สรยุทธ สุทัศนะจินดา : ศาลฎีกาสั่งจำคุก สรยุทธ 6 ปี 24 เดือน คดี บ.ไร่ส้ม

นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง

ที่มาของภาพ, Urdee Images

คำบรรยายภาพ, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตนักเล่าข่าวชื่อดัง เป็นเวลา 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญาฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลาในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

คดีดังกล่าวอัยการสูงสุดยื่นฟ้อง นางพิชชาภา เอื่ยมสะอาด อดีตพนักงาน บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ที่จัดทำคิวโฆษณา บ.ไร่ส้ม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 บ.ไร่ส้ม จำกัดเป็นจำเลยที่ 2 ในขณะที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บ.ไร่ส้ม จำกัด และผู้ดำเนินรายการเล่าข่าวชื่อดัง เป็นจำเลยที่ 3 และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงาน บ.ไร่ส้ม จำกัด เป็นจำเลยที่ 4

ในวันนี้ (21 ม.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาฎีกาในคดีดังกล่าว โดยนายสรยุทธ เดินทางถึงศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทักทายสื่อมวลชนแต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์ ในขณะที่จำเลยอีก 2 คนก็เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยเช่นกัน โดยมีบรรดาเพื่อน ๆ ผู้ประกาศข่าวช่อง 3 เดินทางมาให้กำลังใจด้วย

สรยุทธ สุทัศนะจินดา

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ, นายสรยุทธเดินทางมาถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี เมื่อเวลา 9.00 น. ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทักทายสื่อมวลชนแต่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์

ทั้งนี้ศาลฎีกามีคำพิพากว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิดจริงตามฟ้อง แต่ลดโทษให้จำเลยทั้ง 4 ดังนี้

จำเลยที่ 1 นางพิชชาภา ได้รับการลดโทษลงเหลือ 12 ปี จากเดิม 20 ปี เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วว่า มีความผิดเฉพาะการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น

จำเลยที่ 2 บ. ไร่ส้ม จำกัด ลดโทษปรับลงเหลือ 72,000 บาท จากเดิม 80,000 บาท

จำเลยที่ 3 นายสรยุทธ ลดโทษจาก 13 ปี 4 เดือนลงเหลือ 6 ปี และ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ในฐานความผิดให้การสนับสนุนให้จำเลยที่ 1 กระทำความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

จำเลยที่ 4 นางมณฑา ลดโทษจาก 13 ปี 4 เดือนลงเหลือ 6 ปี และ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

หลังจากนี้ จำเลยที่ 1, 3 และ 4 จะถูกส่งตัวไปเรือนจำตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

อดีตเพื่อนร่วมงานระบุ "สรยุทธไม่เคยหนี"

บรรยากาศภายหลังการอ่านคำพิพากษา น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ซึ่งเคยเป็นพิธีกรเล่าข่าวร่วมกับนายสรยุทธก่อนที่เขาจะขอยุติบทบาทไป ซึ่งได้เดินทางมาให้กำลังใจนายสรยุทธ์กล่าวว่า "พี่ยุทธ์" ได้ทำตามสิ่งที่เคยพูดไว้ว่าจะไม่หลบหนี

น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ อดีตพิธีกรเล่าข่าวร่วมกับนายสรยุทธ

ที่มาของภาพ, Urdee Images

คำบรรยายภาพ, น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ อดีตพิธีกรเล่าข่าวร่วมกับนายสรยุทธ

"ประโยคที่พวกเราได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ น้องรู้ไหม บางทีพี่ไม่อยากจะเปิดทีวีเลย เพราะพี่ไม่อยากเห็นรายการที่ตัวเองเคยทำ แต่พี่ยุทธ์ก็พูดกับไบร์ทไว้ว่า ในเมื่อเราต่อสู้เต็มที่แล้ว ศาลตัดสินแล้ว เราก็ต้องอยู่ในกฎกติกา ​และพี่ยุทธ์ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่เคยคิดจะหนี เพราะฉะนั้นวันนี้พี่ยุทธ์แกก็แสดงให้เห็นว่าแกก็ทำอย่างที่แกเคยพูดเอาไว้" เธอกล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบริเวณหน้าศาลฎีกาทั้งน้ำตา

ในขณะที่ นายสรยุทธได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวอธิบายความรู้สึกตลอด 4 ปีที่ผ่านมาในระหว่างการต่อสู้คดีเพื่ออธิบายความในใจ

ข้าม Instagram โพสต์
ยินยอมรับเนื้อหาจาก Instagram

บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Instagram เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Instagram และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Instagram ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก "ยินยอมและไปต่อ"

คำเตือน:เนื้อหาภายนอกอาจมีโฆษณา

สิ้นสุด Instagram โพสต์

ย้อนคดี บ.ไร่ส้ม ยักยอกเงินค่าโฆษณา อสมท.

เรื่องนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร

ย้อนกลับไปเมื่อระหว่างปี 2549 นายสรยุทธพิธีกรรายการข่าวกลับกลายเป็นข่าวใหญ่เสียเอง เมื่อสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ. อสมท. ได้ตรวจพบว่า บ. ไร่ส้ม ซึ่งร่วมผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ซึ่งออกอากาศทางสถานทีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. ระหว่างวันที่ 1 ก.พ. 2548 - 15 ก.ค. 2549 ได้ค้างรายได้จากค่าโฆษณาเกินเวลา คิดเป็นเงินเกือบ 138 ล้านบาท

เมื่อมีการสืบสาวราวเรื่องแล้ว นางพิชชาภา หรือ ชนาภา เอี่ยมสะอาดเจ้าหน้าที่ธุรการระดับ 5 สำนักกลยุทธ์การตลาดของ อสมท. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำคิวโฆษณาในขณะนั้น ได้สารภาพต่อผู้บริหาร อสมท. ในขณะนั้นว่า ไม่ได้รายงานการโฆษณาเกินเวลาเพื่อเรียกเก็บค่าโฆษณาจาก บ. ไร่ส้ม จำกัด เป็นจำนวน 17 ครั้ง และเธอยังใช้น้ำยาลบคำผิดลบเฉพาะคิวโฆษณาที่เกินเวลาในส่วนของ บ.ไร่ส้ม จำกัด เพื่อปกปิดความผิดตามคำแนะนำของนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงาน บ.ไร่ส้ม จำกัด นอกจากนี้ยังได้เรียกรับเอาเงินกว่า 7 แสนบาทเพื่อตอบแทนที่ไม่รายงานการโฆษณาดังกล่าว

แม้ว่าในที่สุด บ.ไร่ส้ม จำกัด จะยอมชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินคืนให้ อสมท. เป็นเงิน 152 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าโฆษณาส่วนเกิน 138 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นดอกเบี้ยที่คิดในอัตรา 7.5% ต่อปี แต่ว่า อสมท. ก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบสองชุดและพบว่าเป็นการกระทำผิด

ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด อัยการสูงสุดส่งฟ้องคดี

ในขณะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ไต่สวนกรณีดังกล่าวและมีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2555 ว่านางพิชชาภา มีความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ส่วนนายสรยุทธ ในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการ บ.ไร่ส้ม จำกัด และ น.ส.มณฑา เจ้าหน้าที่ บ.ไร่ส้ม จำกัด มีมูลความผิดทางอาญา ฐานร่วมกันสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด

กระบวนการไต่สวนหลังจากนั้นยืดเยื้อมาหลายปี แต่ในที่สุด ที่ประชุม ป.ป.ช. ได้มีมติเห็นควรว่าจะให้อัยการสูงสุดฟ้องคดี และในเดือน ม.ค. 2558 อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง นางพิชชาภา นายสรยุทธและเจ้าหน้าที่ของ บ. ไร่ส้ม จำกัด

ฐานความผิดมีอะไรบ้าง

คำฟ้องของอัยการระบุว่าจำเลยทั้ง 4 ประกอบด้วยนางพิชชาภา นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และ บ. ไร่ส้ม จำกัด มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่า ด้วยความผิดพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และ มาตรา 91

  • ความผิดตาม มาตรา 6 ฐานพนักงานเรียกรับสินบน ระวางโทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท
  • ความผิดตาม มาตรา 8 ฐานเป็นพนักงานใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต โทษจำคุก 5-20 ปี หรือตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท
  • ความผิดตาม มาตรา11 ฐานพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จำคุก 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เนื่องจาก นายสรยุทธ และ น.ส. มณฑา และ บ. ไร่ส้ม จำกัด ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามกฎหมายจะต้องรับโทษในอัตรา 2 ใน 3 ของอัตราโทษที่กำหนด ในฐานที่ร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ให้กระทำความผิด

ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก

เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 2559 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยสั่งจำคุกนางพิชชาภา เป็นเวลา 30 ปี ในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ และสั่งจำคุกนายสรยุทธและน.ส. มณฑา คนละ 20 ปี และสั่งปรับ บ.ไร่ส้ม จำกัด เป็นเงิน 120,000 บาท

สรยุทธ สุทัศนะจินดา

ที่มาของภาพ, Urdee Images

แต่ทางนำสืบเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ศาลจึงลดโทษให้จำเลยทั้ง 4 คนละ 1 ใน 3

โดยปรับ บ. ไร่ส้ม จำกัด เป็นจำนวน 80,000 บาท นางพิชชาภา จำคุกเป็นเวลา 20 ปี ส่วนนายสรยุทธ และน.ส.มณฑา จำคุกคนละ 13 ปี 4 เดือน

ยืนตามศาลชั้นต้น

ต่อมาในวันที 29 ส.ค. 2560 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์" ที่ยืนตามศาลชั้นต้นตัดสินจำคุกนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา จำคุกเป็นระยะเวลา 13 ปี 4 เดือน ส่วน นางพิชชาภารับโทษจำคุก 20 ปี และยังคงคำสั่งปรับ บ. ไร่ส้ม จำกัด เป็นเงิน 80,000 บาท

นอนคุก 15 วันก่อนถูกปล่อยตัวสู้คดีชั้นฎีกา

ต่อมาในวันที่ 12 ก.ย. 2560 นายสรยุทธ ได้รับการปล่อยตัว ภายหลังจากถูกจำคุกเป็นเวลา 15 วัน หลังจากทีมทนายได้ยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นจำนวน 5 ล้านบาท พร้อมกับจำเลยคนอื่น ๆ โดยศาลตั้งเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่ศาลอนุญาตและต้องรายงานตัวทุก ๆ 3 เดือน