ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ : เปิดบัญชีทรัพย์สิน "ไพร่หมื่นล้าน" กลายเป็น "ส.ส. ห้าพันล้าน"

ธนาธร

ที่มาของภาพ, กองโฆษก พรรคอนาคตใหม่

  • Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
  • Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มาจากการเลือกตั้งในรอบ 8 ปีของไทย กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 25 พ.ค. 2562 จำนวน 79 ราย ซึ่งเป็น "ล็อตสุดท้าย" ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ พบว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีทรัพย์สิน 5,632,536,266.2 บาท

นายธนาธรเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 ของพรรค ทว่าอยู่ระหว่างการยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ จากกรณีถือครองหุ้นในบริษัทสื่อ

เขาแจ้งว่า ครอบครองทรัพย์สินร่วมกับนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา 5,632,536,266.2 บาท เฉพาะตัวนายธนาธรมีทรัพย์สินรวม 5,137,150,764.3 บาท มีรายละเอียด ดังนี้

ที่มา : บีบีซีไทยสรุปจากรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อ 20 ก.ย. 2562

ขณะเดียวกันนายธนาธรและนางรวิพรรณมีหนี้สินรวมกัน 683,303.45 บาท แบ่งเป็น หนี้สินของนายธนาธรเอง 106,761.61 บาท ซึ่งมาจากเงินเบิกเกินบัญชี 2,848.34 บาท และหนี้สินอื่น 103,913.27 บาท ส่วนภรรยามีหนี้สินจากเงินเบิกเกินบัญชี 576,541.84 บาท รวมแล้วทั้งคู่มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 5,631,852,962.75 บาท

ธนาธร รวิพรรณ

ที่มาของภาพ, SOPA Images/Getty Images

คำบรรยายภาพ, นายธนาธรควงภรรยาออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค. 2562

แจ้ง อนค. เป็น "ลูกหนี้" ของหัวหน้าพรรค 191 ล้านบาท

ที่น่าสนใจคือมีชื่อ อนค. ในบัญชี "ลูกหนี้" ของนายธนาธรเป็นเงิน 191,200,000 บาท ซึ่งมาจากการกู้ยืม 2 ครั้ง ณ สำนักงานใหญ่ อนค. ลงนามโดยนายธนาธร ผู้ให้กู้ กับนายนิติพัฒน์ แต้มโพโรจน์ เหรัญญิกพรรค ปฏิบัติหน้าที่แทนหัวหน้าพรรค ผู้กู้ โดยมีนายรัฐนนท์ อภินันท์ ทนายความของนายธนาธร และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ อนค. ร่วมลงนามเป็นพยาน

ครั้งแรก ทำสัญญากู้เงิน 161,200,000 บาท เมื่อ 2 ม.ค. 2562 กำหนดให้ผู้กู้ชำระเงินคืนภายใน 3 ปี ซึ่งภายในปีแรก 80,000,000 บาท ภายในปีที่สอง 40,000,000 บาท และภายในปีที่สาม 41,200,000 บาท และมีดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

ครั้งที่สอง ทำสัญญากู้เงิน 30,000,000 บาท เมื่อ 11 เม.ย. 2562 ซึ่งผู้กู้ได้รับเงินก้อนแรก 2,700,000 บาทในวันทำสัญญา ส่วนที่เหลือจะให้ผู้กู้ภายหลัง ทั้งนี้กำหนดให้ชำระเงินคืนภายใน 1 ปี และมีดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อปี

ก่อนหน้านี้ นายธนาธรหลุดปากกล่าวในกิจกรรมกึ่ง ๆ การฉลองชัยชนะหลังการเลือกตั้งของพรรค เมื่อ 5 เม.ย. ว่า "ตอนนี้ อนค. เป็นหนี้ผม 90 ล้านบาท ผมตั้งใจว่าจะทวงคืนทุกบาททุกสตางค์"

ต่อมา น.ส. พรรณิการ์ วานิช โฆษก อนค. ชี้แจงว่า วงเงินสูงสุดที่นายธนาธรกำหนดให้ อนค. กู้อยู่ที่เพดาน 250 ล้านบาท แต่การดำเนินกิจกรรมจนถึงวันเลือกตั้ง พรรคกู้ไป 90 ล้านบาท และมีการกู้เพิ่มไปอีกนิดหน่อยเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายของพรรค ตัวเลข ณ วันแถลงข่าว (20 พ.ค.) จึงอยู่ที่ 110 ล้านบาท โดยนายธนาธรคิดดอกเบี้ยแบบเงินกู้ระยะยาว เพราะพรรคการเมืองไม่ใช่องค์กรแสวงหาผลกำไร และนายธนาธรก็ไม่คิดแสวงหาผลกำไรจากการให้กู้ครั้งนี้

การปล่อยเงินกู้ของนายธนาธร ทำให้นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ไต่สวนสอบสวนวินิจฉัยหัวหน้า อนค. กรณีให้พรรคยืมเงินส่วนตัวจำนวน 110 ล้านบาท เพื่อทำกิจกรรมการเมืองในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เข้าข่ายกระทำการขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 66 หรือไม่

ภายหลังตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ ของนายธนาธร "นักร้องขาประจำ" อย่างนายศรีสุวรรณ ระบุว่า จะนำบัญชีทรัพย์สินฯ ของนายธนาธรไปยื่นเพิ่มเติมต่อ กกต. ในวันที่ 23 ก.ย. เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนสอบสวนและเอาผิดนายธนาธร และกรรมการบริหาร อนค. เพราะการให้พรรคกู้ยืมเงินเป็น "นิติกรรม" ที่ไม่ถูกบัญญัติให้ทำได้ตาม พ.ร.ป. พรรคการเมือง

ด้าน พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ระบุว่า สัปดาห์หน้า สำนักงาน กกต. จะเสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุม กกต. เพื่อพิจารณาต่อไป

สำหรับบทลงโทษกรณีฝ่าฝืนมาตรา 66 วรรคสอง ประกอบมาตรา 125 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 5 ปี และให้เงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดส่วนที่เกินกว่า 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนพัฒนาการเมือง

ขณะที่นายธนาธรกล่าวชี้แจงในวันที่ 21 ก.ย. ว่า เงินกู้ไม่ใช่รายได้ จึงเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหาอะไร และเคยชี้แจงกับ กกต. ไปแล้วตั้งแต่ 1-2 เดือนก่อน อย่างไรก็ตามได้เตรียมความพร้อมแล้วหาก กกต. ต้องการเรียกข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมระบุว่า หาก กกต. พิจารณาว่าเงินกู้เป็นรายได้ ก็จะทำให้หลักบัญชีของบริษัทและองค์กรต่าง ๆ พังไปทั้งหมด ถือเป็นการผิดหลักบัญชีอย่างมาก

นอกจากให้พรรคกู้เงิน นายธนาธรยังมี "ลูกหนี้" อีก 3 รายตามบัญชีทรัพย์สินฯ ที่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ประกอบด้วย นายอุดม พัชรพนาวีร์ ผู้สมัคร ส.ส. นครนายก อนค. ให้กู้เมื่อ 17 ก.พ. 2559 จำนวน 400,000 บาท, นายชูชัย มุ่งเจริญพร อดีต ส.ส. สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้กู้เมื่อ 17 ก.ย. 2557 จำนวน 2,300,000 บาท, นายภัทรพงศ์ คงวิจิตร นักเขียน ให้กู้เมื่อ 9 มี.ค. 2553 จำนวน 1,000,000 บาท

กิจกรรมหาเสียง

ที่มาของภาพ, กองโฆษก อนค.

แจ้ง ป.ป.ช. โยกเงินให้ บลจ. ภัทร จัดการกองทุนแค่ 24 ล้านบาท

นายธนาธร เป็นอดีตรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท เจ้าของฉายา "ไพร่หมื่นล้าน" ก่อนกระโจนเข้าสู่การเมืองอย่างเป็นทางการด้วยการก่อตั้ง อนค. ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม. ธรรมศาสตร์

6 วันก่อนการเลือกตั้ง (18 มี.ค. 2562) นายธนาธรลงนามในเอกสารบันทึกความตกลงกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด ก่อนโยกทรัพย์สินทั้งหมดไปให้ blind trust ดูแลเพื่อให้ "สั่งไม่ได้" และ "มองไม่เห็น" โดยเชิญสื่อมวลชนไปร่วมฟังการแถลงข่าวและเป็นสักขีพยาน ในวันนั้นไม่มีการเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินอย่างเป็นทางการ แต่มีการประมาณคร่าว ๆ ว่าอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

นายธนาธรบอกผู้สื่อข่าวว่า "ขอเหลือบ้านที่ผมอยู่ตอนนี้ รถ และต่างหูของภรรยาเอาไว้บ้าง" และ "ผมจะเจอทรัพย์สินของผมอีกที ก็ต่อเมื่อผมเลิกทำงานการเมือง"

อย่างไรก็ตามในบัญชีทรัพย์สินฯ ที่หัวหน้า อนค. แจ้งต่อ ป.ป.ช. พบว่า เงินในกองทุนรวมและหุ้นกู้ภายใต้การดูแลของ บลจ. ภัทร มีรายการเดียว มูลค่าเพียง 24,414,749.60 บาทเท่านั้น

ในแต่ละปี นายธนาธรระบุว่า ตัวเองมีรายได้ 173,162,720 บาท ซึ่งมาจากเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ส.ส. ทว่าเป็นเพียงการประเมิน เพราะเขาระบุในหมายเหตุว่ายังไม่ได้เงินในส่วนนี้เพราะมีคำสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ รายได้ที่เป็นน้ำเป็นเนื้อของนายธนาธรจึงมาจากดอกเบี้ยเงินฝาก และเงินปันผล ส่วนคู่สมรสมีรายได้ 15,444,000 บาท จากดอกเบี้ยเงินฝาก, เงินปันผล และรายได้จากการให้เช่ารถ

ขณะที่แต่ละปี รายจ่ายรวมของทั้งคู่อยู่ที่ 66,000,000 บาท ในจำนวนนี้ แจ้งว่าเป็นรายจ่ายส่วนตัวของนายธนาธร 12,000,000 บาท ของภรรยา 10,000,000 บาท และของบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 4,000,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้านคนละ 5,000,000 บาท, อุปการะบุพการี คนละ 1,000,000 บาท, เงินบริจาคคนละ 10,000,000 บาท ฯลฯ

นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เดินทางมาดูบัญชีทรัพย์สินฯ ของ ส.ส. ด้วย

ที่มาของภาพ, Hataikarn Treesuwan/BBC Thai

คำบรรยายภาพ, นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เดินทางมาดูบัญชีทรัพย์สินฯ ของ ส.ส. ด้วย

เปิดกรุเครื่องประดับ รวิพรรณ

เมื่อสำรวจเครื่องประดับของนางรวิพรรณตามรายการ "ทรัพย์สินอื่น ๆ" ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. พบว่า มีนาฬิกา 7 เรือน มูลค่าตั้งแต่ 130,000-400,000 บาท โดยเรือนที่แพงที่สุดคือ Cartier Panthere 400,000 บาท, Panerai ราคา 250,000 บาท, Cartier Ballon ราคา 250,000 บาท, Jaeger-LeCoultre ราคา 250,000 บาท, Franck Muller ราคา 200,000 บาท, IWC ราคา 200,000 บาท และ Cartier Santos ราคา 130,000 บาท

กระเป๋าแบรนด์เนม 12 ใบ มูลค่าตั้งแต่ 60,000-450,000 บาท ได้แก่ Chanel 4 ใบ ราคา 450,000 บาท, Hermes Lindy ราคา 280,000 บาท, Louise Vitton 2 ใบ ราคา 160,000 บาท, Dior ราคา 120,000บาท, Lady Dior ราคา 120,000 บาท, ยี่ห้อ R&L ราคา 120,000 บาท, Prada 80,000 บาท และ Balenciaga ราคา 60,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีชุดเครื่องเพชร 3 ชุด โดยชุดที่แพงที่สุดมีมูลค่า 10 ล้านบาท, แหวน 4 วง วงที่แพงสุดเป็นแหวนเพชร 4.09 กะรัต มูลค่า 4,500,000 บาท, ต่างหู 2 คู่

ไร้รายการทรัพย์สินลูก ๆ ทั้ง 4 คน

นอกจากฉายา "ไพร่หมื่นล้าน" ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์บางส่วนยังพร้อมใจกันเรียกนายธนาธรว่า "พ่อ" ซึ่งเป็นชื่อเรียกตัวแสดงเอกจากละครดังในวันวาน "ดอกส้มสีทอง" ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และเกิดเป็นแฮชแท็ก "ฟ้ารักพ่อ" ของบรรดากองเชียร์ อนค. ทว่าโดยข้อเท็จจริงนายธนาธรมีลูก 4 คน

อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏว่าลูก ๆ ของนายธนาธรมีทรัพย์สินใด ๆ ตามบัญชีทรัพย์สินฯ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. มีเพียงข้อมูลทั่วไปว่าเขาได้ส่ง ด.ช. ธรรม์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ วัย 11 ปี ไปศึกษาที่สหราชอาณาจักร ส่วนลูกอีก 2 คนยังเรียนอยู่โรงเรียนนานาชาติในไทย คือ ด.ญ. อัยริสา จึงรุ่งเรืองกิจ วัย 8 ปี เรียนที่โรงเรียนนานาชาติคอนคอร์เดียน จ. สมุทรปราการ และด.ช. ธรรศธร จึงรุ่งเรืองกิจ วัย 3 ปี เรียนที่โรงเรียนนานาชาติไบร์ทตัน กทม. และยังมีลูกน้อยวัย 8 เดือนที่ภรรยาอุ้มท้องในช่วงเลือกตั้งชื่อ ด.ช. ธราธร จึงรุ่งเรืองกิจ

สาแหรกจึงรุ่งเรืองกิจ

จึงรุ่งเรืองกิจ 3 คนในสภา มีสมบัติรวมกัน 8.1 พันล้านบาท

ก่อนหน้านี้เมื่อ 22 ส.ค. นักการเมืองในตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" อีก 2 คนที่อยู่ต่างขั้วการเมืองกับนายธนาธร ได้แจ้งและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช. เมื่อนำทรัพย์สินของนายธนาธร อา และลูกพี่ลูกน้องของเขา มารวมกันจะพบว่ามีมูลค่าถึง 8,159,667,442.71 บาท หลังหักหนี้สินออกทั้งหมดแล้ว โดยนายธนาธรมีความมั่งคั่งสูงสุดที่ 5,631,852,962.75 บาทหลังหักหนี้ออกแล้ว

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. อุตสาหกรรม สังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีศักดิ์เป็นอาของนายธนาธร แจ้งว่า เขาและคู่สมรสมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 2,197,632,872.25 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในธนาคาร 46 บัญชี มูลค่ารวม 1,474,549,136.76 บาท และเงินลงทุน/ถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ รวม 38 รายการ มูลค่า 405,696,800 บาท เหลือเป็นทรัพย์สินอื่น ๆ

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ "เสี่ยโฟม" ส.ส. บัญชีรายชื่อ พปชร. ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายธนาธร (เป็นบุตรชายของนายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ อาของนายธนาธร) แจ้งว่า มีทรัพย์สินร่วมกับคู่สมรส 330,181,607.71 บาท หลังหักหนี้ออกแล้ว เป็นเงินฝากของตัวเอง ภรรยา และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 18 บัญชี รวม 73,353,104,04 ล้านบาท เงินลงทุนผ่านกองทุนต่าง ๆ และประกันชีวิต 114,989,929.35 ล้านบาท ที่เหลือเป็นทรัพย์สินอื่น ๆ

ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง

ที่มาของภาพ, Hataikarn Treesuwan/BBC Thai

สำหรับบัญชีทรัพย์สินฯ ของ ส.ส. รายอื่นที่น่าสนใจ ภายหลังหักหนี้สินออกแล้ว มีดังนี้

หนังสือปิยบุตรราคา 1.2 ล้านบาท : นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการ อนค. มีทรัพย์สิน 7,674,621.15 บาท ในจำนวนนี้มีลิขสิทธิ์จากตำราเรียน, หนังสือ, รายงานการวิจัย และบทความต่าง ๆ ซึ่งมีมูลค่าในการตีพิมพ์แต่ละครั้งเฉลี่ยครั้งละตั้งแต่ 3,000-40,000 บาท จำนวน 39 รายการ เนื่องจากเขาเคยเป็นนักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน สำนักธรรมศาสตร์ ขณะที่หนังสือภาษาไทยและต่างประเทศของเขาจำนวน 2,500 เล่ม มีมูลค่า 1,250,000 บาท นอกจากนี้ยังแจ้งว่า "แหวนแต่งงาน" ของเขากับภรรยา เออเชนี เมรีโอ ทั้ง 2 วง มีมูลค่า 1,600 บาท หรือวงละเพียง 800 บาท

รองเท้าทิม พิธา ราคา 2 แสน : นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ อนค. เจ้าของวาทะแก้ปัญหาเกษตรกรไทยด้วย "กระดุม 5 เม็ด" มีทรัพย์สิน 114,831,126.85 บาท เฉพาะรายการ "ทรัพย์สินอื่น" มีมูลค่ารวม 8,939,299 บาท อาทิ นาฬิกา 9 เรือน มูลค่า 7,240,000 บาท, รองเท้า 8 คู่ รวม 200,000 บาท, เสื้อสูทและเสื้อผ้าลำลองยี่ห้อต่าง ๆ 15 ตัว รวม 1,400,000 บาท

ช่อมีเครื่องประดับ 9 แสน : น.ส. พรรณิการ์ วานิช ส.ส. บัญชีรายชื่อ และโฆษก อนค. มีทรัพย์สิน 2,609,055.78 บาท ในจำนวนนี้เป็นรายการเครื่องประดับมูลค่ารวม 964,500 บาท อาทิ กำไลทองคำโบราณ 100,000 บาท, สร้อยคอและสร้อยคอมือ 4 เส้น, นาฬิกา, แหวน, ต่างหู รวมถึงมีผ้าซิ่นไหมราคา 42,500 บาท

ส.ส. เอ๋เลี้ยงไก่ได้ 109 ล้าน : น.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พปชร. มีทรัพย์สินฯ 139,935,384 บาท โดยรายได้ส่วนใหญ่ของเธอแจ้งว่ามาจากการเลี้ยงไก่ 109,962,076.14 บาท และรายได้จากการเลี้ยงวัวอีก 675,000 บาท นอกจากนี้เธอยังแจ้งว่ามีโรงเรือนฟาร์มเลี้ยงไก่ 63 โรงเรือน, อาคารสำนักงานฟาร์มไก่, โรงฆ่าเชื้อ โรงเรือนต่าง ๆ

เต้รวยพระเครื่อง 147 ล้าน : นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ผู้ประกาศตัวเป็น "ผู้นำพรรคฝ่ายค้านอิสระ" มีทรัพย์สินฯ 173,733,512.27 บาท ส่วนใหญ่เป็นพระเครื่อง 11 รายการ รวมมูลค่า 147,650,000 บาท ซึ่งเขาเคยนำมาอวดให้สื่อมวลชนดูบางส่วน เช่น พระกริ่งปวเรศทองคำหนัก 3 บาท มูลค่า 50,000,000 บาท, พระสมเด็จวัดระฆัง เลี่ยมทองคำ 1 บาท มูลค่ากว่า 40,000,000 บาท, พระสมเด็จไกเซอร์ เลี่ยมทองคำ 2 บาท มูลค่า 30,000,000 บาท

กรุพระ ชัเตาปูน มูลค่า 400 ล้าน : นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส. บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท มีทรัพย์สินฯ 1,017,857,188.91 บาท โดยมีพระเครื่องชื่อดังในกรุถึง 49 รายการ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท อาทิ ชุดเบญจภาคี จำนวน 2 รายการ รายการละ 100,000,000 บาท, พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ 20,000,000 บาท, พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ พระประธาน 20,000,000 บาท, พระจิตรลดา 10,000,000 บาท

ส.ส. เหล็กไหลพันล้าน : นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคพลังไทยรักไทย มีทรัพย์สินฯ 111,730,051.67 บาท ที่น่าสนใจคือการแจ้งว่าเป็นผู้ครอบครอง "โคตรเหล็กไหล" มูลค่าถึง 700 ล้านบาท, "มหาเหล็กไหล" มูลค่า 300 ล้านบาท, อุกกาบาต ซึ่งเรียกว่า "อุกามณีดำ" มูลค่า 10,000,000 บาท นอกจากนี้ยังมีพระเครื่องสมเด็จอีก 7 รายการ มูลค่ารวม 90,000,000 บาท

โคตรเหล็กไหล

ที่มาของภาพ, คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล

คำบรรยายภาพ, โฉมหน้า "โคตรเหล็กไหล" ที่นายคฑาเทพส่งให้สื่อมวลชน