โคโรนา: ผู้ที่เดินทางจากญี่ปุ่น-สิงคโปร์ต้องเข้าระบบเฝ้าระวังเทียบเท่าจากจีน

ผู้หญิงญี่ปุ่น

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, จำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 ในญีปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นกว่า 400 คนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารเรือสำราญไดมอนด์ ปรินเซส

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงพบผู้ติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 35 ราย พร้อมทั้งประกาศยกระดับการคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ หลังจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบ่งชี้ว่าทั้งสองประเทศกำลังเข้าสู่การระบาดในวงกว้าง

ข้อมูล ณ เวลา 10.30 น. วันนี้ (17 ก.พ.) ผู้ติดโรคโควิด-19 ทั่วโลกมีจำนวน 71,331 คน มีผู้เสียชีวิต 1,775 คน ประเทศญี่ปุ่น มีผู้ติดเชื้อ 414 คน (รวมผู้ที่ติดเชื้อบนเรือสำราญ) และผู้เสียชีวิต 1 คน ส่วนสิงค์โปร์มีผู้ติดเชื้อ 75 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ประจำวันนี้ว่า แพทย์พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1 ราย ทำให้ขณะนี้ไทยมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมในประเทศ 35 ราย และจากการที่ญี่ปุ่นและสิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก สธ. จึงขยายมาตรการคัดกรองทางการแพทย์คุมเข้มผู้เดินทางจากทั้ง 2 ประเทศนี้เทียบเท่ากับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาด

"ตอนนี้ญี่ปุ่นและสิงคโปร์มีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าเรา โดยในญี่ปุ่นพบผู้ป่วยที่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับคนจีนหรือเปล่า ซึ่งแสดงว่าญี่ปุ่นเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการระบาด" นพ.สุขุมระบุ

สิงคโปร์

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 เป็นวงกว้างซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และญี่ปุ่น

"การดูแลของเราก็คือคนที่เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่นหรือสิงคโปร์ ถ้าในช่วง 14 วันหรือ 2 อาทิตย์หลังจากกลับมามีอาการไข้หรืออาการทางเดินหายใจก็ต้องมีการปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มาจากประเทศจีน" นพ.สุขุมกล่าวพร้อมกับย้ำว่า มาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์ในระดับเดียวกับผู้ที่เดินทางจากจีน จะเริ่มต้นที่สนามบินนับตั้งแต่วันนี้ (17 ก.พ.)

นพ.สุขุมยังได้แนะนำประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดเป็นวงกว้างอย่างสิงคโปร์และญี่ปุ่น

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีควบคุมโรคอธิบายกับบีบีซีไทยเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศหรือพื้นที่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากในขณะนี้นอกจากจีน ได้แก่ ฮ่องกง สิงคโปร์และญี่ปุ่น จะได้รับคำแนะนำตั้งแต่อยู่บนเครื่องบินว่าขณะนี้มีการแพร่ระบาดในพื้นที่และจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

"เมื่อถึงสนามบินก็จะต้องผ่านเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ถ้ามีไข้ก็จะต้องตรวจว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือเปล่า ถ้าไม่มีไข้ ผ่านด่านเข้ามาได้ เราก็จะแนะนำว่า ถ้ามีอาการไข้ให้พบแพทย์ที่ไหน พร้อมกับแจกเอกสารให้คำแนะนำการปฏิบัติตัว" นพ.ธนรักษ์กล่าว

"นอกจากนี้ เรายังแจ้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งโรงพยาบาลทุกแห่งว่าถ้ามีผู้ป่วยด้วยอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจลำบากและมีประวัติเดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้ก็ให้คิดถึงโควิด-19 ไว้ด้วย"

มาตรการนี้บังคับใช้ทั้งกับชาวต่างชาติและคนไทยที่เดินทางกลับจากสิงคโปร์และญี่ปุ่น

คืบหน้าผู้โดยสารเรือสำราญเวสเตอร์ดัม

สำหรับกรณีผู้โดยสารเรือสำราญเวสเตอร์ดัมที่จอดเทียบท่าในกัมพูชาและมีผู้โดยสารส่วนเหนึ่งเดินทางเข้ามายังไทย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า ผู้โดยสารที่เป็นคนไทยทุกคนจะถูกกักกันโรคเป็นเวลา 14 วันไม่ว่าจะมีไข้หรือไม่ก็ตาม เพราะก่อนหน้านี้มาเลเซียพบผู้โดยสารจากเรือลำนี้ติดเชื้อโรคโควิด-19

ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาต่อเครื่องหรือเปลี่ยนเครื่องในประเทศไทยนั้น ทาง สธ.ประสานงานกับทางสายการบินให้มีการตรวจขั้นตอนแรกตั้งแต่ก่อนเดินทางมาจากกัมพูชา ก่อนที่จะเข้าสู่การตรวจที่สนามบินในไทย โดย "ไม่สนับสนุนให้เดินทางเข้าประเทศไทย" แต่ในกรณีจำเป็นต้องเดินทางเข้าไทยแล้วตรวจพบว่ามีอาการไข้ ก็จะนำเข้าสู่ระบบการรักษา หากไม่พบก็ยังคงต้องถูกกักในพื้นที่ที่จัดให้เป็นเวลา 14 วัน

"ในเชิงนโยบายไม่สนับสนุนหรือไม่อนุญาตให้คนกลุ่มนี้มาต่อหรือเปลี่ยนเครื่องในไทย" นพ.สุวรรณชัยกล่าว

เรือสำราญ

ที่มาของภาพ, EPA

คำบรรยายภาพ, การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บนเรือสำราญที่เทียบท่าในญี่ปุ่นทำให้เกิดกระแสไม่เห็นด้วยที่เรือสำราญเวสเตอร์ดัมจะมาจอดเทียบท่าและส่งผู้โดยสารขึ้นบกทีไทย