ยกฟ้อง ทอม ดันดี, ครอบครัวไผ่ ขออภัยโทษ คดี 112

ศาลอาญายกฟ้อง ทอม ดันดี คดี มาตรา 112 กรณีปราศรัยที่ลำพูนปี 2554 ศาลชี้ข้อความที่โจทก์ฟ้องไม่ชัดเจนเพียงพอว่าคำปราศรัยของจำเลยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ จึงพิพากษายกฟ้อง

นายอานนท์ ชวาลาวัณย์ ทนายความจากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวกับบีบีซีไทยว่า หลังจากนี้นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือทอม ดันดี อดีตนักร้องเพลงเพื่อชีวิต และสมาชิกแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ถูกนำตัวกลับไปยังเรือนจำอีกครั้ง เนื่องจากยังต้องรับโทษจำคุกเป็นเวลา 10 ปี 10 เดือน จากคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ความผิดอาญา มาตรา 112 อีกสองคดี

ตามข้อมูลของไอลอว์ระบุว่า นอกจากคดีนี้ ธานัทยังถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 อีกสามคดี ได้แก่ คดีกล่าวคำปราศรัยเข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ในเวทีคนเสื้อแดงหลายครั้งระหว่างวันที่ 6 พย. 2556 ถึง 26 มิถุนายน 2557 และมีคนนำคลิปการปราศรัยดังกล่าวเผยแพร่บนระบบอินเทอร์เน็ต ธานัทให้การรับสารภาพและถูกพิพากษาจำคุกเป็นเวลาห้าปี แต่ลดโทษเพราะคำสารภาพเหลือจำคุก 3 ปี 4 เดือน

คดีที่สอง เขาถูกกล่าวหาว่า ปราศรัยเข้าข่ายผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ เมื่อ 13 พฤศจิกายน 2556 ระหว่างการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ หลักสี่ ในคดีที่สองนี้ แม้ธานัทจะกล่าวปราศรัยในวันเดียวกันแต่ศาลแยกการลงโทษเป็นสามกรรม เนื่องจากเห็นว่า ธานัทไม่น่าจะปราศรัยจบในคราวเดียวแต่เป็นการปราศรัยแล้วพัก ก่อนจะปราศรัยใหม่ จึงถือเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ พิพากษาลงโทษจำคุกความผิดกรรมละห้าปีรวมสามกรรม 15 ปี แต่ธานัทให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุก 7 ปี 6 เดือน

รวมสองคดี ธานัทต้องรับโทษจำคุก 10 ปี 10 เดือน

ส่วนคดีที่สาม ในเดือนพฤศจิกายน 2560 ระหว่างที่ธานัทกำลังรับโทษสองคดีข้างต้นอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เขาถูกควบคุมตัวไปที่เรือนจำกลางราชบุรีและเพื่อไปรับทราบรับคำฟ้องคดีมาตรา 112 อีกครั้ง โดยคดีนี้ธานัทถูกกล่าวหาว่า กล่าวคำปราศรัยที่อาจเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2553 ระหว่างการชุมนุมของพรรคเพื่อไทยที่จังหวัดราชบุรี พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาคดีนี้กับธานัทในเดือนสิงหาคม 2555 แต่ขณะนั้นยังไม่มีการควบคุมตัวและคดีก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนกระทั่งอัยการฟ้องคดีต่อศาลจังหวัดราชบุรีในเดือนมกราคม 2561

กรณีไผ่ ดาวดิน

ในวันนี้ (29) ศาลจังหวัดภูเขียว มีคำพิพากษายกฟ้อง "ไผ่ ดาวดิน"หรือ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษาในคดีแจกเอกสาร รณรงค์ประชามติเมื่อปี 2559

ขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา ทนายของไผ่ กล่าวกับบีบีซีไทยว่าทางครอบครัวของไผ่ได้ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษในกรณี มาตรา 112 ของประมวลกฎหมายอาญา ไปตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยยื่นไปตามขั้นตอนขณะนี้อยู่ในระหว่างรอพระบรมราชวินิจฉัย

นางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดาของนายจตุภัทร์ ยืนยันกับบีบีซีไทยว่า ได้ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษแก่ไผ่ ไปเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 ภายหลังศาลจังหวัดขอนแก่นมีคำพิพากษาตัดจำคุกนายจตุภัทร์ 2 ปี 6 เดือน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2560 จากคดีแชร์บทความพระราชประวัติ รัชกาลที่ 10 ของบีบีซีไทย โดยดำเนินการผ่านเรือนจำก่อนส่งไปยังสำนักพระราชวัง

นางพริ้ม เปิดเผยว่าตัดสินขอพระราชทานอภัยโทษในช่วงที่ศาลกำลังจะมีคำสั่งตัดสิน ก่อนที่นายจตุภัทร์จะรับสารภาพในความผิดตามที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา

ในหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษ นางพริ้มได้กล่าวถึงการถูกตั้งข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของนายจตุภัทร์ว่า ไม่ได้มีเจตนากระทำผิด เขาเพียงแต่อ่านและแชร์บทความของบีบีซี โดยไม่ได้เขียนข้อความเพิ่มเติมที่แสดงเจตนาหมิ่นประมาทตามความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112

"ขอร้องไผ่ให้รับสารภาพและจะเดินเรื่องนี้เอง เราเป็นแม่ไม่อยากให้ลูกไปติดทั้ง ๆ ที่เขายังเด็กอยู่ เพราะประกันตัวไม่ได้เลยตัดสินใจแบบนี้ หวังว่าพระองค์จะเมตตา เพราะเด็กติดมาปีกว่าแล้ว จึงได้ขอพระราชทานอภัยโทษ" นางพริ้มกล่าว พร้อมระบุว่า นายจตุภัทร์ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจ

"ไผ่รู้ว่าแม่จะลำบาก ก็เห็นใจ และอนุญาตให้แม่ทำ ไม่ได้คัดค้าน" นางพริ้มกล่าว

ด้านนายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาของนายจตุภัทร์ กล่าวว่า "หากไผ่อยู่ข้างนอกก็ทำประโยชน์อะไรมากกว่าอยู่ในเรือนจำ"

นายจตุภัทร์ต้องคดี รวมทั้งหมด 6 คดี คือ คดีมาตรา 112 ซึ่งตัดสินไปแล้ว และคดีที่ยกฟ้องในวันนี้ ส่วนอีกสี่คดี ก็คือ คดียกป้ายคัดค้านรัฐประหารที่ศาลทหารขอนแก่น คดีจัดเวทีประชามติ อีกสองคดีเป็นคดีชุมนุมทางการเมือง และคดียุยงปลุกปั่น มาตรา 116 ที่กรุงเทพฯ โดยที่คดี 112 นี้ ไผ่ ดาวดินยังเหลือที่ต้องโทษจำคุกไปจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2562