ทักษิณอยู่ตรงไหน ในความเคลื่อนไหวของอดีตขุนพลในนามกลุ่ม CARE
การชุมนุมของอดีตนักการเมืองพรรคไทยรักไทย (ทรท.) ผู้เคยเป็น "ขุนพลคู่ใจ" ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปว่าการตั้งพรรคการเมือง "ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญ" ทว่าพวกเขาเตรียมเปิดตัวขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมในเดือน มิ.ย. นี้เพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่แก่สังคมท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
วิกฤตโรคระบาดตั้งแต่ต้นปีได้ลุกลามบานปลายกลายเป็นวิกฤตผู้นำ เมื่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสถานการณ์ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกตั้งคำถาม
ท่ามกลางความสิ้นหวังของผู้คนในสังคม อดีตแกนนำ ทรท. ได้นัดรวมกลุ่มสุมหัวคิด ณ สำนักงานแห่งหนึ่งย่าน ถ.วิภาวดีรังสิต เมื่อ 12 พ.ค. โดยตั้งต้นจากคำถามที่ว่า "เราจะปล่อยไปอย่างนี้หรือ" และ "เราจะทำอะไรได้บ้าง" ก่อนปรากฏข่าวว่าอาจมีการตั้งพรรคใหม่ โดยมีผู้ก่อการระดับอดีตรัฐมนตรีอย่างน้อย 4 คน โดย 3 คนพ่วงสถานะ "คนเดือนตุลา" และอีก 1 คนรวยทั้งทรัพย์และสายสัมพันธ์
ข่าวลับที่เล็ดลอดถึงหูสื่อ ได้เขย่าขวัญแกนนำที่อยู่โยง-ประจำการ ณ พรรคเพื่อไทย และทำให้เกิดความรู้สึก "ไม่มั่นคงในสถานภาพทางการเมือง" เมื่อ ส.ส. บางส่วนที่แสวงหา "ชีวิตที่ดีกว่า" ดอดติดต่อไปยังคณะผู้ก่อการกลุ่ม CARE ซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีชื่อ ว่าจะตั้งจัดพรรคใหม่หรือไม่
ไม่ต่างจากนักเลือกตั้งไร้สังกัด ซึ่งตกที่นั่งคนนอกขบวนการต้องสาละวนอยู่กับการหาข่าว-ปล่อยข่าว จนเกิดอีกกระแสตีคู่กันมาเรื่อง "พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จ่อฟื้นชีพ" พร้อมให้-โหนชื่อ จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตแกนนำ ทษช. ในฐานะหัวหอกนำตั้งพรรคใหม่
สุดท้ายผู้ถูกพาดพิงอย่างจาตุรนต์ ต้องออกมาประกาศตั้งพรรคใหม่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อ 24 พ.ค. โดยระบุว่าได้พูดคุยกันคนหลากหลายแวดวง จนมีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน แต่ออกตัวว่า "ไม่ใช่พรรคสาขาของเพื่อไทย ไม่ใช่ไทยรักษาชาติ 2"
ทักษิณ : "ลอยตัวจากการเมืองแล้ว... ผมขอให้กำลังใจมากกว่า"
ทุกความชุลมุนที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ถูกรายงานตรงไปยัง "ผู้นำพเนจร" ที่ต้องลี้ภัยในต่างแดนมากว่า 10 ปี เนื่องจากคดีอาญาหลายเรื่องที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง
"มีคนโทรมาหาผม มาแจ้งให้ทราบ เป็นอดีต ส.ส.เก่า เขาคิดอยู่ เขามาบอกเพราะไม่ต้องการให้รู้สึกว่าแยกไปทำ โดยไม่ได้มาบอกกล่าว" ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้า ทรท. กล่าวกับบีบีซีไทยถึงกระแสข่าวการเตรียมการจัดตั้งพรรคใหม่ของบรรดาลูกน้องเก่า
เขาออกตัวว่าไม่มีส่วนร่วมกับความเคลื่อนไหวที่ปรากฏนี้
"ไม่เกี่ยวกับผม... ผมมันลอยตัวจากการเมืองแล้ว... ผมมันคนตกงานแล้ว เป็นวัย Young Old เป็นคนแก่ที่ยังหนุ่ม.. ผมขอให้กำลังใจมากกว่า"
บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Google YouTube เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Google YouTube และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google YouTube ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก "ยินยอมและไปต่อ"
สิ้นสุด YouTube โพสต์
ข้อวิเคราะห์ของทักษิณ ยังเวียนวนอยู่ที่ความพยายามแก้โจทย์เก่า ออกจาก "กับดักรัฐธรรมนูญ 2560" ซึ่งทำให้พรรคที่มี ส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้งแบบเขตมาก และตัวพรรคมีคะแนนนิยมมาก แต่ไม่สามารถมี ส.ส.บัญชีรายชื่อได้
"เขามีฐานทางการเมืองอยู่ เคยอยู่ในสภา แต่ตอนนี้ไม่อยู่แล้ว เขารู้สึกว่าอยากกลับเข้าไปทำงานให้ประชาชน" นายกฯ คนที่ 23 ของประเทศ ระบุ
จากยุค ทรท. ไป อนค. ถึงกลุ่ม CARE
ถึงขณะนี้มีการเปิดชื่อ 4 แกนนำหลักเป็นที่เรียบร้อย ประกอบด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, ภูมิธรรม เวชยชัย และ พงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ทว่ามีเพียงภูมิธรรม ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภา เท่านั้นที่ออกมาเปิดหน้าต่อสาธารณะในหลายกรรมหลายวาระ
จากจุดเริ่มต้นของ 4 ผู้ก่อการ ขยายวงเป็นการเชื้อเชิญผู้คนหลากหลายแวดวงราว 35 คนมาพูดคุย-แลกเปลี่ยนความคิดเห็นครั้งแรกเมื่อ 26 พ.ค.
บีบีซีไทยได้รับคำยืนยันจากผู้ร่วมก่อการรายหนึ่งว่าทุกรายชื่อที่ปรากฏทางสื่อมวลชนทั้งที่ปรึกษาด้านการเงิน, สถาปนิก, สื่อมวลชน "ยังยืนยันเข้าร่วมกับกลุ่ม ไม่มีใครถอนตัว มีแต่คนติดต่อมาเพิ่มว่าจะเมื่อไรจะนัดประชุมกันอีก"
เล่ากันว่าบรรยากาศที่เกิดขึ้นในวันนั้น ณ สำนักงานแห่งหนึ่งย่าน ถ.พระราม 9 คล้ายคลึงกับช่วงที่ ทักษิณ เตรียมการก่อตั้ง ทรท. ในปี 2541 ผสมผสานกับฉากแรก ๆ ของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในระหว่างระดมพรรคพวกมาพูดคุยเรื่องการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ปลายปี 2560-2561
โจทย์การเมืองในยุคก่อตั้ง ทรท. ท่ามกลางกระแสปฏิรูปการเมือง และจังหวะก้าวของ อนค. ในภาวะที่ผู้คนบ่นและเบื่อผู้นำทหารที่ครองอำนาจมายาวนาน 5 ปี ถูกนำมาวางเทียบเคียงกัน ก่อนกลายเป็นแนวทางสร้าง "ความหวังใหม่" ให้คนไทยท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 และการเกิดขึ้นของ "คณะผู้ห่วงใยประเทศ" ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม CARE ทว่าชื่อเต็มยังไม่ตกผลึก จึงไม่ใช่ "Continue Ability Renew Efficiency" ตามที่ปรากฏในสื่อบางสำนักก่อนหน้านี้
คนในขบวนการ CARE ตั้งเป้าหมายกำหนด "ญัตติสาธารณะใหม่" หรืออาจไปถึงขั้นนำเสนอ "ผู้นำใหม่" ในอนาคต
ภูมิธรรมเปิดเผยว่า วงหารือเมื่อ 26 พ.ค. มีความเห็นร่วมกันว่า "เรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองยังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด" ส่วนในอนาคตจะเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ เขาบ่ายเบี่ยงจะตอบคำถามนี้ แต่ยอมรับพรรคการเมืองเป็นบทบาทหลักในการแก้ปัญหา และ "อะไรก็เกิดขึ้นได้ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองไร้ความหวัง"
ที่มา : บีบีซีไทยรวบรวม
เกิดอะไรขึ้นที่เพื่อไทย
สถานะล่าสุดของกลุ่ม CARE ที่ยังไม่ไปถึงขั้นเป็นพรรคการเมือง แต่ขอเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม หรือโซเชียลมูฟเมนต์ ทำให้ตอนนี้เครือข่ายการเมืองทักษิณ มี 1 พรรค และ 1 คณะบุคคล เหมือนพรรคและพวกธนาธร ที่มีพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า
ทว่าความต่างอาจอยู่ที่ฝ่ายแรกต้องการ "ทิ้งเพื่อไทย" ไปสร้างองค์กรการเมืองใหม่ หลังเกิดเสียงลือเสียงเล่าอ้างเรื่องการชิงการนำในพรรค และการปั้นคนรุ่นใหม่ที่อยู่ใต้อาณัติของคนรุ่นเก่า ขณะที่ฝ่ายหลัง "ถูกบังคับให้ทิ้งพรรค" ไปทั้งที่ใจยังถวิลหา
ในระหว่างเดินทางไปรัฐสภาเพื่อทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในศึกอภิปรายพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การเงิน 3 ฉบับ วันแรก (27 พ.ค.) ภูมิธรรมถูกสื่อมวลชนตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ใช้ พท. เป็นองค์กรหลักในการนำเสนอทางออกให้แก่บ้านเมือง เขาตอบว่าไม่ใช่เรื่องแปลกหากนักการเมืองจะไปหารือแลกเปลี่ยนกับกลุ่มต่าง ๆ และย้ำว่าตัวเอง "ไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในพรรคแล้ว จึงทำในฐานะประชาชนที่สนใจปัญหาบ้านเมือง" ถือเป็นการจงใจหยุดภาพจำว่าคนการเมืองวัย 66 ปีรายนี้เป็นผู้ร่วมทีม พท. ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า "คนเสียงดังที่สุด" ไม่ใช่ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค แต่เป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค
ไม่ต่างจาก พงษ์ศักดิ์ ที่หวนคืนการเมืองอีกครั้งทั้งที่เพิ่งประกาศวางมือทางการเมืองไปเมื่อ 5 ก.ค. ปีก่อนในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดปีที่ 69 โดยให้เหตุผลว่าอายุเยอะแล้ว อยากหยุดพักผ่อน ทว่าสิ่งที่รับรู้เป็นการทั่วไปในหมู่ ส.ส.พท. คือ "เฮีย" กับ "เจ๊" นั้นเป็นปลาคนละน้ำ แต่เมื่อได้ "ทีมเก่า" มาสร้าง "ดรีมทีม" เขาจึงกลับมาในฐานะ "ผู้สนับสนุนหลักด้านโครงข่ายและแหล่งทุน" ของกลุ่ม CARE
บทเรียนเก่า แผนงานใหม่
บทเรียน ประสบการณ์ และนวัตกรรมการเมืองที่เกิดขึ้นในอดีต ถูกทบทวนอย่างจริงจัง ก่อนเป็นแนวทางขับเคลื่อนวาระของกลุ่มเบื้องต้น อาทิ
- ไม่ทำการเมืองเก่าที่ใช้ข้อมูล "ตัดแปะจากข่าว" แต่เอา "บิ๊กดาต้า" หรือระบบประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์มาเป็นฐานข้อมูล
- ไม่เป็น "พรรคหรือกลุ่มอีเวนต์" ที่จุดพลุ สร้างกระแสในโลกออกไลน์ สร้างเทรนด์ทางทวิตเตอร์แค่ชั่วข้ามคืนแล้วหายไป แต่ต้องการให้เกิดปฏิบัติการทางการเมืองอย่างจริงจัง
- ตอบสนองความฝันและความหวังของคนรุ่นใหม่บางส่วนที่เห็นว่าพรรคที่มีอยู่ในระบบปัจจุบันไม่ใช่ทางเลือกของพวกเขา
สำหรับญัตติสาธารณะที่กลุ่ม CARE เตรียมนำเสนอต่อสังคมอยู่ภายใต้หัวข้อ "ประเทศไทยหลังโควิด-19" ซึ่งแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ระยะ