ไวรัสโคโรนา : ก๊าซพิษในหลายชาติยุโรปลด หลังปิดประเทศสู้โควิด-19
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นชัดเจนว่า คุณภาพอากาศที่ดีขึ้นในแถบยุโรปเป็นผลพวงมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
แผนที่ประกอบบทความนี้แสดงความเปลี่ยนแปลงของไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO2) ซึ่งเป็นก๊าซพิษที่เกิดจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล บริเวณที่เป็นสีแดงอ่อนหมายถึงมี NO2 ในระดับต่ำ ยิ่งสีแดงอ่อนมาก ก็แสดงว่ามี NO2 ต่ำมาก
มาตรการปิดสถานที่สำคัญ และให้ประชาชนอยู่ภายในบ้าน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวจนส่งผลให้ปริมาณการปล่อย NO2 น้อยลงตามไปด้วย
สถาบันพยากรณ์อากาศแห่งเนเธอร์แลนด์ (KNMI) เป็นผู้จัดทำภาพแผนที่ดังกล่าว โดยใช้ข้อมูลจาก เครื่องมือวัดเชิงแสงบนยานดาวเทียม โคเปอร์นิคัส เซนติเนล 5-พี (Copernicus Sentinel-5P) ที่คอยตรวจสอบก๊าซชนิดต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศโลก เช่น NO2 ซึ่งเป็นหนึ่งในสารมลพิษทางอากาศที่นำมาใช้วัดดัชนีคุณภาพอากาศ (Air Quality Index : AQI)
เมื่อลองนำปริมาณก๊าซในช่วงวันที่ 14-25 มี.ค. 2020 มาเปรียบเทียบกับกับค่าเฉลี่ยเมื่อมี.ค. 2019 ก็พบความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดระหว่างก่อนและหลังวิกฤตไวรัสโคโรนา เช่น กรุงปารีส ฝรั่งเศส ที่เคยมี NO2 ระดับสีแดงเข้มก็ลดลงจนเหลือเพียงสีส้มอ่อน
มิลาน ทางตอนเหนือของอิตาลีที่มียอดผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ก็ปล่อยก๊าซพิษชนิดนี้น้อยลงเช่นกัน
"สำหรับประเทศจีน ผมมองว่าเรามีข้อประจักษ์ที่ชัดเจนมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีเวลานานให้เราเก็บข้อมูล ตอนนี้ก็เริ่มมีสัญญาณชี้ว่ามลพิษทางอากาศเริ่มกลับมาแล้วเพราะชาวจีนเริ่มกลับมาทำงานตามปกติเช่นเดิม เราจะคอยติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่า NO2 จะกลับมาเข้มข้นเหมือนช่วงก่อนไวรัสระบาดหรือเปล่า" เฮนก์ เอสเคส จาก KNMI กล่าว
กรุงมาดริดและเมืองบาเซโลนา ประเทศสเปน ก็มีปริมาณก๊าซ NO2 ลดลง
ทั้งนี้ สถิติจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า แต่ละปี มลพิษทางอากาศทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 7 ล้านคน นอกจากนี้ 91% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในเขตที่คุณภาพอากาศเลวร้ายกว่าเกณฑ์ปลอดภัย และ 9 ใน 10 ของประชากรโลกหายใจเอาอากาศที่เป็นมลพิษเข้าไปในร่างกาย