รัสเซีย : สหราชอาณาจักรชี้ปูตินเตรียมประกาศผนวกดินแดนยูเครนเพิ่ม

วลาดิเมียร์ ปูติน

ที่มาของภาพ, EPA

กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย อาจประกาศผนวกดินแดนสี่แห่งของยูเครน ในการกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรในวันศุกร์นี้ (30 ก.ย.)

สหราชอาณาจักรประเมินสถานการณ์ดังกล่าวในขณะที่รัสเซียได้จัดให้มีการลงประชามติซึ่งก่อให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องความน่าเชื่อถือ ในภูมิภาคทางตะวันออกและตอนใต้ของยูเครนสี่แห่ง ได้แก่ ลูฮันสก์และโดเนตสก์ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กลุ่มแบ่งแยกดินแดนยึดครองอยู่ทางตะวันออก กับพื้นที่ที่รัสเซียยึดครองได้บางส่วนในแคร์ซอนและซาปอรีเชีย ทางใต้ เพื่อถามประชาชนว่าต้องการอยู่กับรัสเซียหรือยูเครน

การลงประชามติดังกล่าวของรัสเซียซึ่งมีขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ก.ย. จนถึงวันอังคารที่ 27 ก.ย. นั้น ยูเครนและชาติตะวันตกมองว่ารัสเซียได้ตัดสินเรียบร้อยแล้วว่าผลการลงประชามติจะออกมาอย่างไร และจะใช้สิ่งนี้เป็นเหตุผลในการผนวกดินแดนอย่างผิดกฎหมาย

ชาวบ้านคนหนึ่งในเมืองเอเนอร์โฮดาร์ ในภูมิภาคซาปอรีเชีย บอกว่า เจ้าหน้าที่เลือกตั้งและทหารสองคนเดินเคาะตามบ้านบังคับให้คนออกไปลงประชามติ "ใครที่ไม่ตอบรับ ก็จะถูกกาเครื่องหมายไว้ และพวกเขาจะกลับมาตามที่อยู่นั้นอีกครั้ง…มันน่ากลัวมาก"

ชาวบ้านบอกว่า พวกเขาถูกข่มขู่ว่า จะต้องตกงานถ้าไม่ไปลงประชามติ "มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ไปออกเสียง หรือตอบว่า ไม่ ในการลงประชามติ พวกเขาเอาบัตรลงคะแนนมาให้ และคุณควรตอบว่า "ใช่" ไม่เช่นนั้นก็จะต้องตกงาน"

คนออกจากคูหาลงคะแนน

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, ประชาชนในโดเนตสก์ถูกขอให้ร่วมลงประชามติ

ด้านกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ระบุเพิ่มเติมว่า "แทบจะเป็นสิ่งที่ชัดเจนว่า บรรดาผู้นำรัสเซียหวังจะใช้การประกาศผนวกดินแดนเป็นข้ออ้างในการทำ "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" และจะได้รับแรงหนุนในการทำสงคราม" กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรระบุ แต่ก็เสริมด้วยว่า "มีแนวโน้มที่ความหวังนี้จะถูกบั่นเซาะจากการรับรู้ว่า กองทัพรัสเซียต้องล่าถอยในสนามรบ และความไม่พอใจของชาวรัสเซียเกี่ยวกับแผนระดมกำลังพลสำรองเพิ่มที่ประกาศออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว"

การลงประชามตินี้เป็นหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลรัสเซียในการพลิกกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามครั้งนี้อีกครั้ง หากรัสเซียผนวกรวมพื้นที่ 15% ของยูเครนมาเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองได้ รัสเซียก็จะสามารถอ้างได้ว่า ดินแดนของตัวเองเหล่านี้เผชิญกับการโจมตีจากอาวุธที่นาโตและชาติตะวันตกมอบให้แก่ยูเครน

กราฟิก

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างสถิติของทางการว่า ชาวรัสเซียพากันเดินทางออกนอกประเทศ หลังรู้ข่าวการรระดมกำลังพลสำรองเพิ่ม เฉพาะที่กรุงทบิลิซี เมืองหลวงของจอร์เจีย มีคนรัสเซียราว 40,000 คน ข้ามพรมแดนไปอาศัยอยู่ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.

ขณะที่รัสเซีย ยังไม่ตัดสินใจว่า จะปิดพรมแดนเพื่อป้องกันไม่ให้ชายรัสเซียหนีออกนอกประเทศหรือไม่

เปลี่ยนหัวหน้าปฏิบัติการส่งกำลังบำรุง

สืบเนื่องจากความล้มเหลวล่าสุดในสงครามยูเครน ปูติน ได้สั่งปลดพลเอกดมิทรี บุลกาคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะไม่สามารถดูแลปฏิบัติการส่งกำลังบำรุงให้กองทัพรัสเซียในยูเครนได้อย่างเหมาะสม โดยพลเอกบุลกาคอฟ ทำหน้าที่ดูแลปฏิบัติการส่งกำลังบำรุงให้กับทหารรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2008 รวมถึงการส่งเสบียงให้ทหารรัสเซียที่ถูกส่งไปรบในซีเรียในปี 2015 ด้วย

พลเอกดมิทรี บุลกาคอฟ

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, พลเอกดมิทรี บุลกาคอฟ

การปลดพลเอกบุลกาคอฟ เกิดขึ้นในช่วงที่มีคลิปเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นทหารที่ถูกเกณฑ์เข้าร่วมการสู้รบใหม่ของรัสเซียหลายนายได้รับอาวุธปืนไรเฟิลที่ขึ้นสนิม

บรรดานักวิเคราะห์ บอกว่า พลเอกบุลกาคอฟ เริ่มถูกลดความสำคัญลงในรัฐบาลรัสเซียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายคนกล่าวโทษเขาว่า ปฏิบัติการส่งกำลังบำรุงที่ยุ่งเหยิงของเขา ทำให้เกิดความล่าช้าไม่ทันกับการเคลื่อนทัพบุกของรัสเซีย และส่งผลให้ทหารรัสเซียต้องขาดแคลนเสบียง

ข้าม Twitter โพสต์
ยินยอมรับเนื้อหาจาก Twitter

บทความนี้ประกอบด้วยเนื้อหาจาก Twitter เราขอความยินยอมจากคุณก่อนใช้คุกกี้ หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ บันทึกอะไรลงไป คุณอาจต้องอ่านนโยบายคุกกี้ของ Twitter และนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Twitter ก่อนให้ความยินยอม หากต้องการอ่านเนื้อหานี้ โปรดเลือก "ยินยอมและไปต่อ"

คำเตือน:เนื้อหาภายนอกอาจมีโฆษณา

สิ้นสุด Twitter โพสต์

ในช่วงไม่กี่เดือนนี้ รัฐบาลรัสเซียจำเป็นต้องเข้าหาเกาหลีเหนือและอิหร่าน พันธมิตรที่เหลืออยู่สองชาติ เพื่อขอการสนับสนุนโดรนและปืนใหญ่

คนที่จะมาทำหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการส่งกำลังบำรุงแทนก็คือ พันเอกมิคาอิล มิซีนต์เซฟ ซึ่งรับผิดชอบดูแลการปิดล้อมโจมตีอันโหดเหี้ยมในเมืองมาริอูโปล ซึ่งชาวยูเครนขนานนามเขาว่า "จอมเชือดแห่งมาริอูโปล" โดยเขาเคยร่วมปฏิบัติการสู้รบในซีเรียด้วยเช่นกัน และถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการทิ้งระเบิดที่โหดเหี้ยมถล่มเมืองอเลปโปจนพังราบ