การประชุมสุดยอดเอเปกจบลงโดยไม่มีแถลงการณ์ร่วมของผู้นำ เพราะสหรัฐฯ-จีนตกลงกันไม่ได้
การประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ เอเปก จบลงโดยไม่มีแถลงการณ์ร่วมของผู้นำอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
นายกรัฐมนตรีปีเตอร์ โอนีล ของปาปัวนิวกินี กล่าวว่า "สองยักษ์ใหญ่ในห้องนี้" ไม่สามารถตกลงกันได้
เขากล่าวว่า จะมีการเผยแพร่แถลงการณ์ของประธานการประชุมสุดยอดเอเปกในภายหลัง
สหรัฐฯ และจีน ทำสงครามการค้ากันอยู่ และต่างแข่งกันแสดงวิสัยทัศน์ในภูมิภาคในการประชุมสุดยอดครั้งนี้
ในการกล่าวปิดการประชุม นายโอนีล กล่าวว่า การประชุมเอเปก จะพยายาม "ทำให้เกิดการค้าที่เสรีและเปิดกว้าง" ในภูมิภาคภายในปี 2020
ระหว่างการประชุม สหรัฐฯ ระบุว่า จะเข้าร่วมกับออสตรเลียในการพัฒนาฐานทัพเรือในปาปัวนิวกินี ซึ่งเป็นท่าที่ที่ชัดเจนว่าต้องการจำกัดอิทธิพลที่กำลังขยายตัวของจีน
รองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ฐานทัพเรือนี้จะช่วย "ปกป้องอธิปไตยและสิทธิทางทะเลในหมู่เกาะแปซิฟิก"
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายอเมริกาต้องมาก่อน (America First) ของสหรัฐฯ อย่างตรงไปตรงมา โดยกล่าวว่า ประเทศต่าง ๆ ที่อ้าแขนรับการกีดกันทางการค้า "จะต้องเผชิญกับความล้มเหลว"
ต่อมา นายเพนซ์ กล่าวว่า เขาเตรียมพร้อมตั้งกำแพงภาษีสินค้าที่นำเข้ามาจากจีน "เป็นกว่าสองเท่าตัว"
เขายังได้วิจารณ์โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของจีนด้วย โดยได้เตือนประเทศที่มีขนาดเล็กกว่าว่า เงินกู้เพื่อการพัฒนาของจีนที่ "ไม่ชัดเจน" จะนำไปสู่ "หนี้มหาศาล"
เขาเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ หันมาร่วมมือกับสหรัฐฯ แทน โดยระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ "บังคับขู่เข็ญ, คดโกง, หรือต่อรอง ต่อเอกราชของคุณ"
ด้านนายสี ยืนกรานว่า ไม่มี "วาระแอบแฝงซ่อนเร้น" ในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง