อังกฤษพิจารณาคำร้องรัสเซียขอเยี่ยมลูกสาวสายลับที่ถูกวางยาพิษ

Undated image taken from social media of Yulia Skripal

ที่มาของภาพ, Yulia Skripal/Facebook

คำบรรยายภาพ, โรงพยาบาลเขตซอลส์บรีแถลงว่า น.ส. สกริปาล วัย 33 ปี พ้นขีดอันตรายแล้ว

รัฐบาลอังกฤษเผยว่ากำลังพิจารณาคำร้องของรัสเซียที่ต้องการเข้าเยี่ยม น.ส.ยูเลีย สกริปาล บุตรสาวของอดีตสายลับรัสเซียที่กำลังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังถูกลอบวางยาพิษร้ายแรง

สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงลอนดอนยืนกรานว่าตน "มีสิทธิ์เข้าเยี่ยม" น.ส. สกริปาล ซึ่งเป็นพลเมืองรัสเซีย ด้านกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ระบุว่ากำลังพิจารณาคำร้องดังกล่าวตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายในประเทศ

ที่ผ่านมา รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาที่สหราชอาณาจักรระบุว่า รัสเซียอยู่เบื้องหลังการใช้สารทำลายระบบประสาทพยายามฆ่านายเซอร์เก สกริปาล อดีตสายลับรัสเซียและ น.ส.ยูเลีย บุตรสาว โดยทั้งคู่ถูกพบหมดสติที่เมืองซอลส์บรี เมื่อวันที่ 4 มี.ค.

บีบีซีได้รับข้อมูลว่า น.ส. สกริปาล วัย 33 ปี ได้สติแล้วและสามารถพูดคุยได้แล้ว โดยโรงพยาบาลเขตซอลส์บรีแถลงว่าเธอพ้นขีดอันตรายแล้ว ขณะที่บิดาวัย 66 ปีของเธอยังมีอาการวิกฤตแต่ก็คงที่ไม่ทรุดลงกว่าเดิม

รัสเซียสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในฐานะส่วนหนึ่งของมาตรการตอบโต้

ที่มาของภาพ, EPA

คำบรรยายภาพ, รัสเซียสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในฐานะส่วนหนึ่งของมาตรการตอบโต้

ก่อนหน้านี้ รัสเซียได้ออกมาตรการเพิ่มเติมกับนักการทูตสหราชอาณาจักร โดยให้เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำรัสเซีย ลดจำนวนเจ้าหน้าที่สถานทูตในกรุงมอสโกลง ให้เหลือเท่ากับจำนวนนักการทูตที่รัสเซียมีอยู่ในสหราชอาณาจักร และสั่งขับนักการทูต 23 ประเทศเมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) เพื่อตอบโต้การร่วมกันสั่งขับนักการทูตรัสเซียก่อนหน้านี้

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ออกคำเตือนเมื่อวันพฤหัสบดี ให้ระวังสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกับสมัยสงครามเย็น

นอกจากนี้ รัสเซียยังได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรสหราชอาณาจักร ว่าพยายามเข้าตรวจค้นเครื่องบินของสายการบินแอโรฟลอต ที่เดินทางจากกรุงมอสโกไปลงยังสนามบินฮีทโธรว์ โดยไม่อนุญาตให้ลูกเรือเฝ้าสังเกตการณ์

นายเซอร์เก สกริปาล วัย 66 ปี และนางสาวยูเลีย ลูกสาววัย 33 ปี ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ถูกลอบทำร้าย

ที่มาของภาพ, EPA/ YULIA SKRIPAL/FACEBOOK

คำบรรยายภาพ, นายเซอร์เก สกริปาล วัย 66 ปี และนางสาวยูเลีย ลูกสาววัย 33 ปี ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่ถูกลอบทำร้าย

รัสเซียเพ่งเล็งสหราชอาณาจักรอีกครั้ง

โดย พอล อดัมส์ - บีบีซี นิวส์ มอสโก

นักการทูตสหราชอาณาจักร ได้เดินทางออกจากกรุงมอสโกตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นายลอรี บริสโตว์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ยังถูกเรียกตัวไปกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียอีกครั้ง เพื่อแจ้งมาตรการลงโทษเพิ่มเติม ซึ่งแม้ความหมายในเชิงปฏิบัติจะยังไม่เป็นที่ประจักษ์ แต่ชัดเจนว่ารัสเซียมองสหราชอาณาจักรเป็นแกนนำในการสั่งขับนักการทูตรัสเซียออกจากหลายประเทศ ซึ่งนับเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุถึง "การกระทำที่ยั่วยุ และขาดเหตุผลอันควร" ของสหราชอาณาจักร "ซึ่งทำให้เกิดการสั่งขับนักการทูตรัสเซียอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน" นับเป็นคำชมแบบประชดประชัน สำหรับนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ที่ประสบความสำเร็จในการรวมพลังระดับนานาชาติได้ แบบที่ไม่มีใครเคยคิดว่าจะเป็นไปได้เมื่อเดือนที่ผ่านมา

ทั้งนี้รัสเซียได้ตอบโต้รัฐบาลสหราชอาณาจักร โดยวิจารณ์ว่าพยายามจะยกกรณีของนายสกริปาล ให้กลายเป็นเรื่องระดับนานาชาติ และระบุว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของหลายประเทศที่สนับสนุนสหราชอาณาจักร เป็นเพราะต้องคล้อยตามสหรัฐฯ จากแรงกดดันด้านการเงินและการเมือง

ประเทศอื่นที่เกี่ยวข้อง

ขณะนี้มี 29 ประเทศ ที่สั่งขับนักการทูตรัสเซียรวมกัน 145 คน และนาโตได้สั่งขับเจ้าหน้าที่รัสเซีย 10 คนออกจากสำนักงานที่เบลเยียม

สหรัฐฯ เป็นประเทศที่สั่งขับนักการทูตรัสเซียมากที่สุด คือ 60 คน และสั่งปิดสถานกงสุลในเมืองซีแอตเติล ซึ่งรัสเซียได้ตอบโต้ด้วยการสั่งขับนักการทูตสหรัฐฯ ในกรุงมอสโก 58 คนออกนอกประเทศ และประกาศให้อีกสองคนในเมืองเยคาเทรินเบิร์ก เป็นบุคคลที่ไม่พึงปรารถนา รวมถึงสั่งปิดสถานกงสุลในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่ารัสเซียจะตอบโต้ "ในลักษณะเดียวกัน"

ที่มาของภาพ, AFP

คำบรรยายภาพ, นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่ารัสเซียจะตอบโต้ "ในลักษณะเดียวกัน"

เอกอัครราชทูตประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับแจ้งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาให้ส่งเจ้าหน้าที่กลับ ในจำนวนเท่ากันกับที่รัฐบาลประเทศนั้น ๆ ได้สั่งขับนักการทูตรัสเซีย ได้แก่ แอลเบเนีย ออสเตรเลีย แคนาดา โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เอสโตเนีย ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี ไอร์แลนด์ อิตาลี ลัตเวีย ลิทัวเนีย มาซิโดเนีย มอลโดวา เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ โรมาเนีย สเปน สวีเดน และยูเครน

นอกจากนี้ แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า รัสเซีย "ขอสงวนสิทธิ์ในการออกมาตรการตอบโต้" ต่อเบลเยียม ฮังการี จอร์เจีย และมอนเตเนโกร ซึ่งเป็นประเทศที่เข้าร่วมการต่อต้านรัสเซีย "ในนาทีสุดท้าย"

ข้ออ้างของรัสเซีย

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวโทษสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ว่าใช้มาตรการกดดันที่รุนแรงต่อกรณีของนายสกริปาล และกล่าวว่ารัสเซีย ได้ขอติดต่อกับนางสาวยูเลีย สกริปาล ซึ่งถือสัญชาติรัสเซีย นอกจากนี้ รัสเซียยังกำลังขอประชุมกับผู้นำขององค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) "เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง"

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ยื่นหนังสือประท้วงต่อนายลอรี บริสโตว์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร โดยมีข้อความว่า "การกระทำอันยั่วยุ" ของสหราชอาณาจักร ทำให้รัฐบาลของประเทศอื่นตัดสินใจขับนักการทูตรัสเซีย

ขับนักการทูต
คำบรรยายภาพ, สีม่วงคือ จำนวนนักการทูตรัสเซียที่ถูกขับออกจากประเทศต่าง ๆ ส่วนที่เหลืองคือจำนวนที่รัสเซียขับนักการทูตจากประเทศต่าง ๆ

ขณะนี้ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีนักการทูตสหราชอาณาจักรต้องเดินทางออกจากรัสเซียอีกกี่คน แต่นายมาร์ก เซดวิลล์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหราชอาณาจักร กล่าวว่าการสั่งขับนักการทูตรัสเซียของกลุ่มชาติตะวันตก มีเป้าหมายเพื่อถอนรากเครือข่ายเจ้าหน้าที่ข่าวกรองรัสเซีย

กรณีสายการบินรัสเซีย

สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ของรัสเซีย รายงานอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า มีตำรวจสหราชอาณาจักรขึ้นไปบนเครื่องบิน หลังจากที่ผู้โดยสารลงจากเครื่องหมดแล้ว และขอให้ลูกเรือลงจากเครื่องด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นเครื่องบิน

ด้านสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในกรุงลอนดอน ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ศุลกากรสหราชอาณาจักร ขึ้นไปบนเครื่องบิน และพยายามตรวจค้น "โดยไม่ให้ลูกเรืออยู่บนเครื่องบิน" และ "หลังจากเจ้าหน้าที่ของสถานทูตเดินทางไปถึงที่สนามบิน ก็มีการเจรจาอยู่นาน เพื่อให้กัปตันได้มีสิทธิ์ร่วมการตรวจค้นด้วย"

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเรียกกรณีที่เกิดขึ้นว่า "การยุแหย่ขั้นต่อไป" หลังจากเกิดกรณีของนายสกริปาล อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีปฏิกิริยาจากทางรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อข้อกล่าวหานี้ของรัสเซีย และสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานว่า เครื่องบินลำดังกล่าวได้บินกลับกรุงมอสโกแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับสารทำลายระบบประสาท

รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่าสารเคมีที่ใช้ลอบทำร้ายสายลับรัสเซีย อยู่ในกลุ่มสารทำลายระบบประสาทที่เรียกว่าโนวีชอก ซึ่งผลิตโดยสหภาพโซเวียต

องค์การห้ามอาวุธเคมี ได้ส่งทีมไปตรวจสอบตัวอย่างสารเคมีที่สหราชอาณาจักรอ้างว่าถูกใช้ โดยคาดว่าต้องรออีกอย่างน้อยสองสัปดาห์จึงจะรู้ผล

ส่วนตำรวจระบุว่า นายสกริปาล สัมผัสกับสารทำลายระบบประสาท ที่บ้านในเมืองซอลส์บรี โดยพบความเข้มข้นของสารมากที่สุดบริเวณประตูหน้าบ้าน