โควิด-19 : ธนาคารโลกแนะรัฐเร่งสร้างงาน คาดเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อย 2 ปี

คนขี่สามล้อ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

ธนาคารโลกประจำประเทศไทยกล่าวชื่นชมไทยในการรับมือกับวิกฤตการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ว่าทำได้ดี แต่ก็ต้องแลกกับผลกระทบทางเศรษฐกิจมหาศาล คาดว่าปีนี้ จีดีพีลดลงอย่างน้อย 5% คนไทยกว่า 8.3 ล้านคนเสี่ยงตกงานและรายได้ลดลง

รายงานวิเคราะห์เศรษฐกิจของธนาคารโลกซึ่งเผยแพร่วันนี้ (30 มิ.ย.) ระบุว่า นับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. ที่รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงมาตรการป้องกันต่าง ๆ เช่น การปิดสถานที่ชุมชน สั่งห้ามการเดินทางและประกาศเคอร์ฟิว ทำให้สามารถควบคุมการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่พบการติดเชื้อภายในประเทศติดต่อกันเกิน 1 เดือนแล้ว และมีจำนวนผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย

ขณะที่วันเดียวกันนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อเป็นครั้งที่ 3 โดยจะมีผลไปจนถึงวันที่ 31 ก.ค.

แม้ว่าไทยจะประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค แต่มาตรการปิดประเทศได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะต่อธุรกิจภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 15% ของจีดีพี

ภาคการส่งออกก็ได้รับผลกระทบเช่นกันและคาดว่าจะหดตัวลงประมาณ 6.3% ในปีนี้ เนื่องจากความต้องการสินค้าไทยในต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ อันเป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ คาดว่าการบริโภคภาคเอกชนจะลดลง 3.2% เนื่องจากมาตรการห้ามการเดินทางและรายได้ที่ลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยจำกัดการใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

คนยากจน

ที่มาของภาพ, EPA

คำบรรยายภาพ, ธนาคารโลกแนะ กลุ่มคนยากจนเป็นกลุ่มเปราะบางที่รัฐควรขยายความช่วยเหลือต่อไป

ประเด็นสำคัญของรายงานธนาคารโลกฉบับนี้คือ การคาดการณ์ผลกระทบต่อการจ้างงานในไทย โดยธนาคารโลกประมาณการว่ากว่า 8.3 ล้านคนจะตกงานหรือสูญเสียรายได้จากวิกฤตโควิด-19 กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงคือบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ

ธนาคารโลกยังคาดการณ์ด้วยว่าจำนวนผู้มีรายได้รายวันต่ำกว่า 5.5 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 169 บาท) ต่อวัน จะเพิ่มจำนวนขึ้นถึงเท่าตัว จาก 4.7 ล้านคนในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 เป็นประมาณ 9.7 ล้านคนในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ในไตรมาสที่ 3 คาดว่าจำนวนผู้มีรายได้น้อยกลุ่มนี้จะลดจำนวนลงเหลือ 7.8 ล้านคนจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้า ๆ

"ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัว ความท้าทายที่สำคัญ คือ ทำอย่างไรที่จะช่วยให้ผู้ที่ตกงานสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อีกครั้ง ทั้งนี้ น่าจะได้นำมาตรการเสริมความคล่องตัวของตลาดแรงงานมาพิจารณา เช่น การให้เงินอุดหนุนค่าจ้างที่มุ่งเป้าไปสู่บุคคลที่เปราะบางที่สุดในภาคการผลิต เช่น เกษตรกรและแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงส่งเสริมให้มีการฝึกปฏิบัติงานไปพร้อมกับการทำงานจริงเพื่อสนับสนุนให้เกิดการจ้างงานอีกครั้ง" นางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทยกล่าว

แม้ว่าที่ผ่านมา รัฐบาลจะมีมาตรการหลายประการเพื่อรองรับผลกระทบจากโควิด-19 รวมแล้วคิดเป็น 12.9% ของจีดีพี โดยเน้นมาตรการผ่อนคลายผลกระทบที่มีต่อครัวเรือนที่เปราะบางและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ นายเกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสธนาคารโลก แนะนำว่าควรขยายมาตรการดังกล่าวไปยังกลุ่มผู้สูงอายุและแรงงานข้ามชาติ รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยหรือเอสเอ็มอีเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการตั้งเป้าโครงการไปที่กลุ่มคนยากจน

อัตราการเติบโตจีดีพีของไทย. คาดการณ์โดยธนาคารโลก.  .

อีกกี่ปี่เศรษฐกิจไทยจะเหมือนเดิม

นายอาวินด์ แนร์ นักเศรษฐศาสตร์ประจําประเทศไทยของธนาคารโลกเปิดเผยว่าจากการวิเคราะห์แบบจำลองคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนโควิด ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี แต่ต้องอาศัยการสนับสนุนกำลังซื้อของครัวเรือนและมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนอัตราการเติบโตในปี 2564 คาดว่าจะเติบโต 4.1% เทียบกับการคาดการณ์ในปีนี้ ส่วนปี 2565 คาดว่าจีดีพีจะเติบโต 3.6%

นายแนร์กล่าวย้ำว่า ปัจจัยบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในไทยในปีนี้ดูเหมือนอุปสงค์ในประเทศถือเป็นปัจจัยเดียวที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม ในขณะที่ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังทำได้อย่างจำกัด

นายกฯ แถลงมติ ครม.อนุมัติต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน-ชุมนุมได้ แต่ต้องขออนุญาต

หลังการประชุม ครม.วันนี้ (30 มิ.ย. ) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงว่า ครม.มีมติอนุมัติให้ต่ออายุการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน เนื่องจากมีเหตุจำเป็นเรื่องการควบคุมโรคระบาด และย้ำว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มีเป้าหมายที่จะกีดกันการชุมนุมใด ๆ

"เรื่องการคัดค้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผมไม่ตอบหรอกนะ เพราะว่ามันมีเหตุผลความจำเป็นของเขาอยู่แล้ว ผมไม่ได้ไปปิดกั้นประชาชนเลยนะ ประชาชนถ้าจะชุมนุมก็ไปขออนุญาตชุมนุมตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ในส่วนตรงนี้เขาไม่ต้องการให้คนไปอยู่รวมกลุ่มมาก ๆ เพื่อจะป้องกันการแพร่ระบาดโควิด ก็แล้วแต่ท่านจะกลัวหรือไม่กลัวก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ได้ไปขู่อะไรท่านอยู่แล้ว"

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ, นายกฯ ย้ำอีกครั้งว่าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน เป็นไปเพือการควบคุมโรคระบาด ไม่ใช่เพื่อปิดกั้นการชุมนุม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 5 ซึ่งจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ว่าเป็นไปเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมโรค และการเดินหน้าทางเศรษฐกิจ สำหรับข้อกังวลประเด็นการค้าประเวณีนั้นมีกฎหมายที่ห้ามไว้อยู่แล้ว แต่หากมีการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

นายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่าการจ่ายงบประมาณเพื่อฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น จะมีการเสนอโครงการในแต่ละเดือนและจะผ่านการพิจารณาโดยละเอียด และจะต้องมีการตรวจสอบการทุจริต เพื่อความโปร่งใส

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในไทยวันนี้ (30 มิ.ย.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ 2 รายเป็นชายไทยอายุ 27 และ 28 ปีที่เดินทางมาจากประเทศกาตาร์ และเข้าอยู่ในสถานกักกันของรัฐ ส่งผลให้จำนวนคนไทยที่ตรวจพบการติดเชื้อหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกันโรคของรัฐเพิ่มเป็น 234 ราย

ขณะนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,171 ราย ผู้เสียชีวิต 58 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 57 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่ตรวจพบในสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ และรักษาหายแล้ว 3,056 ราย