วิ่งไล่ลุง เดินเชียร์ลุง : เปรียบเทียบกิจกรรม "วิ่ง-เดิน" การเมือง 12 ม.ค.
พ้นจากวันเด็กแห่งชาติเพียง 1 วัน จะมีกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ "ลุง" เมื่อประชาชนฝ่ายสนับสนุนและฝ่ายต่อต้านการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นัดจัดกิจกรรมวิ่งและเดินในวันที่ 12 ม.ค. ภายในสวนสาธารณะ 2 แห่งซึ่งถือเป็น "ปอดของคนเมือง" มีระยะทางห่างกัน 14 กม.
กิจกรรมแรก ใช้ชื่อว่า "วิ่งไล่ลุง" จะเกิดขึ้นที่สวนวชิรเบญจทัศ หรือสวนรถไฟ เขตจตุจักร มีนิสิตนักศึกษาและนักกิจกรรมการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "คณะกรรมการแนวร่วมสมาพันธ์ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุงเพื่อประโยชน์ประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนประเทศไทย" เป็นโต้โผจัดงาน เริ่มเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ 23 พ.ย. 2562 ผ่านแฟนเพจของ ธนวัฒน์ วงค์ไชย หรือบอล นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในคณะผู้จัดงาน "วิ่งไล่ลุง"
"วัตถุประสงค์ในการจัดงานก็เพื่อสุขภาพ และเพื่อต่อต้านตัวถ่วงความเจริญของประเทศ" ธนวัฒน์กล่าวกับบีบีซีไทย
ส่วนอีกกิจกรรม ใช้ชื่อว่า "เดินเชียร์ลุง" จะเกิดขึ้นที่สวนลุมพินี เขตปทุมวัน
ถึงขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยโฉมหน้าแกนนำผู้จัดกิจกรรมต่อสาธารณะ และบรรดาผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ต่างพร้อมใจกันตามหาตัวผู้จัดงานหลัก อย่างไรก็ตามพวกเขานิยามตัวเองไว้ทางแฟนเพจ "เชียร์ลุง" ซึ่งเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารเกี่ยวกับกิจกรรมว่าเป็น "พลังเงียบ ในนามภาคประชาชน 'คนรักลุง' ที่รักชาติ รักสถาบัน จัดกันเอง... งานนี้ไม่เกี่ยวกับ "รัฐบาลลุงตู่" ใด ๆ ทั้งสิ้น" โดยเริ่มเชิญชวนประชาชนให้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมเมื่อ 3 ธ.ค. 2562
บีบีซีไทยได้ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมจากแอดมินเพจ "เชียร์ลุง" และ "เชียร์ลุง2" ได้รับแจ้งว่า "ไม่สะดวก" ให้ข้อมูลวันนี้ จะให้ข้อมูลได้ในวันที่ 8 ม.ค. หรือ 4 วันก่อนถึงวันงาน ทว่าในเพจดังกล่าวได้เน้นย้ำถึงวัตถุประสงค์ในการจัดกิจกรรมเอาไว้ว่าเพื่อ "ให้กำลังใจลุงตู่" และ "ต่อต้านพวกชังชาติ"
บีบีซีไทยได้รวบรวบรายละเอียดของ 2 กิจกรรมเพื่อ "สุขภาพการเมือง" มารวมไว้ ณ ที่นี้
เปรียบเทียบกิจกรรม "วิ่ง-เดิน" การเมือง 12 ม.ค.
ที่มา : บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลพื้นฐานจากเพจหลักของผู้จัดงาน และข้อมูลที่ปรากฏในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์
เมื่อคนหลายพันและนับหมื่นมารวมตัวกันในเวลาเดียวกัน-ในพื้นที่อันจำกัด น่าสนใจว่าทางผู้จัดงานเตรียมแผนรองรับไว้แค่ไหน เกี่ยวกับเรื่องนี้ บอล-ธนวัฒน์ ยอมรับว่า ตัวเขาเองไม่เคยลงแข่งขันวิ่งรายการไหนมาก่อน ไม่เคยจัดงานวิ่ง และไม่คิดว่าขนาดของกิจกรรมจะใหญ่โตขึ้นมาขนาดนี้ โดยมีคนลงทะเบียนร่วมงานกว่า 10,000 คน
"ถ้าเกิดข้อผิดพลาดใดระหว่างงาน ก็ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า เพราะเราไม่เคยจัดมาก่อน เป็นนิสิตนักศึกษาทั้งนั้น ที่เราพยายามแก้ไขก็คือได้ไปหาคนที่เคยจัดงานวิ่งระดับมืออาชีพมาให้คำปรึกษา และพยายามเตรียมการอย่างรอบคอบที่สุด" ธนวัฒน์กล่าว
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ผู้จัดงานตัดสินใจปล่อยตัว "นักวิ่งไล่ลุง" เป็น 2 รอบ โดยรอบแรกเริ่มเวลา 06.30 น. สำหรับนักวิ่งที่ลงแข่งขันจริงจัง 4,000 คน ซึ่งจะได้รับโล่และเหรียญรางวัล ส่วนที่เหลืออีกกว่า 6,000 คน และบุคคลที่มาให้กำลังใจแต่ไม่ได้ลงทะเบียนมา ก็จะวิ่งและเดินได้รอบหลังเวลา 07.15 น.
"เราถามคนที่เคยจัดวิ่งมาก่อน ได้รับคำยืนยันว่าสวนรถไฟเคยรองรับนักวิ่งพร้อมกัน 4,000 คน ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา" ธนวัฒน์กล่าว
เขาบอกด้วยว่า ผู้จัดงานได้เตรียมจุดรับน้ำดื่มเมื่อผ่านระยะทาง 2 กม. (1 คนต่อ 2 แก้ว) และมีอาหารว่างสำหรับผู้ลงทะเบียนแบบเสียเงิน ส่วนคนทั่วไปกำลังพิจารณา "แจกกล้วย" ให้ นอกจากนี้ยังมีทีมแพทย์ อาสาพยาบาล และหน่วยกู้ภัยราว 40 คนมาเตรียมความพร้อมในพื้นที่
ส่วนความกังวลใจต่อการแฝงตัวเข้ามาของเจ้าหน้าที่รัฐในฐานะ "นักวิ่งหัวเกรียน" แกนนำผู้จัดงาน "วิ่งไล่ลุง" ยอมรับว่า คงไปห้ามไม่ได้ แต่จะเปิดจุดให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องการเข้ามาสังเกตการณ์กิจกรรมได้ลงทะเบียนเพื่อแสดงความจริงใจ ขณะเดียวกันจะมีอาสาสมัครราว 100 คนกระจายกำลังดูแลความสงบในพื้นที่ หากพบเห็นเจ้าหน้าที่รัฐมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น ตั้งกล้องถ่ายภาพผู้มาร่วมกิจกรรม ซึ่งถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว ก็จะเชิญออกนอกพื้นที่ไป
ธนวัฒน์บอกด้วยว่า กิจกรรมที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่การ "หยั่งกระแส" การชุมนุมบนท้องถนนให้พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เพราะนอกจาก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เชื่อว่าจะมีนักการเมืองจากหลายพรรคมาร่วมงาน และขอสังคมอย่าตกหลุมพรางฝ่ายอำนาจนิยมที่ว่า นักการเมืองกับประชาชนทำกิจกรรมร่วมกันไม่ได้ "นี่ไม่ใช่การหยั่งกระแสให้พรรคการเมืองไหน แต่เป็นการแสดงพลังจริง ๆ ของประชาชนที่ไม่จำกัดอยู่เฉพาะโลกออนไลน์"
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ถูกนำไปเปรียบเทียบ-วัดพลังกับกิจกรรม "เดินเชียร์ลุง" ที่จัดขึ้นในอีกฟากหนึ่งของเมืองหลวงประเทศไทย บอล-ธนวัฒน์บอกว่า การเห็นต่างทางการเมืองถือเป็นเรื่องปกติของสังคมประชาธิปไตย แต่ขอว่าอย่านำไปสู่ความรุนแรงและสร้างความเกลียดชังแบบประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมากมายในประเทศนี้
ล่าสุดธนวัฒน์ระบุว่า มี 26 จังหวัดที่จะจัดกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ในวันที่ 6 ม.ค.
ขณะเดียวกันยังมีกิจกรรมวิ่งในต่างแดนในวันเดียวกัน อย่างที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี มีการเชิญชวนประชาชนไปร่วมวิ่งจากประตูบรันเดินบวร์ค ส่วนที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีผู้เชิญชวนให้ไปร่วม "วิ่งไล่ห่าน" เพื่อสุขภาพ ที่สวนสาธารณะไฮด์ ปาร์ก โดยผู้ตั้งแคมเปญบอกว่า "เป็นเพียงการมารวมตัววิ่งด้วยกัน.. ไม่มีผู้จัดชัดเจน"