รัสเซีย ยูเครน : รัสเซียกล่าวหาสหราชอาณาจักร วางแผนยุยงยูเครนให้โจมตีเมืองเบลโกรอด
กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าวหาว่า สหราชอาณาจักรคือผู้วางแผนและยุยงให้ยูเครนก่อเหตุโจมตีเมืองเบลโกรอด (Belgorod) เมืองชายแดนของรัสเซียที่ติดกับยูเครน รวมทั้งอยู่เบื้องหลังการโจมตีเมืองอื่น ๆ ในเขตแดนของรัสเซียด้วย
"หากมีความพยายามจะก่อเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก กองทัพรัสเซียจะโจมตีตอบโต้ในทันทีอย่างสาสม โดยเราพร้อมใช้อาวุธโจมตีระยะไกลที่มีความแม่นยำสูง มุ่งเป้าไปยังศูนย์บัญชาการในกรุงเคียฟ โดยไม่สนใจว่าจะมีที่ปรึกษาจากชาติตะวันตกอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่" แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ
คำขู่โจมตีตอบโต้ของรัสเซียมีขึ้น หลังเกิดเหตุระเบิดหลายครั้งที่เมืองเบลโกรอด ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนยูเครนเพียง 40 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นของรัสเซียระบุว่า คลังเก็บเครื่องกระสุนและขีปนาวุธในเมืองก็เกิดระเบิดขึ้นด้วย แต่ยังไม่มีรายงานกรณีพลเรือนบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ทางการท้องถิ่นยังไม่ยืนยันว่าเป็นเหตุโจมตีโดยกองกำลังยูเครนหรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุเฮลิคอปเตอร์ประจัญบานของยูเครน 2 ลำ บินข้ามพรมแดนเข้าโจมตีคลังน้ำมันเชื้อเพลิงของเมืองเบลโกรอดมาแล้ว
ก่อนหน้าเหตุระเบิดในครั้งนี้ นายเจมส์ ฮีปพีย์ รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักรกล่าวว่า "หากยูเครนใช้อาวุธที่เรามอบให้โจมตีเป้าหมายทางทหารในเขตแดนรัสเซีย นั่นไม่ใช่เรื่องที่ต้องเป็นปัญหาแต่อย่างใด"
นายฮีปพีย์กล่าวให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับสถานีวิทยุบีบีซี เรดิโอ 4 ว่า กองทัพยูเครนคือผู้ตัดสินใจเรื่องจะลงมือโจมตีสถานที่ไหนอย่างไร ไม่ใช่ประเทศผู้ให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์
"การทำลายเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนของข้าศึก เพื่อตัดการส่งกำลังบำรุง ถือเป็นเรื่องที่ทำได้โดยชอบธรรมในสงคราม รัสเซียก็สามารถทำเช่นนี้กับยูเครนได้ หากหลีกเลี่ยงไม่มุ่งเป้าโจมตีพลเรือน แต่น่าเสียดายว่าที่ผ่านมารัสเซียไม่ค่อยสนใจจะระมัดระวังเท่าไหร่นัก" รมว.กลาโหมอังกฤษกล่าว
ล่าสุดกองทัพรัสเซียประกาศว่า สามารถเข้าควบคุมภูมิภาคเคียร์ซอนทางตอนใต้ของยูเครนไว้ได้โดยสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่ยูเครนประกาศให้การสนับสนุนประเทศมอลโดวา ซึ่งไม่กี่วันมานี้เกิดเหตุระเบิดต่อเนื่องกันหลายครั้งในแคว้นทรานส์นิสเทรีย เขตอิทธิพลของกลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซีย
ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนกล่าวหาว่า "สายลับและชุดปฏิบัติการพิเศษของรัสเซีย" เป็นผู้ก่อเหตุสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายดังกล่าว เพื่อดึงให้มอลโดวาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในสงครามยูเครนด้วย
ปูตินลั่นไม่รับประกันความปลอดภัยให้ยูเครน
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวกับนายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระหว่างการเข้าพบหารือที่กรุงมอสโกว่า
"รัสเซียไม่อาจลงนามในสัญญารับประกันความปลอดภัยให้ยูเครนได้ หากยังไม่บรรลุข้อตกลงเรื่องดินแดน ซึ่งรวมถึงไครเมีย เซวาสโตโปล และสาธารณรัฐในดอนบาส"
"แต่การเจรจาสันติภาพยังคงดำเนินต่อไปทางออนไลน์ ผมหวังว่ามันจะเกิดผลในทางบวก"
ก่อนหน้านี้ยูเครนยื่นข้อเสนอในการเจรจาสันติภาพต่อรัสเซียว่า จะยอมสละสิทธิ์ในการเข้าเป็นสมาชิกนาโตและแนวร่วมทางการเมืองระหว่างประเทศอื่น ๆ หากรัสเซียและชาติที่สามให้การรับประกันความปลอดภัยแก่ยูเครนอย่างเป็นทางการ
แต่ในเรื่องสิทธิปกครองเหนือดินแดนที่เคยเป็นของยูเครนนั้น ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ยืนกรานหลายครั้งว่าจะไม่ยอมสูญเสียบูรณภาพทางดินแดนของยูเครนไปโดยเด็ดขาด ในขณะที่รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนยอมรับการผนวกดินแดนไครเมียเมื่อปี 2014 และการแยกตัวเป็นเอกราชของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และลูฮานสก์ในภูมิภาคดอนบาส