แทมมี่ ดักเวิร์ธ-สุดารัตน์ระบุวัคซีนไฟเซอร์บริจาคจากสหรัฐฯ ล่าช้าเพราะไทยไม่ตอบรับ อนุทินโต้ "ไม่จริง"

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้เข้าพบนางแทมมี่ ดักเวิร์ธ

ที่มาของภาพ, Facebook/คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

คำบรรยายภาพ, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ได้เข้าพบนางแทมมี่ ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาแห่งสหรัฐอเมริกา พรรคเดโมแครต จากรัฐอิลลินอยส์ ณ สำนักงานวุฒิสมาชิกแทมมี่ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น

วัคซีนบริจาคจากสหรัฐฯ ก็กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย อ้างคำพูดของนางแทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ที่ระบุว่าสหรัฐฯ ยังไม่สามารถส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์บริจาคอีก 1 ล้านโดสให้ไทยได้เพราะรัฐบาลไทยยังไม่ส่งเอกสารตอบรับมา

ความเคลื่อนไหวจากประธานพรรคไทยสร้างไทยทำให้ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายธานี แสงรัตน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาชี้แจงว่าทางการไทยยังไม่ได้รับการประสานจากสหรัฐฯ เรื่องการบริจาควัคซีนเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส

คุณหญิงสุดารัตน์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัววันนี้ (23 ก.ย.) ว่าเธอได้เข้าพบและหารือกับนางดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ จากพรรคเดโมแครตของสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อคืนวันที่ 22 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น โดยสรุปเนื้อหาของการหารือว่า นางดักเวิร์ธ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน แสดงความห่วงใยต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทย จึงต้องการผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาควัคซีนให้ไทยเพิ่มเติม

เดือน ก.ค. ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าจะบริจาควัคซีนของไฟเซอร์ให้ไทยจำนวน 2.5 ล้านโดส และได้ดำเนินการจัดส่งวัคซีนบริจาคล็อตแรกจำนวน 1.54 ล้านโดสมาถึงไทยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนที่เหลืออีก 1 ล้านโดสที่สหรัฐฯ จะบริจาค

"สว. แทมมี่ ได้กล่าวว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ที่เหลืออีก 1 ล้านโดสให้ไทย แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยยังไม่ส่งเอกสารตอบรับมา จึงทำให้ยังไม่สามารถส่งมอบอีก 1 ล้านโดสที่เหลือให้ชาวไทยได้" คุณหญิงสุดารัตน์อ้างคำพูดของวุฒิสมาชิกดักเวิร์ธ ซึ่งเธอระบุว่าเป็น "ผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดัน ให้รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาควัคซีนไฟเซอร์จำนวน 2.5 ล้านโดสให้ไทย"

วัคซีนต้านโควิด-19 ของ บ.ไฟเซอร์ จำนวน 1,503,450 โดส ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคให้ไทย

ที่มาของภาพ, สถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย

คำบรรยายภาพ, พิธีส่งมอบวัคซีนต้านโควิด-19 ของ บ.ไฟเซอร์ จำนวน 1,503,450 โดส ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคให้ไทยซึ่งมาถึงไทยเมื่อเวลา 04.00 น. เมื่อวันที่ 30 ก.ค.

คุณหญิงสุดารัตน์ระบุอีกว่านางดักเวิร์ธยังได้แสดงความเห็นว่าถ้าประเทศไทยรีบดำเนินการเข้าโครงการโคแวกซ์จะทำให้ไทยมีโอกาสในการได้รับจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อมาเร่งฉีดให้คนไทยได้มากขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุน

คุณหญิงสุดารัตน์ยังได้ให้ข้อมูลนางดักเวิร์ธว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นของไทยหลายแห่งซึ่งมีงบประมาณสะสมรวมกันอยู่หลายแสนล้านบาท มีความพร้อมที่จะซื้อวัคซีนชนิด mRNA ที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ รับรองอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อนำไปฉีดให้ประชาชน

"ดิฉันจึงขอให้ สว. แทมมี่ ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วย ซึ่งทาง สว.แทมมี่ได้ตอบรับที่จะประสานงานให้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยจะเปิดทางให้หรือไม่" คุณหญิงสุดารัตน์ระบุ

อนุทิน-กต.ชี้แจง

นายอนุทินกล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าสหรัฐฯ จะบริจาควัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยอีก 1 ล้านโดส แต่ไทยยังไม่ลงนามรับวัคซีนว่า หลังจากที่ได้รับวัคซีนบริจาคจากสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ค. จนถึงขณะนี้ทางการไทยยังไม่ได้รับเอกสารทางการทูตจากรัฐบาลสหรัฐฯ เรื่องการสนับสนุนวัคซีนให้ไทยเพิ่มเติมอีก 1 ล้านโดส

นายอนุทินกล่าวว่า การสนับสนุนวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสให้กับไทย เมื่อปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สถานทูตสหรัฐฯ ได้มีเอกสารทางการทูต ถึงกระทรวงการต่างประเทศของไทยเป็นการล่วงหน้า เพื่อแสดงความประสงค์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่จะมอบวัคซีนมาช่วยเหลือการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทย และรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค จัดทำแผนการฉีดให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งได้กระจายวัคซีนไปทุกจังหวัดให้ดำเนินการฉีดตามแผนเรียบร้อยแล้ว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีรับวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาคให้ไทยซึ่งมาถึงวันที่ 30 ก.ค.

ที่มาของภาพ, กระทรวงสาธารณสุข

คำบรรยายภาพ, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมพิธีรับวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐฯ บริจาคให้ไทยซึ่งมาถึงวันที่ 30 ก.ค.

"สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ที่มีข่าวจะบริจาคเพิ่มอีก 1 ล้านโดสนั้น จากการประสานข้อมูลกับกระทรวงการต่างประเทศ ทราบว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารทางการทูตจากรัฐบาลสหรัฐฯ แจ้งเรื่องการสนับสนุนวัคซีนให้กับไทยเพิ่มเติม ดังนั้นข่าวดังกล่าวจึงไม่เป็นความจริง" เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อ้างคำพูดของนายอนุทิน

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าวว่าฝ่ายไทยยังไม่ส่งเอกสารตอบรับวัคซีน 1 ล้านโดส ที่สหรัฐฯ กำลังจะมอบให้เป็นล็อตที่ 2 ว่า กต. และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้ประสานงานติดตามพัฒนาการเรื่องการมอบวัคซีนเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุด สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ได้รายงานว่า ในขณะนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างดำเนินการภายใน โดยยังไม่ได้กำหนดการส่งมอบวัคซีน และสหรัฐฯ ยังไม่ได้ประสานงานด้านเอกสารกับหน่วยราชการไทยใด ๆ ทั้งสิ้น

นายธานี ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการผลักดันความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม โดยกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป

โฆษก กต. เปิดเผยด้วยว่านายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 76 มีกำหนดจะเยือนกรุงวอชิงตัน เพื่อพบหารือผู้แทนระดับสูง ทั้งภาคการเมืองและรัฐบาลของสหรัฐฯ รวมถึง พ.ท. หญิง ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐฯ เพื่อผลักดันเรื่องการจัดหาวัคซีนจากสหรัฐฯ

นายกฯ ร่วมประชุมสุดยอดว่าด้วยโควิดที่สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพ

วันเดียวกับที่คุณหญิงสุดารัตน์พบ ส.ว. ดักเวิรธ์ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าร่วมประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ การประชุมสุดยอดว่าด้วยการยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น (Global COVID-19 Summit : Ending the Pandemic and Building Back Better) ซึ่งจัดโดยมีประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นเจ้าภาพ เป็นงานหนึ่งของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 76 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ นครนิวยอร์ก

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ได้กล่าวถ้อยแถลงผ่านการประชุมทางไกล มีใจความสำคัญว่า ไทยเชื่อมั่นในความร่วมมือพหุภาคีเพื่อยุติการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเตรียมพร้อมสำหรับภัยคุกคามทางสุขภาพในอนาคต

นอกจากนี้ นายกฯ ยังประกาศว่ารัฐบาลไทยร่วมดำเนินการตามเป้าหมายเพื่อยุติการระบาดของโควิด ดังนี้

  • ไทยกำหนดให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ และจะฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนอย่างน้อยร้อยละ 70 ภายในปีนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเพื่อผลิตวัคซีนภายในประเทศ และพร้อมร่วมมือกับนานาประเทศในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตวัคซีนในภูมิภาคและส่งเสริมด้านสุขภาพโลก
  • ไทยสนับสนุนการเพิ่มกำลังการผลิตเวชภัณฑ์และวัสดุทางการแพทย์ เพื่อเป็นเกราะป้องกันให้มีความปลอดภัย ที่ผ่านมา ไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ แก่ประเทศต่าง ๆ กว่า 10 ประเทศ ตลอดจนร่วมมือพัฒนาขีดความสามารถด้านสาธารณสุขกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง และจะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ไทยขอขอบคุณสหรัฐฯ และมิตรประเทศที่ได้ให้ความช่วยเหลือตลอดมา
  • ไทยเห็นด้วยกับการสร้างความเข้มแข็งในการเตรียมความพร้อมและการตอบสนองต่อโรคระบาดในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับสากล รวมทั้งสนับสนุน WHO ที่กำลังจัดทำตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยโรคระบาด ซึ่งประเทศไทยอยู่ระหว่างแก้ไขพระราชบัญญัติโรคติดต่อให้สอดคล้องกับกฎอนามัยระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดในอนาคต