วัคซีนโควิด : ธนาธร เรียกร้องเปิดสัญญาซื้อวัคซีน เชื่อรัฐบาลแจ้งความ ม.112 เพื่อปิดปาก

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกแจ้งความในข้อหา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดสัญญาจัดซื้อวัคซีนจาก บ.แอสตร้าเซนเนก้า เพื่อความโปร่งใส เชื่อการแจ้งความดำเนินคดีเขาในข้อหาตามมาตรา 112 และ พ.ร.บ. การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มีแรงจูงใจทางการเมืองและเป็นไปเพื่อปิดปากผู้ตรวจสอบรัฐบาล

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงรายละเอียด และไม่อยากให้สังคมและสื่อมวลชนให้ความสนใจเรื่องนี้

นายธนาธรกล่าวในการแถลงข่าววันนี้ (21 ม.ค.) ว่า การตั้งคำถามหรือตรวจสอบโครงการที่ใช้ภาษีประชาชน เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยเอกสารและรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนโควิด รวมทั้งสัญญากับ บ.แอสตร้าเซนเนก้าทั้งหมด

การแถลงข่าวของนายธนาธรมีขึ้นหลังจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแจ้งความกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เอาผิดประธานคณะก้าวหน้าฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 112 และการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 โดยกล่าวหานายธนาธรว่าบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ผ่านมา

นายธนาธรยืนยันข้อมูลและข้อสังเกตที่เผยแพร่ในวิดีโอที่เผยแพร่ทางเฟซบุ๊กถึงความล่าช้าในการจัดหาวัคซีนโควิดของรัฐบาลและการที่รัฐบาลสนับสนุนบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว คือ บ.สยามไบโอไซเอนซ์ ในการเป็นผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีน

"หากปิดชื้อผู้ถือหุ้นของสยามไบไอไซเอนซ์ออกไป บริษัทนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวนมหาศาล คือ 600 ล้านบาท เป็นเงินจากภาษีประชาชน ภายหลังมีการเปลี่ยนจำนวนเงินจาก 600 ล้านบาทเป็น 1,400 ล้านบาทจากเอกสาร แล้วประชาชนไม่สมควรจะตรวจสอบหรือครับ ว่าข้อตกลงมีความเหมาะสมหรือไม่ เพราะเงินที่นำไปสนับสนุนมาจากภาษีประชาชน" นายธนาธรตั้งคำถาม

เรียกร้องเปิดรายละเอียดสัญญาจัดหาวัคซีน

ประธานคณะก้าวหน้ายังเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการออกมาชี้แจงและเปิดรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับข้อตกลงและสัญญาอย่างน้อย 3 ฉบับ ซึ่งเขาเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกันและ "เป็นดีลเดียวกัน ที่มีการพูดคุยเจรจาร่วมกัน" ได้แก่

  • บันทึกข้อความตกลงและความร่วมมือในลักษณะการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า (Advance Market Commitment) จำนวน 26 ล้านโดสกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) และบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า สหราชอาณาจักร และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
  • ข้อตกลงระหว่างบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า กับ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์
  • ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกับสยามไบโอไซเอนซ์
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ, ในการแถลงข่าวทีคณะก้าวหน้าวันนี้ (21 ม.ค.) นายธนาธรกล่าวว่ารัฐบาลใช้ข้อกล่าวหามาตรา 112 มาปิดปากผู้ที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณ

ประธานคณะก้าวหน้ายืนยันว่าการตรวจสอบการใช้งบประมาณของรัฐบาลและการเอื้อประโยชน์เอกชนรายใดรายหนึ่งในครั้งนี้ ไม่ต่างจากการตรวจสอบโครงการอื่น ๆ ที่เขาทำมาตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงที่นักการเมืองพรรคก้าวไกลที่ตั้งขึ้นหลังจากพรรคอนาคตใหม่หลังถูกยุบทำมาอย่างต่อเนื่อง

"การตั้งคำถามกับการใช้งบประมาณของรัฐบาล แต่กลับถูกยัดเยียดคดีแบบนี้ เป็นธรรมหรือไม่ ถามว่าต่อไปใครวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็จะโดนการใช้คดีปิดปากอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อีกหรือไม่"

นายธนาธรกล่าวด้วยว่าหากข้อมูลที่รัฐบาลเปิดเผยออกมาไม่ตรงกับเอกสารที่เขามีอยู่ เขาก็พร้อมจะขอโทษ

"ถ้าดูเอกสารต่าง ๆ ชุดนี้แล้ว มันไม่เป็นอย่างที่ผมว่า ผมออกมาขอโทษได้ว่าสมมติฐานผมผิด แต่จากเอกสารที่มีอยู่ เห็นได้ชัดว่าอันดับที่หนึ่ง คือ ทั้งหมดเป็นดีลเดียวกัน อันที่สองคือไม่มีการเปรียบเทียบเอกชนรายอื่น" เขากล่าว

"อนุทิน" วอนสังคมหยุดให้ความสนใจ ย้ำโปร่งใส 100%

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าวกับบีบีซีไทยว่า เขาไม่ได้ติดตามการแถลงข่าวของประธานคณะก้าวหน้า และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงรายละเอียด และไม่อยากให้สังคมและสื่อมวลชนให้ความสนใจเรื่องนี้เพราะเรื่องการจัดหาวัคซีนโควิดเป็นไปตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว

"เรื่องนี้สามารถไปค้นดูจากมติครม. อย่าให้ความสนใจเรื่องนี้เลย ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน โปร่งใส 100%" รมว.สาธารณสุขกล่าว

ส่วนที่นายธนาธรออกมาเรียกร้องให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นายอนุทินบอกว่า "ไม่ใช่หน้าที่ของผม และเขาเป็นใครจะมาเรียกร้อง และนี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะให้มาชี้แจงทำไม เขาไม่ใช่เจ้านาย หรือผู้แทนราษฎร"

ส่วนการตั้งข้อสังเกตจากนายธนาธรว่า การดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมฯ มีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อปิดปากผู้ตรวบสอบรัฐบาลหรือไม่ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บอกกับบีบีซีไทยว่า ไม่ได้ติดตามการแถลงข่าวของนายธนาธรเช่นกันจึงไม่สามารถออกความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวได้