อนาคตใหม่ : ปิยบุตร เปิดเวทีก่อนศาล รธน.วินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง ลั่น "พวกเราไม่ใช่พวกปฏิกษัตริย์นิยม"

ปิยบุตร แสงกนกกุล

ที่มาของภาพ, พรรคอนาคตใหม่

4 วันก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง หรือที่เรียกกันว่า "คดีอิลลูมินาติ" ของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พรรคได้จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า "อย่ากลัวอนาคต" และแถลงปิดคดีนอกศาล ลั่น ธนาธร และพรรค อนค. "ไม่ใช่พวกปฏิกษัตริย์นิยม"

"ผมขอยืนยันว่า ผม นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ พวกเราไม่เคยคิด ไม่คิด และไม่กระทำการอันเป็นการล้มล้างสถาบันกษัตริย์อย่างแน่นอน พวกเรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" คำกล่าวของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อนค. ซึ่งขึ้นปราศรัยต่อจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค.

นายปิยบุตร ยังประกาศต่อเพื่อน ส.ส. สังกัด อนค.อีกว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ ขอเรียกร้องให้เพื่อน ส.ส. ทั้งหมด "ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ที่มีแนวทางแบบอนาคตใหม่โดยพร้อมเพรียงกัน"

เลขาธิการ อนค. ยังเชิญชวนสมาชิกพรรคที่มีอยู่ทั่วประเทศอีกกว่า 60,000 คน ไปสมัครสมาชิกในพรรค "บ้านใหม่" ซึ่งจะดำเนินการตามแนวทางอนาคตใหม่ทั้งหมด

"เราทำได้อย่างเดียวให้อาวุธที่เรียกว่าการยุบพรรคกลายเป็นกระสุนที่ด้านให้ได้"

ปิยบุตร แสงกนกกุล

ที่มาของภาพ, พรรคอนาคตใหม่

ส.ส. และผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ไปรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ช่วงบ่ายวันนี้ (18 ม.ค.) ตามการนัดหมายของพรรคเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็นการนัดหมายเพียง 4 วัน ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในวันอังคารที่ 21 ม.ค. นี้

พรรค อนค. ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้า อนค. ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ อนค. ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 3 และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อนค. ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 4 ถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่ามีการกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ด้านนายธนาธร ซึ่งขึ้นเวทีเป็นคนแรก ได้นำเสนอพิมพ์เขียวประเทศไทย โดยตลอดเวลาเกือบ 1 ชม. บนเวที เขาไม่ได้กล่าวถึงประเด็นคำร้องยุบพรรค อนค. ในข้อหาล้มล้างการปกครองฯ แต่อย่างใด

การขึ้นเวทีของนายธนาธรในวันนี้ เขาได้ประกาศผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่า "อาจเป็นวันสุดท้าย" ที่เขาจะได้ปราศรัยต่อหน้าประชาชนในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง

หัวหน้าพรรค อนค. ได้เสนอพิมพ์เขียวผ่านโมเดลเศรษฐกิจกรีนเทค พิมพ์เขียวพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐผ่านการบริหารงบประมาณแผ่นดินแบบใหม่ และพิมพ์เขียวพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ก่อนส่งไม้ต่อให้นายปิยบุตร โดยกล่าวว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไร้ซึ่ง "พิมพ์เขียวทางการเมือง"

ปิยบุตร ชี้ "เผด็จการ" และ "อุลตร้า-ไฮเปอร์โรยัลลิสต์" คือผู้บ่อนทำลายสถาบัน

นายปิยบุตร กล่าวตอนหนึ่งว่า จากคำร้องคดีขอให้ยุบพรรค อนค. ของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นผู้ยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2562 สิ่งที่นายณฐพร กล่าวอ้างมาทั้งหมดในคำร้อง ไม่มีตรงไหนที่เขาและนายธนาธร "บอกว่าประเทศนี้ต้องเปลี่ยนจากประชาธิปไตยเป็นเผด็จการ ไม่มีตรงไหนที่บอกเลยว่า นายธนาธร และผมต้องการเปลี่ยนจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นระบอบประธานาธิบดี"

อีกทั้งเหตุที่มาอ้างในคำร้อง หลายประเด็น เช่น การนำการบรรยายและบทความวิชาการของตนสมัยเป็นนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์รณรงค์การแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือบทสัมภาษณ์ของนายธนาธร ก่อนเป็นนักการเมือง ล้วนเกิดขึ้นก่อนมีการตั้งพรรคอนาคตใหม่ และไม่เกี่ยวข้องกับพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองการจดจัดตั้งพรรค และผ่านการเลือกตั้งจนได้ 6.3 ล้านเสียงมาแล้ว แบบนี้จะเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้อย่างไร เห็นว่าการยื่นคำร้องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า อนค. ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง และหวาดกลัวกับกระแสพลังใหม่ ดังนั้น จึงต้องการกำจัด อนค.ออกไปให้ได้

"ข้อหาหนึ่งที่ใช้มาตลอด คือ ข้อหาล้มเจ้า เขาต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจผิดว่า ธนาธร และผม เป็นพวกล้มเจ้า.... ที่จริงเขากังวลใจกับการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้พวกเขาสูญเสียอำนาจ"

ธนาธร ปิยบุตร

ที่มาของภาพ, PARIS JITPENTOM/BBC THAI

เลขาธิการ อนค. ชี้ว่า อำนาจเผด็จการต่าง ๆ และ กลุ่มอุลตร้าโรยัลลิสต์ ซึ่งเขายกคำแปลของนายปรีดี พนมยงค์ ว่าคือ "ผู้เกินกว่าราชา" และ "ไฮเปอร์โรยัลลิสต์" ตามคำนิยามของ ศ.ธงชัย วินิจจะกูล ว่าคือ "กษัตริย์นิยมล้นเกิน" ต้องการเหนี่ยวรั้งให้สังคมเป็นแบบเดิมเพื่อรักษาอำนาจ ดังนั้น จึงเป็นอันตรายต่อสถาบันฯ ผ่านการใส่ร้ายป้ายสีให้เป็นศัตรูของรัฐ ปลุกระดมและแบ่งแยกประชาชน เช่นเดียวกับเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519

"ในระยะหลังมักมีการกล่าวหาด้วยการประดิษฐ์คำใหม่ ๆ นั่นคือคำว่า ปฏิกษัตริย์นิยม ยืนยันว่า ธนาธร ผม และพรรคอนาคตใหม่ พวกเราไม่ใช่พวกปฏิกษัตริย์นิยม...พวกเราต้องการปฏิรูปให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พัฒนาก้าวหน้า ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ประชาธิปไตย สามารถปกปักรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ยั่งยืน ให้ดำรงพระเกียรติ ให้มั่นคงสถาพรตลอดไป" นายปิยบุตร กล่าว

ธนาธร แจงไม่ได้ชังชาติ

ในช่วง "ถามแรงตอบตรง" ที่ดำเนินเวทีโดยสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส นายธนาธร ได้ชี้แจ้งข้อกล่าวหา "ชังชาติ" ว่า สิ่งที่ทำเพราะประสงค์ดีต่อชาติ ซึ่งชาติคือประชาชน ส่วนข้อหา "ล้มเจ้า" ที่เข้ามายังตน นายปิยบุตร และพรรค อนค. นั้นเกิดจากกลุ่มคนที่ต้องการเห็นความแตกแยกและความเกลียดชังของสังคม

"ข้อกล่าวหาทุจริตคอร์รัปชั่น มันไม่มีกับพวกเรา เหลืออยู่ข้อเดียวเท่านั้น คือข้อหาล้มเจ้า" นายธนาธร ตอบนายสุทธิชัย หยุ่น และว่า "เผด็จการจะสืบทอดอำนาจได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะมีความชอบธรรมบางอย่างว่าทำไมเขาจะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งประชาธิปไตย"

ต่อคำถามที่ว่า อนค.เคยประกาศว่าจะนำอุดมการณ์ของคณะราษฎร ผู้เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 กลับมา นายปิยบุตร ตอบว่า ความคิดของคณะราษฎรไม่ใช่เรื่องสาธารณรัฐนิยม ส่วนข้อหา "ซ้ายจัดดัดจริต" นั้น เขามองว่า ไม่ว่าจะขวา หรือซ้าย ทุกความคิดต้องอยู่ได้ในสังคมประชาธิปไตย