ทรัมป์เล็งขึ้นภาษีสินค้าเม็กซิโกชดใช้ค่ากำแพงพรมแดน

Trump and Nieto

ที่มาของภาพ, YURI CORTEZ/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, ทรัมป์ได้พบกับผู้นำเม็กซิโกก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ทรัมป์เล็งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเพิ่ม เพื่อนำเงินมาสร้างกำแพงกั้นพรมแดนที่เม็กซิโกปฏิเสธจ่ายค่าก่อสร้างกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ ด้านทีมบริหารกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯลาออกในสัปดาห์แรกของผู้นำคนใหม่

นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ได้หารือกับบรรดาสมาชิกรัฐสภาเรื่องค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนที่ติดกับเม็กซิโกแล้ว พบว่าอาจต้องใช้งบประมาณราว 12,000-15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่คาดว่าเงินในส่วนนี้จะได้จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกเป็น 20% ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯเก็บเงินจากเม็กซิโกได้ราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี โดยอาจออกมาตรการนี้ให้เป็นส่วนหนึ่งของชุดมาตรการปฏิรูปภาษีที่รัฐสภากำลังเตรียมออกเป็นกฎหมายใหม่

โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศแผนการดังกล่าว หลังประธานาธิบดีเอนริเก เปญา เนียโต ของเม็กซิโกแจ้งยกเลิกกำหนดการพบปะกับนายทรัมป์ที่กรุงวอชิงตันสัปดาห์หน้า เนื่องมาจากความขัดแย้งกรณีที่นายทรัมป์เรียกร้องให้เม็กซิโกจ่ายค่าสร้างกำแพงกั้นพรมแดน ซึ่งเม็กซิโกปฏิเสธ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายสไปเซอร์เผยถึงแผนขึ้นภาษีกับสินค้าเม็กซิโกแล้ว นายไรน์ซ พรีบัส หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ออกมาชี้แจงว่า แผนการดังกล่าวเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในหลายทางเลือกที่กำลังพิจารณากันอยู่เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ต่อว่าผู้นำเม็กซิโกผ่านข้อความทางทวิตเตอร์ว่า หากเม็กซิโกไม่เต็มใจจ่ายค่ากำแพงกั้นพรมแดน ก็น่าจะยกเลิกกำหนดการพบเจรจาที่จะมีขึ้นไปเสีย ซึ่งทำให้ผู้นำเม็กซิโกแจ้งยกเลิกตามที่นายทรัมป์ระบุในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์กล่าวด้วยว่า การพบปะครั้งนี้คงจะไม่เกิดผลสำเร็จอันใด หากเม็กซิโกไม่ให้ความเคารพและปฏิบัติต่อสหรัฐฯอย่างเป็นธรรม ซึ่งทำให้เขาไม่มีทางเลือกและต้องหันไปใช้มาตรการอื่นแทน

Rex Tillerson

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, การลาออกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งนี้ ทำให้นาย เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ว่าที่ รมว.ต่างประเทศคนใหม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันมากขึ้น

ด้านนักการทูตที่เป็นทีมบริหารระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ 4 คน ได้ลาออกจากตำแหน่งพร้อมกันในสัปดาห์แรกของการทำงานของผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ โดยในจำนวนนี้ได้แก่นายแพทริก เคเนดี ปลัดกระทรวงฝ่ายบริหารจัดการ, นางจอยซ์ บารร์ และนางมิเชล บอนด์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี, นายเจนทรี สมิธ อธิบดีกรมคณะผู้แทนต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นการลาออกของเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดระบุว่าการลาออกของตนนั้นเนื่องมาจากไม่อาจทำงานภายใต้นโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ได้

นอกจากนี้สื่อสหรัฐฯหลายสำนักยังรายงานว่า นายมาร์ค มอร์แกน หัวหน้าหน่วยตระเวนชายแดนของสหรัฐฯได้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งยังไม่ทราบชัดเจนว่าเขาถูกปลดออกหรือลาออกด้วยความสมัครใจ