คดีเกาะเต่า : 2 นักโทษประหารชาวเมียนมา ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ

จำเลยชาวเมียนมา

ที่มาของภาพ, Getty Images

นายซอ ลินและนายวิน ซอ ตุน หรือเวพิว ชาวเมียนมา 2 คนที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2562 ในความผิดฐานฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เหตุเกิดเมื่อปี 2557 ได้ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายผ่านหัวหน้าทัณฑปฏิบัติเรือนจำบางขวางแล้ว

นางณัฐาศิริ เบิร์กแมน หนึ่งในทีมทนายฝ่ายจำเลยในคดีนี้เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า วันนี้ (24 ต.ค) เธอในฐานะสภาทนายความและตัวแทนสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทนจากสถานทูตเมียนมาและมารดาของจำเลยทั้ง 2 คนได้เดินทางมายื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายโดยยื่นผ่านหัวหน้าทัณฑปฏิบัติเรือนจำบางขวางเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลา 60 วัน ภายหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิตจำเลยทั้ง 2 คน

โดยเนื้อหาในฎีการะบุว่า ผู้ยื่นและจำเลยได้น้อมรับคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แต่มีความประสงค์จะขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยเปลี่ยนโทษประหารชีวิตเป็นจำคุกแทน

นางณัฐาศิริระบุว่า ทางการเมียนมามีความกังวลต่อกรณีนี้เนื่องจากนับตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมายังไม่เคยมีการประหารชีวิตในเมียนมา

วันพิพากษา

วันที่ 29 ส.ค. 2562 ศาลจังหวัดนนทบุรีนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีฆาตกรรมนายเดวิด มิลเลอร์ และ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีผู้พบศพบริเวณหาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2557

จำเลยทั้ง 2 คน คือ นายซอ ลินและนายวิน ซอ ตุน หรือเวพิว ถูกนำตัวจากเรือนจำกลางบางขวางมาฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยสำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดล่ามแปลคำพิพากษาเป็นภาษาพม่าให้จำเลยฟังผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์

เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพของมิลเลอร์และวิทเธอริดจ์ออกจากจุดเกิดเหตุบริเวณหาดทรายรีเมื่อ 15 ก.ย. 2557

ที่มาของภาพ, STR/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพของมิลเลอร์และวิทเธอริดจ์ออกจากจุดเกิดเหตุบริเวณหาดทรายรีเมื่อ 15 ก.ย. 2557

คดีนี้พนักงานอัยการจังหวัดเกาะสมุยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายซอ ลินและนายวิน ซอ ตุน ในข้อหาความผิดต่อชีวิต ข่มขืนกระทำชำเรา ลักทรัพย์และความผิดต่อพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อ 24 ธ.ค. 2558 ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิด ให้ประหารชีวิตสถานเดียว จำเลยอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 1 มี.ค. 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น คือ ให้ประหารชีวิต

ทั้งนี้ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิตโดยให้เหตุผลว่าการสืบสวนของตำรวจมีเหตุผลน่าเชื่อถือและมีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน ไม่มีข้อบ่งชี้ใดว่าตำรวจกลั่นแกล้งปรักปรำจำเลย และศาลไม่เชื่อว่าจำเลยถูกตำรวจทำร้ายให้รับสารภาพ เพราะการตรวจร่างกายภายหลังการสอบสวนไม่ปรากฏร่องรอยการทำร้าย

ในการทำคดีนี้ ตำรวจไทยถูกวิจารณ์จากผู้สังเกตการณ์คดีทั้งจากในและนอกประเทศถึงความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสการสืบสวนสอบสวนที่นำมาสู่การจับกุมและฟ้องร้องชาวเมียนมาทั้ง 2 คน ซึ่งอ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายเพื่อให้รับสารภาพ

คำพิพากษา

หลังการอ่านคำพิพากษา สำนักงานศาลยุติธรรมได้เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็มให้สื่อมวลชนความยาว 69 หน้า บีบีซีไทยหยิบยกบางช่วงของคำพิพากษามานำเสนอ ดังนี้

  • วันที่ 15 ก.ย. 2557 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งสองโดยมีเจตนาฆ่านายเดวิด มิลเลอร์ ได้ร่วมกันใช้จอบ 1 ด้าม เป็นอาวุธตีและฟันทำอันตรายต่อชีวิตนายเดวิดหลายครั้ง ถูกบริเวณศีรษะและใบหน้า เป็นเหตุให้นายเดวิดถึงแก่ความตาย และจำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรานางสาวฮานนาห์ วิทเธอริดจ์ โดยร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย จับ กอดรัดลำตัว ใช้มือชกต่อยใบหน้าและร่างกาย และใช้จอบเป็นอาวุธตีทำร้าย น.ส.ฮานนาห์ ถูกบริเวณร่างกาย เป็นเหตุให้ น.ส.ฮานนาห์สลบไปไม่รู้สึกตัวและอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แล้วร่วมกันฆ่า น.ส.ฮานนาห์ถึงแก่ความตาย
  • แนวทางการสืบสวนของตำรวจสอดคล้องเกี่ยวเนื่องกันเป็นลำดับ มีเหตุผลน่าเชื่อถือและมีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์สนับสนุน ทั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์หรือข้อเท็จจริงใดที่บ่งชี้หรือส่อแสดงว่าตำรวจกลั่นแกล้งปรักปรำโดยปั้นแต่งพยานหลักฐานขึ้นเพื่อใส่ร้ายเอาผิดกับจำเลยทั้งสอง หรือใช้กำลังข่มขู่ บังคับให้จำเลยทั้งสองรับสารภาพตามที่จำเลยทั้งสองฎีกา
  • คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอันส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศและอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนและประชาชนทั้งในประเทศและต่างประเทศจึงเป็นเหตุให้ตำรวจต้องเร่งคลี่คลายคดีโดยติดตามเอาผู้กระทำผิดที่แท้จริงมาลงโทษโดยเร็วที่สุดเพื่อเรียกความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ให้กลับคืนมา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวก็ปรากฏว่าตำรวจได้รวบรวมสรรพกำลังจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการสืบสวนโดยแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะทราบรายละเอียดแห่งความผิดและหาตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็วและเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด
หาดทรายและโขดหินบริเวณโอเชียนวิว บังกาโล ซึ่งเป็นจุดที่พบศพเดวิด มิลเลอร์ และ ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์

ที่มาของภาพ, STR/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, หาดทรายและโขดหินบริเวณโอเชียนวิว บังกาโล ซึ่งเป็นจุดที่พบศพเดวิด มิลเลอร์ และ ฮานนาห์ วิทเธอริดจ์
  • ในการสืบสวนหาตัวคนร้ายนั้น ตำรวจได้แสวงหาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานโดยทำการตรวจเก็บสารพันธุกรรมจากชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากเพื่อตรวจพิสูจน์และเปรียบเทียบสารพันธุกรรมของผู้ต้องสงสัยไปทีละราย รายใดไม่ปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงถึงก็ตัดประเด็นข้อสงสัยออกไป ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวต้องใช้บุคลากรและเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หากมีการสร้างพยานหลักฐานเท็จแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรจำนวนมาก ซึ่งต้องเสียเวลาสืบหาตัวผู้กระทำผิดและต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากเช่นกัน
  • ที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่าถูกล่ามแปลภาษาและตำรวจข่มขู่ ใช้กำลังทำร้ายและบังคับให้รับสารภาพนั้น ศาลเห็นว่าล่ามที่มาปฏิบัติหน้าที่ล้วนเป็นชาวพม่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ไม่มีเหตุผลจะต้องข่มขู่ทำร้ายจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคนชาติเดียวกัน ทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของล่ามก็อยู่ในความดูแลของตำรวจโดยตลอด และในการนำตัวจำเลยทั้งสองไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ย่อมมีสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ รวมทั้งชาวพม่าเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย หากมีการข่มขู่บังคับจำเลยทั้งสองจริง ก็ต้องมีพยานรู้เห็น

ลำดับเหตุการณ์คดีฆาตกรรม "มิลเลอร์-วิทเธอริดจ์"

15 ก.ย.2557

  • ตำรวจได้รับแจ้งพบศพนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คนบริเวณหาดทรายรี ตรวจสอบพบว่าผู้ตายเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษชื่อ นายเดวิด มิลเลอร์ อายุ 24 ปี และ น.ส.ฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ อายุ 23 ปี สภาพศพนายเดวิดถูกทุบด้วยของแข็งที่ท้ายทอย ส่วน น.ส.ฮันนาห์ถูกตีด้วยของแข็งที่ใบหน้าและอยู่ในสภาพเปลือย

2 ต.ค. 2557

  • ตำรวจจับกุมนายวิน ซอ ตุน อายุ 21 ปี และนายซอลิน อายุ 21 ปี แรงงานชาวเมียนมาซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านอาหารบนเกาะเต่า เป็นผู้ต้องหาฆาตกรรมชาวอังกฤษทั้ง 2 คน ตำรวจระบุว่าชาวเมียนมาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ
ฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ และ เดวิด มิลเลอร์

ที่มาของภาพ, PA Media

คำบรรยายภาพ, ฮานนาห์ วิทเธอร์ริดจ์ และ เดวิด มิลเลอร์

1-2 ก.ย. 2558

  • จำเลยให้การต่อศาลว่าถูกทำร้ายร่างกายระหว่างการสอบสวนเพื่อให้รับสารภาพ

24 ธ.ค. 2558

  • ศาลจังหวัดเกาะสมุยตัดสินประหารชีวิตนายซอลินและนายวิน ซอ ตุน แรงงานชาวเมียนมา 2 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายมิลเลอร์และฆาตกรรมและข่มขืน น.ส.วิทเธอริดจ์ หลังจากใช้เวลา 15 เดือนในการรวบรวมพยานหลักฐานและสืบพยาน ศาลยังพิพากษาด้วยว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดข้อหาลักทรัพย์และเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
  • ญาติของจำเลยที่เดินทางจากเมียนมามาฟังคำพิพากษาต่างตกใจและอยู่ในอาการโศกเศร้า ขณะที่ครอบครัวของนายมิลเลอร์ ซึ่งเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยเช่นกัน ออกแถลงการณ์ขอบคุณศาลที่ตัดสินอย่างยุติธรรม
  • หลังศาลมีคำพิพากษา ชาวเมียนมากลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันที่สถานทูตไทยประจำนครย่างกุ้ง เรียกร้องให้รัฐบาลไทยปล่อยตัวชาวเมียนมาทั้ง 2 คน การชุมนุมเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหลายวัน
ชาวเมียนมาและพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งชูป้ายประท้วงคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ให้ประหารชีวิตซอลินและวิน ซอ ตุน เมื่อ 26 ธ.ค. 2558

ที่มาของภาพ, PHYO MG MG/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, ชาวเมียนมาและพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งชูป้ายประท้วงคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ให้ประหารชีวิตซอลินและวิน ซอ ตุน เมื่อ 26 ธ.ค. 2558

23 พ.ค. 2559

  • ทีมทนายจำเลยนำโดยนายนคร ชมพูชาติ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ศาลจังหวัดเกาะสมุย

1 มี.ค. 2560

  • ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 คือนายซอ ลิน และนายวิน ซอ ตุน จำเลยที่ 2
นางเม เต็ง แม่ของนายวิน ซอ ตุน ร้องไห้หลังจากรู้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตลูกชายของเธอ

ที่มาของภาพ, NICOLAS ASFOURI/AFP/Getty Images

คำบรรยายภาพ, นางเม เต็ง แม่ของนายวิน ซอ ตุน ร้องไห้หลังจากรู้ว่าศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตลูกชายของเธอ

21 ส.ค. 2560

  • ทีมทนายจำเลยยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยประเด็นหลักที่อ้างถึงคือ กระบวนการจับกุมและการสืบสวนสอบสวนที่ไม่ชอบ เรื่องจำเลยถูกซ้อมเพื่อให้รับสารภาพ การจัดเก็บดีเอ็นเอที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล

29 ส.ค. 2562

  • ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้ง 2 คน

24.ค. 2562

  • จำเลยทั้ง 2 คน ซึ่งต้องขังอยู่ที่เรือนจำบางขวางยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย