สั่งจำคุก 5 ปี ยิ่งลักษณ์ ไม่รอลงอาญา คดีจำนำข้าว
หลังจากใช้เวลาในการอ่านคำพิพากษาหลายชั่วโมง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาลับหลังในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว เมื่อเวลาประมาณ 15.05 น. มีคำพิพากษาจำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รอลงอาญา
ศาลฎีกาฯ ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลต่อไป
ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาในวันนี้หรือไม่ หลังมติที่ออกมาเป็นเอกฉันท์ โดยระบุว่าขอศึกษาคำวินิจฉัยฉบับเต็มก่อน
สำหรับพฤติการณ์ที่นำมาสู่คำพิพากษา เป็นผลสืบเนื่องจากโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำวินิจฉัยว่า เป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแอบอ้างสัญญาจีทูจี เพื่อนำข้าวมาเวียนขายแก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต ที่ผ่านมามีข้อมูล ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน การตั้งกระทู้ถามในสภา และข่าวจากสื่อมวลชน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กลับไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหาย นำมาสู่คำพิพากษาในวันนี้
การกระทำของจำเลยเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี
ลำดับเหตุการณ์ก่อนการอ่านคำตัดสิน
เวลา 11.00 น. ศาลฎีกาฯ เริ่มอ่านคำตัดสินคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ คดีดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
เวลา 09.53 น. เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาฯ แจ้งว่า นายชีพ จุลมนต์ ว่าที่ประธานศาลฎีกาคนใหม่ ในฐานะตุลาการเจ้าของสำนวน เป็นประธานประชุมองค์คณะ 9 คน เพื่อจัดทำคำพิพากษากลางตั้งแต่เวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา ขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
นอกจากนี้ยังแจ้งความคืบหน้าคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ตามที่ได้ออกหมายจับ น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร จำเลยที่ 21 ที่ไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 ส.ค. จนศาลออกหมายจับ
เมื่อครบ 1 เดือน จำเลยไม่มาศาล องค์คณะจึงไม่ขึ้นนั่งบัลลังก์ โดยถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษาแล้ว โดยให้จำคุก 4 ปี "และออกหมายจับบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป"
สำหรับ น.ส.ธันยพร เป็นกรรมการบริษัท สิราลัย จำกัด และบุตรสาวของอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ "เสี่ยเปี๋ยง" ซึ่งเป็นจำเลยร่วมคดีนี้ และถูกพิพากษาจำคุก 48 ปี
การนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ เป็นการเลื่อนจากเมื่อวันที่ 25 ส.ค. เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เดินทางไปศาลตามนัดอ้างว่าป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน จนถูกออกหมายจับ และปรับนายประกันเต็มสัญญา 30 ล้านบาท
เวลา 8.45 น. ทีมทนายความของอดีตนายกฯ ประกอบด้วย นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนายสมหมาย กู้ทรัพย์ ได้เดินทางมาถึงศาลฎีกาฯ โดยนายนรวิชญ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ และส่วนตัวยังไม่ทราบว่า เรื่องที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทราบแหล่งที่อยู่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว ส่วน น.ส. ยิ่งลักษณ์จะมาแถลงจุดยืนภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วนั้น ก็ยังไม่สามารถระบุได้
อย่างไรก็ตามมีมวลชนฝ่ายสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ประมาณ 300 คนได้เดินทางมารอลุ้นคำพิพากษา โดยผู้สนับสนุนหญิงรายหนึ่ง บอกว่า "ต้องการมาให้กำลังใจอดีตนายกฯ ที่ฉันรัก แม้รู้ว่าจะไม่ได้เจอตัว" ขณะที่บางคนบอกว่าเดินทางมาศาลเพราะ "รักความยุติธรรม ถ้ามีความยุติธรรมก็ไม่มา เพราะแก่แล้ว"
นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากสถานทูตสหรัฐฯ แคนาดา สวีเดน และออสเตรเลีย เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาคดี
คุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัย
ขณะเดียวกันมีตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 (บก.น. 2) จำนวน 2 กองร้อย กระจายกำลังอารักขาความปลอดภัยบริเวณรอบทั้งสถานที่ บุคคล รวมถึงคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในลักษณะเดียวกับวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งคราวนั้นหน่วยข่าวประเมินว่ามีประชาชนมาบริเวณศาล2,000-3,000 คน
พ.ต.ท.ธีระ เชื้อสุวรรณ รอง ผู้กำกับปราบปราม สน.ทุ่งสองห้อง ชี้แจงแผนปฏิบัติการให้นายตำรวจทั้ง 2 กองร้อย พร้อมคาดการณ์ว่าการตัดสินคดีน่าจะเสร็จสิ้นในเวลา 14.00 น.
คดีนี้อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติมาตรา 123/1 มีอัตราโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยศาลฎีกาฯ รับฟ้องเป็นคดีที่ อม.22/2558 เมื่อวันที่19 มี.ค. 2558 และเริ่มไต่สวนพยานโจทก์และจำเลย ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2559 จนเสร็จสิ้นรวม 26 นัด 45 ปาก
ประวิตร ปัดตอบว่า ยิ่งลักษณ์ อยู่ไหน
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงการดูแลความเรียบร้อยภาพรวมสถานการณ์หลังศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลยว่า ไม่ห่วงเรื่องใดเป็นพิเศษ ขอให้เชื่อมั่นว่าฝ่ายความมั่นคงสามารถดูแลสถานการณ์ได้
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าหลบหนีไปอยู่ประเทศใดนั้น รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "ขอให้ไปถามนายกรัฐมนตรี โดยตนเลิกพูดเรื่องนี้อีก เพราะนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์ไปแล้ว"