"โจ๊กเกอร์" รุนแรงเกินไปไหม ทำไมภาพยนตร์นี้จึงสร้างความกังวลเรื่องความปลอดภัยในสหรัฐฯ
โจ๊กเกอร์ ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เล่าเรื่องราวของตัวร้ายและศัตรูตัวฉกาจของแบทแมนเป็นหลัก จะออกฉายพร้อมกับทั่วโลกในวันที่ 3 ต.ค. นี้
แม้คนไม่มากที่ได้ดูภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ไปแล้ว แต่ โจ๊กเกอร์ ก็ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงอย่างแพร่หลายในสหรัฐฯ เมื่อ สัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อหลายสำนักรายงานว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้มีคำสั่งเตือนให้กองกำลังเตรียมพร้อม มีการพูดถึงข่าว "ที่น่าเชื่อถือ" เรื่องการกราดยิงที่อาจจะเกิดขึ้นวันที่ โจ๊กเกอร์ เข้าฉาย
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว ชายคนหนึ่งก่อเหตุกราดยิงที่เมืองออโรรา รัฐโคโลราโด ระหว่างการฉายภาพยนตร์ The Dark Knight Rises ที่บอกเล่าเรื่องราวของแบทแมน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 70 คน
ห้ามทาหน้าเป็นโจ๊กเกอร์
โจ๊กเกอร์ จะไม่เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ออโรรา ตามการร้องขอโดยญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตยังได้เขียนจดหมายไปถึง วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ผู้ผลิตภาพยนตร์อีกด้วย โดยขอให้พวกเขาบริจาคเงินให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวที่ทำงานเพื่อเหยื่อความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืน
ข้อความส่วนหนึ่งของจดหมายซึ่งนิตยสาร The Hollywood Reporter ได้มา ระบุว่า "เราขอเรียกร้องให้คุณมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้นำอีกหลายบริษัทที่เข้าใจว่าพวกเขามีความรับผิดชอบในเชิงสังคมที่จะปกป้องเราให้ปลอดภัย"
ญาติคนหนึ่งจากโศกนาฏกรรมที่เมืองออโรราถึงขั้นบอกว่า โจ๊กเกอร์ ทำให้เธอนึกถึง เจมส์ โฮล์มส์ มือกราดยิงที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
"ฉันไม่จำเป็นต้องมีรูป[ของโฮล์มส์] แค่เห็นโฆษณาหนัง โจ๊กเกอร์ ก็นึกหน้าฆาตกรออกแล้ว" แซนดี้ ฟิลลิปส์ ผู้เสีย เจสซิกา กาวี ลูกสาววัย 24 ปี ไป บอกกับ The Hollywood Reporter
โรงภาพยนตร์หลายแห่งในสหรัฐฯ ประกาศแล้วว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ชมที่ใส่หน้ากาก ทาหน้า หรือใส่ชุดตัวละคร (ซึ่งเป็นธรรมเนียมนิยมเวลาเปิดตัวภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่) เข้าชมภาพยนตร์
ความหวาดกลัว
โจ๊กเกอร์ บอกเล่าเรื่องราวของ อาเธอร์ เฟล็ค ตลกผู้มีอาการป่วยทางจิต ความหันเหทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัวและการงานพาเขาเข้าสู่การเป็นอาชญากร
บทความวิจารณ์ภาพยนตร์ชิ้นแรก ๆ ที่ออกมาระบุว่า ภาพยนตร์เต็มไปด้วยฉากความรุนแรงและสมจริง นักวิจารณ์บางคนถึงขั้นกล่าวหาว่าผู้กำกับ ทอดด์ ฟิลลิปส์ ไปเชิดชูสรรเสริญเรื่องราวของตัวละครโจกเกอร์เกินไป
ริชาร์ด ลอว์สัน จากนิตยสาร Vanity Fair บอกว่าภาพยนตร์นี้ "เป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้ความรับผิดชอบให้แก่บรรดาชายที่ภาพยนตร์จัดว่ามีความผิดปกติทางจิตเสียเอง"
"โจ๊กเกอร์เป็นคนที่น่าขยะแขยงหรือน่าสรรเสริญกันแน่ หรือที่จริงแล้วมันไม่ได้ต่างกันเลย" ลอว์สัน ตั้งคำถาม
ทอดด์ ฟิลลิปส์ ผู้กำกับ และวาคีน ฟินิกซ์ ผู้แสดงเป็นโจกเกอร์ ไม่เห็นด้วยกับคำถามเหล่านี้
ฟิลลิปส์ "แปลกใจ" กับประเด็นถกเถียงนี้
เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า "ภาพยนตร์ต้องการสื่อถึงการขาดความรัก วัยเด็กที่ชอกช้ำ และการไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจในโลก ผมคิดว่าผู้คนน่าจะรับได้กับเรื่องเหล่านี้"
"สำหรับผม ศิลปะต้องซับซ้อน หากคุณอยากได้ศิลปะที่ไม่ซับซ้อน คุณอาจจะต้องไปลองเรียนศิลปะการคัดลายมือแทน"
ในการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์บันเทิงชื่อ The Wrap ฟิลลิปส์โทษ "กลุ่มคนซ้ายจัด" สำหรับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น
"สำหรับผม สิ่งที่ชัดเจนมากสำหรับวาทกรรมนี้คือ ฝ่ายซ้ายจัดแสดงท่าทีเหมือนฝ่ายขวาจัดได้ง่ายดายแค่ไหน เวลาที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งมันตรงตามจุดประสงค์ของพวกเขา มันทำให้ผมเข้าใจอะไรขึ้นมาเยอะเลย"
ด้าน ฟินิกซ์ เคยเดินออกจากห้องสัมภาษณ์มาแล้วเมื่อโดนถามเรื่องความรุนแรงในภาพยนตร์
เขาให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า "คนตีความเนื้อเพลงผิด ตีความข้อความในหนังสือผิดเพี้ยน เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่าเป็นความรับผิดชอบของคนทำหนังที่จะมาสอนผู้ชมเรื่องศีลธรรม หรือความแตกต่างระหว่างสิ่งผิดกับสิ่งถูก ...สำหรับผม ผมคิดว่าเรื่องนั้นมันชัดเจนอยู่แล้ว"
ฟินิกซ์ บอกว่า เขาชอบที่คนรู้สึก "ไม่สบายใจ" กับภาพยนตร์
"ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเวลาภาพยนตร์ทำให้เรารู้สึกไม่สบายอกสบายใจ หรือทำให้เราคิดต่างไป ผมดีใจกับเรื่องนี้"
"เพราะอย่างนี้ผมถึงได้อยากทำหนังเรื่องนี้ เพราะว่ามันไม่ง่ายสำหรับผม"
"ผมมีความรู้สึกหลากหลายแบบมากเลยต่อตัวโจ๊กเกอร์ตอนที่เตรียมตัวเล่นบทนี้"
ตัวร้ายที่คนชื่นชอบ
ฟินิกซ์ ซึ่งมีชื่อเสียงอยู่แล้ว และเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงที่ใช้สัญชาตญาณสูง ยิ่งทำให้การถกเถียงเรื่องความหลงใหลในตัวละครตัวร้ายยิ่งมีมากขึ้นเข้าไปใหญ่ อาทิ ในตัวโจ๊กเกอร์ หรือ ดาร์ธ เวเดอร์ ในเรื่อง Star Wars
"เราต่างเข้าใจสิ่งยั่วยวนนี้ เราต่างชอบที่จะจินตนาการว่าเราจะทำอะไรหากไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมาห้าม" ทราวิส แลงลีย์ นักจิตวิทยา ให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุ KOA ในสหรัฐฯ
ภาพลักษณ์ของตัวละครโจ๊กเกอร์ไม่ได้ดีขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักแสดงที่รับบทบาทนี้คนที่แล้ว
ฮีธ เล็ดเจอร์ เล่นเป็นโจ๊กเกอร์ในภาพยนตร์ The Dark Knight (2008) เขาเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดก่อนที่จะภาพยนตร์จะเข้าฉาย และก็ได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในปี 2009
โชคไม่ดีที่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรนำไปสู่ข่าวลือว่า เล็ดเจอร์ โดนตัวละครที่เขาแสดง "หลอกหลอน"
วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เผยแพร่แถลงการณ์ปฏิเสธว่าผู้ผลิตไม่ได้พยายามทำให้เรื่องราวของตัวร้ายคนนี้ให้มีความสวยงาม
"กรุณาอย่าเข้าใจผิด ทั้งภาพยนตร์ และตัวละครโจ๊กเกอร์ ไม่ได้สนับสนุนความรุนแรงใด ๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง"
อย่างไรก็ดี บริษัทได้เปิดตัวสินค้าจากภาพยนตร์มากมาย รวมถึงสูทแบบเดียวกับที่โจ๊กเกอร์ใส่ ขายในราคา 75 เหรียญสหรัฐฯ
ความป่วยทางจิต
ผู้เคลื่อนไหวในประเด็นสุขภาพจิตได้แสดงความกังวลว่าภาพยนตร์จะวาดภาพความป่วยทางจิตออกมาในลักษณะไหน ที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเคยวิพากษ์วิจารณ์วิธีการที่ภาพยนตร์ฮอลลีวูดพูดถึงตัวละครที่ป่วยทางจิตมากแล้ว
จูลี อีวานส์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Time to Change องค์กรการกุศลในสหราชอาณาจักร บอกว่า ตัวละครในภาพยนตร์มักจะมีความเกินจริงและมีการใส่ข้อมูลที่ผิด ๆ และคนที่มีความป่วยทางจิตส่วนใหญ่ก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร พวกเขามีแนวโน้มจะเป็นผู้ถูกกระทำแทนที่จะเป็นผู้กระทำเองด้วยซ้ำ
ทิม สเนลสัน อาจารย์ด้านภาพยนตร์จากมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลียในอังกฤษ บอกว่าอาจจะเกินไปหากไปตัดสินภาพยนตร์ก่อนที่ภาพยนตร์จะเข้าฉาย
"ใช่ ฮอลลีวูดเต็มไปด้วยภาพยนตร์ที่ทำให้เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างสุขภาพจิตและความรุนแรงมีต่อไป" สเนลสัน บอกกับบีบีซี
"น่าเสียดายหากภาพยนตร์ เรื่องนี้ไม่สามารถก้าวพ้นตัวละครแบบภาพจำไปได้ แต่อย่างน้อยมันก็ได้ทำให้เกิดการถกเถียงแล้วว่าควรจะสื่อสารประเด็นสุขภาพจิตอย่างไร"
ถึงตอนนี้ โจ๊กเกอร์ ได้รับเสียงตอบรับที่ดี โดยคนในเว็บวิจารณ์ภาพยนตร์ Rotten Tomatoes ให้คะแนนความพึงพอใจถึง 77 เปอร์เซ็นต์
และประเด็นถกเถียงก็ดูจะทำให้ภาพยนตร์ขายดีขึ้น วิเคราะห์กันว่าในสุดสัปดาห์แรกที่เข้าฉายในสหรัฐฯ ภาพยนตร์จะทำรายได้ได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ โจ๊กเกอร์ ก็ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เวนิสเมื่อต้นเดือนนี้มาด้วย โดยผู้ชมลุกขึ้นยืนปรบมือให้นานถึง 8 นาที
วิดีโอ, "แบล็กแพนเทอร์" หนังซูเปอร์ฮีโรสวมบทนำโดยดาราผิวสีเรื่องแรกของมาร์เวล
"แบล็กแพนเทอร์" ภาพยนตร์เรื่องแรกของมาร์เวลที่นำนักแสดงผิวสีมาสวมบทเป็นซูเปอร์ฮีโร และกำลังกลายเป็นกระแสถูกพูดถึงในโลกสังคมออนไลน์อย่างมากในขณะนี้