ทนายอานนท์ได้รับการประกันตัว หลังถูกคุมขังนานเกือบ 7 เดือน
ศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ประกันตัวทนายอานนท์ นำภา แล้วเป็นเวลา 3 เดือน จากการตกเป็นจำเลยใน 2 คดี หลังจากถูกคุมขังนานเกือบ 7 เดือน ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลอาญากรุงเทพใต้เพิ่งมีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน เป็นเวลา 3 เดือน เช่นเดียวกัน หลังทนายยื่นเอกสารเพิ่มเติมยืนยันการศึกษาและการเตรียมสอบเพื่อจบการศึกษาของนายพริษฐ์
ศาลอาญากรุงเทพใต้ ให้ประกันตัวทนายอานนท์ นำภา ใน 2 คดี ได้แก่ คดี ม.112 ม็อบแฮร์รี่พอตเตอร์ ที่ลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉินฯ ม็อบ 18 พ.ย. ที่แยกราชประสงค์ โดยให้วางเงินสดเป็นหลักประกัน 200,000 บาท และ 100,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขดังนี้
1.ห้ามจำเลยกระทําการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์-ศาล
2.ห้ามขัดขวางกระบวนการพิจารณาคดีของศาล
3.ห้ามโพสต์ข้อความที่เป็นการปลุกปั่นให้มวลชนเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมในสื่อโซเชียล หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย
4.ห้ามออกนอกเคหสถานในยามวิกาล เว้นแต่มีเหตุจำเป็น
5.ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
6.ให้จําเลยมารายงานตัวต่อศาลทุก ๆ 30 วัน
7.ต้องสวมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (EM)
ก่อนหน้านี้ ศาลฯ ได้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน เป็นเวลา 3 เดือน เช่นกัน ศาลมีคำสั่งว่า พิเคราะห์จากคำร้องเอกสารประกอบคำร้อง ซึ่งคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหทวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกหนังสือรับรองสถานภาพการศึกษาและเงื่อนไขที่จำเลยที่ 1 คดีอาญาหมายเลขดำ 1180/2564 เสนอต่อศาล เห็นควรอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวในช่วงเวลาอันจำกัด เพื่อให้โอกาสจําเลยที่ 1 ได้ออกไปศึกษา ในภาคการศึกษาที่ 2 ปีการศึกษา 2564 สักช่วงเวลาหนึ่งมีกำหนด 3 เดือน (ครบกำหนดวันที่ 24 พ.ค.65) ตีราคาหลักประกัน 200,000 บาท
ก่อนหน้านี้ 1 วัน ศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำสั่งยกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัวนายอานนท์ นำภา และนายพริษฐ์ ในคดีการชุมนุมที่อยู่ในศาลอาญากรุงเทพใต้
การยกคำร้องของศาลอาญากรุงเทพใต้ ตรงข้ามกับการอนุญาตของศาลอยุธยาและศาลอาญาที่ให้ประกันเพนกวินก่อนหน้านี้
เมื่อ 23 ก.พ. ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยานัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายพริษฐ์ ผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์ ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 671/2564 โดยหลังการไต่สวน ศาลให้ประกันตัว นายพริษฐ์ ในวงเงินประกันตัว 150,000 บาท โดยกำหนดเงื่อนไขดังนี้ 1.ห้ามทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ ที่จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และศาลในทุกด้าน ห้ามกระทำการใดอันเป็นการขัดขวางกระบวนการพิจารณาคดีของศาล ห้ามเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองและห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
เงื่อนไขศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยระหว่างปล่อยชั่วคราว ศาลเห็นควรกําหนดเงื่อนไขดังนี้
- ห้ามจําเลยที่ 1 ทำกิจกรรมหรือกระทำการใด ๆ อันจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียหรือด้อยค่า ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันศาลในทุกด้าน
- ห้ามกระทําการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางกระบวนพิจารณาคดีของศาล
- ห้ามจำเลยที่ 1 โพสต์ข้อความปลุกปั่นในสื่อโซเชียลมีเดีย หรือเข้าร่วมชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
- ห้ามจําเลยที่ 1 ออกนอกเคหสถานในช่วงเวลา 18.00 น. ถึงเวลา 06.00 น.ของวันใหม่เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเพื่อการรักษาพยาบาลหรือได้รับอนุญาตจากศาล
- ห้ามจําเลยที่ 1 เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล
- ให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ EM เพื่อจำกัดระยะเวลาเดินทาง โดยศาลให้มีหนังสือแจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทราบด้วย
ทั้งนี้ ในการปล่อยชั่วคราว หากจําเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว ศาลอาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงหรือเพิกถอนคําสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวอันมีเวลาจํากัดและเมื่อครบกําหนดปล่อยตัวชั่วคราวให้จําเลยที่ 1 มารายงานตัวต่อศาล และให้นายประกันส่งตัวจําเลยที่ 1 มาศาลในวันที่ 24 พ.ค.65 เวลา 10.00 น.
ขอรับบริจาค
ก่อนหน้านี้ เมื่อ 22 ก.พ. ทนายความของ 2 แกนนำกลุ่ม "ราษฎร" ประกาศขอรับบริจาคเงินนำมาประกันตัวบุคคลทั้งสอง หลังศาลอาญา ให้ประกันตัวทั้งสองคนในทุกคดีแล้ว
นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม โพสต์ข้อความทางบัญชีทวิตเตอร์เมื่อ 17.54 น ของ 22 ก.พ. ว่า "ข่าวดี ศาลอาญา ให้ประกันตัวอานนท์ นำภากับเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ ทุกคดีแล้ว แต่ติดปัญหาเงินกองทุนราษฎรประสงค์ไม่เพียงพอสำหรับวางศาล ขอแรงทุกคนระดมช่วยกันครับ"
นายนรเศรษฐ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยในลอนดอนผ่านทางโทรศัพท์ว่าคาดว่าต้องใช้เงินประกันรวมราว 3 ล้านบาท สำหรับกว่า 20 คดีในศาลอาญา ศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลอยุธยา โดยขณะนี้กองทุนราษฎรประสงค์ที่ใช้ในการประกันตัวขาดอยู่ราว 2 ล้านบาทเศษ
คดีในศาลอาญา แบ่งเป็น 9 คดีสำหรับนายอานนท์ และ 8 คดี สำหรับบนายพริษฐ์ ส่วนในศาลอาญากรุงเทพใต้และศาลอยุธยามีคดีรวมราว 5-6 คดี
เพียง 3 ชั่วโมงหลังประกาศรับบริจาค
ต่อมาเมื่อ 21.33 น. ของ 22 ก.พ. กองทุนราษฎรประสงค์แจ้งว่า ได้รับเงินบริจาคครบแล้ว โดยยอดเงินพุ่งสูงกว่า 10 ล้านบาท ในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง
ในเพจเฟซบุ๊ก กองทุนราษฎรประสงค์ พบว่า ในช่องแสดงความคิดเห็นของโพสต์ระดมทุน มีผู้โพสต์สลิปการโอนเงินเป็นจำนวนมาก โดยตัวเลขที่น่าสนใจ คือ ยอดโอน 112 บาท 1,112 บาท รวมถึงเพจเฟซอื่น ๆ เช่น แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม