั่ง มีคนที่แต่ก่อนทำงานด้วยกัน มีบัตรหัวศูนย์เหมือนเราเนี่ย ไปเปลี่ยนเป็นบัตรประชาชน ต้องมีคนค้ำเจ็ดคน หมดไปแสนกว่า คนนั้นไม่มีใบเกิด"
*นามสมมติ ผู้ให้สัมภาษณ์ไม่ประสงค์เปิดเผยชื่อจริงด้วยความกังวลว่าจะส่งผลต่อการเดินเรื่องขอสัญชาติของตัวเอง