เลือกตั้งอังกฤษ : พรรคคอนเซอร์เวทีฟชนะเลือกตั้ง ครองเสียงข้างมากในสภาได้สำเร็จ

นายบอริส จอห์สัน

ที่มาของภาพ, AFP/Getty Images

พรรคคอนเซอร์เวทีฟชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย โดยกวาดที่นั่งได้ 365 จากทั้งหมด 650 ที่นั่งของสภาผู้แทนราษฎร นายบอริส จอห์นสัน หัวหน้าพรรค ประกาศเดินหน้านำสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ภายในวันที่ 31 ม.ค.

ผลการเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรซึ่งนับคะแนนเสร็จสิ้นแล้ว 100% พบว่า พรรคคอนเซอร์เวทีฟภายใต้การนำของนายบอริส จอห์นสัน สามารถยึดครองเสียงข้างมากในสภาได้สำเร็จ โดยได้ที่นั่งเพิ่มจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2017 จำนวน 47 ที่นั่ง สอดคล้องกับผลสำรวจหน้าคูหาเลือกตั้ง (เอ็กซิทโพล) จัดทำขึ้นสำหรับบีบีซี สถานีโทรทัศน์ไอทีวี และสกาย นิวส์ ซึ่งออกมาหลังปิดหีบเลือกตั้ง

นายจอห์นสันระบุว่า เสียงข้างมากที่พรรคคอนเซอร์เวทีฟได้รับ เป็น "อำนาจที่ทรงพลังในการทำเบร็กซิทให้สำเร็จ" ตามและเรียกการเข้าคูหาเลือกตั้งเมื่อ 12 ธ.ค. ว่า "วันเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์

นายกฯ วัย 55 ปียังประกาศต่อหน้าผู้สนับสนุนของเขาในงานที่พรรคจัดขึ้นกลางกรุงลอนดอนด้วยว่า จะทำให้เบร็กซิทเกิดขึ้นภายในวันที่ 31 ม.ค. ไม่มีคำว่า "หาก" ไม่มีคำว่า "แต่" และไม่มีคำว่า "บางครั้ง"

คำบรรยายวิดีโอ, บอริส จอห์นสัน ทำอย่างไรให้ชนะใจผู้ออกเสียงเลือกตั้ง

ขณะที่คู่แข่งขันสำคัญอย่างพรรคเลเบอร์ของนายเจรีมี คอร์บิน ต้องปราชัยย่อยยับ ได้ที่นั่งเพียง 203 ที่นั่ง ลดลง 59 ที่นั่ง แม้แต่เขตอุตสาหกรรมทางตอนเหนือและตอนกลางของอังกฤษ ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเลเบอร์มายาวนาน ก็ยังพลิกไปลงคะแนนให้ผู้สมัครจากพรรคคอนเซอร์เวทีฟ

ส่วนพรรคอันดับ 3 คือ พรรคสก็อตทิชเนชันแนล (เอสเอ็นพี) ได้ไป 48 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 13 ที่นั่ง พรรคลิเบอรัลเดโมแครต (แอลดี) 11 ที่นั่ง ลดลง 1 ที่นั่ง พรรคเดโมแครติกยูเนียนนิสต์ (ดียูพี) 8 ที่นั่ง ลดลง 2 ที่นั่ง และอื่น ๆ 15 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 2 ที่นั่ง

แผนที่
Presentational grey line

เรารู้อะไรบ้างจากผลการเลือกตั้งสหราชอาณาจักร

  • นายบอริส จอห์สัน และนายเจเรมี คอร์บิน ต่างรักษาที่นั่งในเขตเลือกตั้งของตนเอาไว้ได้ แต่ดูเหมือนพรรคต้นสังกัดของพวกเขาต้องเผชิญกับความยากที่แตกต่างกันออกไป
  • ผลที่ออกมา ถือเป็น "ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่" ของพรรคคอนเซอร์เวทีฟนับจากปี 1987 ที่อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง มากาเร็ต แธตเชอร์ นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟคว้าชัยครั้งใหญ่สุดในปีนั้น
  • พรรคเลเบอร์เข้าสู่ภาวะ "ตกต่ำที่สุด" นับจากปี 1935 ทั้งนี้นายเจเรมี คอร์บิน หัวหน้าพรรค แถลงยอมรับว่า "เป็นค่ำคืนที่น่าผิดหวังสำหรับพรรคเลเบอร์" และประกาศ "จะไม่เป็นผู้นำพรรคเข้าสู่สนามเลือกตั้งในอนาคต" พรรคเลเบอร์หาเสียงด้วยการให้คำมั่นว่าจะจัดให้มีการออกเสียงประชามติอีกครั้งว่าประชาชนจะเจรจาข้อตกลงเบร็กซิทอีกรอบ หรือให้สหราชอาณาจักรอยู่กับสหภาพยุโรปตามเดิม
  • นางโจ สวินสัน หัวหน้าพรรคลิเบอรัลเดโมแครต ต้องเสียที่นั่งในเขตเลือกตั้งของเธอ โดยพ่ายแพ้ให้แก่ผู้สมัครจากพรรคเอสเอ็นพีไปเพียง 149 คะแนน พรรคต้นสังกัดของเธอประกาศยกเลิกเบร็กซิท หากนางโจได้เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมจับมือกับพรรคกรีนและพรรคไพลด์คัมรีเพื่อให้มีเสียงในสภาเพียงพอ เธอกล่าวหลังทราบผลการเลือกตั้งว่า "บางคนอาจกำลังเฉลิมฉลองให้กับคลื่นของชาตินิยมกำลังพัดทุกฝั่งพรมแดน" แต่ผลที่ออกมานำมาสู่ความ "น่าสะพรึงและน่ากังวล"
  • นายไนเจล ดอดจ์ รองหัวหน้าพรรคเดโมแครติกยูเนียนนิสต์ ต้องเสียที่นั่งในเขตเลือกตั้งของเขาที่เมืองเบลฟัสต์ไอร์แลนด์เหนือ ในรอบ 18 ปี หลังพ่ายแพ้คู่แข่งขันจากพรรคซินเฟนไป 1,943 คะแนน นี่แสดงให้เห็นพื้นที่ดังกล่าวว่า "ไม่เอาเบร็กซิท"
Presentational grey line
Pound coins

ที่มาของภาพ, Getty Images

ผลเลือกตั้งจะส่งผลอย่างไรต่อค่าเงินปอนด์

นักวิเคราะห์ต่างคาดคะเนถึงรูปการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังมีการประกาศผลการเลือกตั้งครั้งนี้

คอนเซอร์เวทีฟครองเสียงข้างมาก

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า หากผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนี้ จะทำให้เงินปอนด์แข็งค่าขึ้น อันที่จริงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินตราต่างประเทศสกุลสำคัญอื่น ๆ หลังจากผลสำรวจความคิดเห็นบ่งชี้ว่าพรรคคอนเซอร์เวทีฟมีคะแนนนำโด่ง โดยหากเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะเห็นได้ว่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นกว่า 2% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นายจอร์แดน โรเชสเตอร์ นักยุทธศาสตร์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากกลุ่มสถาบันการเงินของญี่ปุ่น โนมูระ ในลอนดอน เตือนว่า หากพรรคคอนเซอร์เวทีฟครองเสียงข้างมาก แล้วนำประเทศออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) โดยไร้ข้อตกลงในปลายปี 2020 ก็อาจทำให้ค่าเงินปอนด์ดิ่งลงอย่างฮวบฮาบ เขาเชื่อว่าเงินปอนด์อาจตกลงไปอยู่ที่ระดับ 1 ปอนด์ต่อ 1.18 ดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อเทียบกับเงินยูโรก็อาจอ่อนค่าทะลุระดับเดียวกัน คือ 1 ปอนด์ ต่อ 95-98 เซนต์