วิกฤตโควิด โอกาสทักษิณ ปฏิบัติการรีแบรนด์เพื่อรีเทิร์น
- Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
- Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
เมื่อวิกฤตโรคระบาดร้ายแรง กลายเป็นเครื่องสะท้อนปัญหาความไร้ประสิทธิภาพของรัฐราชการในทุกมิติ
เมื่อระบบสาธารณสุขไทยใกล้ล่มสลาย
เมื่อประชาชนเจ็บป่วย ล้มตาย เป็นใบไม้ร่วง
เมื่อผู้ปกครองถูกตั้งคำถามต่อภาวะพร่องวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการ-ฝ่าวิกฤต เสียงเรียกหาความรับผิดชอบทางการเมืองจึงตามมา
หนึ่งในเสียงวิจารณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง มาจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ดังจากแอปพลิเคชันสนทนาผ่านเสียง คลับเฮาส์ (Clubhouse - CH)
บีบีซีไทยสนทนากับ 2 บุรุษ 2 ส. ให้วิเคราะห์ปรากฏการณ์ "ทักษิณ 72 พี่โทนี่ 27"
คนหนึ่งคือ นพ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หรือ "หมอเลี้ยบ" อดีตรัฐมนตรี 3 กระทรวงที่เคยร่วมงานกับ 2 นายกฯ ปัจจุบันเป็นสมาชิกกลุ่มแคร์ (CARE) เจ้าของแพลตฟอร์มหลักที่ทักษิณใช้สื่อสาร
อีกคนคือ ดร. สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักวัฒนธรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ผู้แวะเวียนไปฟัง "เรื่องเล่า" ของผู้นำจากแดนไกล และเกาะติดความเคลื่อนไหวทางการเมืองใน CH อยู่เนือง ๆ
แม้ทั้งคู่เห็นตรงกันว่าอดีตนายกฯ คนที่ 23 ต้องการ "กลับมา" ทว่าคำจำกัดความของพวกเขาแตกต่างกัน
เบื้องหลังวัน โทนี่ อุบัติขึ้นในโลก CH
ในวัย 72 ปี ทักษิณ กลายเป็น "โทนี่ วู้ดซัม" (Tony Woodsome) ผู้เปิดหน้าให้ความเห็นสารพัดเรื่อง ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การใช้ชีวิตวิถีใหม่ โดยเป็นแขกขาประจำในแอปพลิเคชัน CH แพลตฟอร์มที่กลุ่มแคร์ใช้เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร สร้างข่าว
โทนี่เข้าสู่วงการคลับเฮาส์ตั้งแต่ 22 ก.พ. เมื่อผู้ใช้งาน CH ในไทยเปิดห้องที่ใช้ชื่อว่า "ไทยรักไทย ใครเกิดทัน มากองกันตรงเน้!" พร้อมถ่ายทอดสัญญาณเสียงของอดีตนายกฯ ไปยังห้องอื่น ๆ อีก 8 ห้อง มีผู้ฟังเกือบแสนคนในเวลา 2 ชม. ครึ่ง ตามการเปิดเผยข้อมูลของผู้จัด
นพ. สุรพงษ์ได้รับข้อมูลว่าทักษิณมีบัญชี CH ใช้ชื่อว่า โทนี่ วู้ดซัม จึงแจ้งไปว่าหากสะดวกก็เชิญมาฟัง และส่งคำเชิญไปยังบัญชีผู้ใช้งานดังกล่าวซึ่งเวลานั้นมีเพียงตัวอักษร TW ปรากฏแทนภาพโปรไฟล์
กระทั่งเวลา 21.00 น. ใบหน้าของทักษิณก็ปรากฏในห้องสนทนา ตรงตำแหน่งผู้ใช้งานที่ชื่อ Tony
"วันนั้นเป็นวันแรกที่แคร์เล่นคลับเฮาส์ ทุกคนงงว่าจะเล่นแบบไหน จะเชิญคนเป็นผู้ดำเนินรายการทำอย่างไร เปิดไมค์ยังไม่เป็นเลย ทีนี้เห็นหน้าโทนี่เป็นภาพคุณทักษิณ ก็เลยกดให้เป็นสปีกเกอร์ (ผู้พูด) พอพูดออกมาเท่านั้นแหละ ทุกคนก็ตกใจ อ้าวตัวจริง เพราะเป็นเสียงแก จากนั้นก็เป็นกระแสในทวิตเตอร์ คนก็แห่เข้ามาฟัง เป็นความบังเอิญ ไม่ใช่เกิดจากความตั้งใจจะเชิญคุณทักษิณมาในคลับเฮาส์ครั้งแรก" นพ. สุรพงษ์ อดีต รมว.เทคโนโลยีและการสื่อสาร (ไอซีที) เล่าเบื้องหลังวันโทนี่อุบัติขึ้นในโลก CH
จากเสียงตอบรับในวันแรก ผู้ก่อการกลุ่มแคร์อ้างว่ามีเสียงเรียกร้องให้เชิญอดีตนายกฯ มาร่วมวงสนทนาอีก โดยสมาชิกในกลุ่มรายหนึ่งบอกว่า "ไม่อยากเรียกชื่อทักษิณแล้ว ขอเรียกโทนี่ได้ไหม" เป็นผลให้ทักษิณแจ้งเกิดใหม่ในโลกออนไลน์อย่างเป็นทางการ ด้วยชื่อเดิมที่เคยใช้สมัยศึกษาในสหรัฐฯ
"การเมืองแห่งความหวัง" ฉบับ "ซูเปอร์ซีอีโอประเทศ"
ทุกวันอังคารเว้นอังคาร โทนี่จะร่วมวง "แคร์ทอล์ค" ซึ่งหมอเลี้ยบบรรยายบรรยากาศไว้ว่าเป็นการ "เล่าสู่กันฟัง" ถึงการเมืองไทยในรอบ 20 ปี และมองไปข้างหน้าโดยแบ่งปันประสบการณ์ในอดีต แต่พอเกิดการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ระลอกเดือน เม.ย. ตามมาด้วยยอดผู้ป่วยทะลุหลักหมื่นในช่วงกลางเดือน ก.ค. ห้องสนทนาเดิมก็ถูกแปรเป็นเวทีสะท้อนปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน และเสนอทางออกจากมุมมองของอดีตผู้นำ
ในช่วงที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกฯ คนที่ 29 ทำงานจากบ้าน หรือ Work From Home โดยให้เหตุผลว่าต้องทำตามมาตรการที่ตัวเองออกคำสั่งใช้บังคับกับคนทั้งประเทศ นายกฯ คนที่ 23 ซึ่ง Work From Dubai ส่งเสียงค่อนขอด-สอนมวยข้ามทวีป เมื่อ 27 ก.ค.
"ถือว่าเชื่อพี่ก็แล้วกันน้องเอ้ย อย่าไปคิดว่าเสียฟอร์มเลย ลับหลังเราคุยกันมากกว่านี้ได้ ท่านอย่า Work From Home แต่งพีพีอีลงไปเลย" ทักษิณแนะวิธีฟื้นความศรัทธาจากประชาชน
ในทัศนะของ ดร. สติธร สิ่งที่ทักษิณทำใน CH คือภาคถนัดของพรรคทักษิณที่ไว้ต่อสู้กับระบอบทหาร ด้วยการพาคนกลับไปสู่ภาพความสดใสในอดีต ยุครุ่งเรืองของรัฐบาลไทยรักไทย (ทรท.) ซึ่งมีนโยบายที่ประชาชนจับต้องได้ แต่ครั้งนี้เพิ่มวิธีการมองไปข้างหน้าเพื่อเติมความหวังในอนาคต ในจังหวะที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการบริหารจัดการวิกฤตโควิด-19
"การมาของพี่โทนี่ ทำให้คนรู้สึกว่าถ้าเราได้ผู้นำแบบนี้ การเมืองก็มีความหมายได้" และ "พี่โทนี่เล่นบทคนแก่หัวก้าวหน้า เข้าใจโลก บางครั้งเห็นโอกาสมากกว่าคนอายุน้อยเสียอีก ในอนาคตถ้าต้องเลือก มันใช่ ซึ่งความใช่เกิดจากการเปรียบเทียบกับ performance (ผลการปฏิบัติราชการ) ของนายกฯ คนปัจจุบัน" นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้ากล่าว
นิยาม "การเมืองแห่งความหวัง" ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง 2562 กับช่วงครึ่งเทอมหลังของรัฐบาล "ประยุทธ์ 2" มีความแตกต่างกันมากตามความเห็นของ ดร. สติธร โดย 2 ปีก่อน เป็นความหวังในเชิงอุดมคติ หลังคนไทยอยู่กับระบอบคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มานาน 5 ปี หากใครเสนออุดมคติได้ ถ้ามีเสรีภาพ มีประชาธิปไตย ประเทศไทยมีอนาคต นั่นคือพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แต่ปีนี้ เป็นปัญหาจริงที่เกิดจากวิสัยทัศน์ มุมมองการบริหารจัดการ การตัดสินใจที่ผิดพลาด เป็นภาคปฏิบัติที่จับต้องได้ ทำให้ทักษิณนำเสนอแนวคิดได้อย่างสบายเพราะอยู่ในฐานะ "ซูเปอร์ซีอีโอของประเทศ" มาก่อน ไม่ใช่ความโดดเด่นแบบนักประชาธิปไตยที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน แต่สร้างความหวังจากวิสัยทัศน์เชิงบริหาร
แม้แกนนำกลุ่มแคร์ปฏิเสธว่าความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักของโทนี่ "ไม่ใช่การหาเสียง เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไร" แต่ ดร. สติธร ซึ่งร่วมสังเกตการณ์อย่างเงียบ ๆ ใน CH ชี้ว่า โทนี่สามารถดึงคนที่เคยเลือกพรรคทักษิณให้กลับมาเลือกพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้ หลังบางส่วนปันใจไปเลือก อนค. ในการเลือกตั้งครั้งหลังสุด แต่สำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกที่เคยเลือก อนค. หรือประทับใจในความเป็น ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็อาจยังไม่หลงไปกับโทนี่
"สนามคลับเฮาส์กับสนามเลือกตั้ง พี่โทนี่ต้องลุยเท่ากันถึงจะได้คะแนนคืน" นักรัฐศาสตร์รายเดิมให้ความเห็น
รีแบรนด์ เพื่อ รีเทิร์น
การรีแบรนด์ หรือปรับภาพลักษณ์ จาก "นายกฯ ทักษิณขวัญใจคนรากหญ้า" เป็น "พี่โทนี่ของคนรุ่นใหม่" ไม่เพียงส่งผลบวกต่อตัวอดีตผู้นำวัย 72 ปี แต่น่าจะช่วยขยายฐานทางการเมืองของพรรคที่เขาสนับสนุนด้วย ท่ามกลางภาวะตื่นรู้-ตื่นตัวทางการเมืองของเยาวชน
ในทางส่วนตัว ดร. สติธรระบุว่า ทักษิณสามารถเชื่อม 2 โลก ระหว่างคนรุ่นเก่า-คนรุ่นใหม่ ทำให้มีที่ทางกับโลกปัจจุบันมากขึ้น ไม่ใช่แค่นายกฯ ของคนรากหญ้า แต่เป็นสินค้าการเมืองแบรนด์ใหม่ที่ชื่อโทนี่
หาก เนวิน ชิดชอบ เจ้าของฉายา "ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ" ประสบความสำเร็จในการรีแบรนด์ตัวเองเป็น "ลุงเนวิน" ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ล้างคราบไคลบาดใจ "เทพเทือก" เป็น "ลุงกำนันขวัญใจมวลมหาประชาชน" สิ่งที่โทนี่เป็นในวันนี้ "เหนือกว่า" ทั้ง 2 คนการเมือง ตามทัศนะของ ดร. สติธร เพราะทั้ง สุเทพ-เนวิน ไปต่อไม่ได้ทางการเมืองหลังผ่านการรีแบรนด์ ต้องทิ้งสถานะผู้เล่นเป็นผู้ดูหรือผู้ควบคุม แต่สำหรับโทนี่อาจไปถึงขั้นกลับมาได้ เพราะไม่ได้พลิกไปจากภาพการเมืองเก่าเยอะ แค่เปลี่ยนชื่อ แล้วสร้างให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ขึ้น
"หากคุณสุเทพ คุณเนวิน พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ พี่โทนี่พลิกจากหน้ามือเป็นหน้ามือที่ทาครีม นุ่มขึ้น"เขากล่าวพร้อมหัวเราะเล็ก ๆ
"คุณทักษิณผ่านการรีแบรนด์มาแล้วระดับหนึ่ง จากที่เป็นนายกฯ มาเป็นที่ปรึกษาตามแคมเปญ 'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' มาถึงการรีแบรนด์ครั้งนี้ เขาอาจคิดการใหญ่กว่าการรีแบรนด์เพื่อเปลี่ยนสถานะ แต่ต้องการรีเทิร์น (กลับมา)" ดร. สติธรกล่าว
เมื่อประวัติศาสตร์มีชีวิต
ส่วนในทางพรรค นพ. สุรพงศ์ยอมรับว่า คนรุ่นใหม่มีโอกาสรู้จักตัวตนของทักษิณน้อย เพราะออกจากประเทศไป 13 ปีแล้วนับจากปี 2551 พวกเขาไม่เคยรู้จักบรรยากาศยุครัฐบาล ทรท. หากใครไปสืบค้นข้อมูลโครงการต่าง ๆ ก็จะพบหลักการและสารัตถะ แต่ไม่มีการถ่ายทอดรายละเอียดของโครงการที่มีชีวิต
"พอวันหนึ่งเมื่อคุณโทนี่ปรากฎขึ้นมา คนที่เคยรู้จักแต่คุณทักษิณในหนังสือ ในข่าว ในกูเกิล ก็มีโอกาสฟังคุณทักษิณพูดตัวเป็น ๆ ในคลับเฮาส์ มีโอกาสพูดคุย ถามคำถาม ผมเห็นเขาก็ไปโพสต์เฟซบุ๊กว่าเขาไม่คิดเลยว่าพอขึ้นมาถามจริง ๆ แล้วจะรู้สึกใจสั่นขนาดนั้น กับการได้พูดคุยกับคนในประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่" แกนนำ ทรท. ยุคก่อตั้ง กล่าว
นพ. สุรพงศ์ ซึ่งเป็นอดีตแกนนำนักศึกษาหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ยังอุปมาอุปไมยสิ่งที่เกิดขึ้นใน CH เข้ากับความคิดและประสบการณ์ชีวิตของตัวเองที่ไม่มีโอกาสสนทนากับ ดร. ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยตรง หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ดร. ป๋วยก็ไปใช้ชีวิตในต่างแดน ทำให้มีโอกาสรู้จักนักเศรษฐศาสตร์ระดับตำนานจากข่าวเท่านั้น
"ถ้าอาจารย์ป๋วยออกคลับเฮาส์ ได้พูดคุยกัน ผมคงรู้สึกตื่นเต้นแบบเดียวกันนะ รู้สึก โอ้ว.. ผมได้คุยกับคนที่เขียนบทความ 'จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน' ตัวเป็น ๆ มันจะรู้สึกปิติยินดีขนาดไหน ก็คงแบบเดียวกัน" อดีต "คนเดือนตุลา" กล่าว
"คนรุ่นใหม่ไม่คิดว่าประเทศไทยเคยมีการเมืองดีแบบนี้" คือบทสรุปความคิดรอบยอดของ นพ. สุรพงษ์ หลังอยู่ในโลก CH ร่วมกับโทนี่และ "เยาวรุ่น" มานาน 5 เดือน ได้ยินการเปิดไมค์ตั้งคำถามและสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อนโยบายต่าง ๆ ในทศวรรษ 2540
นักการเมืองวัย 64 ปีเห็นว่า เรื่องเล่าจากโทนี่จุดประกายให้ผู้คนกลับไปสืบค้นมากขึ้นว่ายุครัฐบาล ทรท. ทำอะไรบ้าง
เรื่องเล่าของโทนี่ กับ ข้อเท็จจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าเรื่องเล่าทางการเมืองของโทนี่และผองเพื่อนจะเป็นอย่างไร หนึ่งในข้อเท็จจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคือทั้งนายกฯ ผู้พี่-ผู้น้อง ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ต้องเผชิญกับการชุมนุมขับไล่โดยมวลชนกลุ่มใหญ่ ก่อนจบลงด้วยรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง และปัจจุบัน 2 อดีตนายกฯ จากตระกูลชินวัตรหนีคำพิพากษาศาลในคดีทุจริตไปใช้ชีวิตในต่างแดน
นพ. สุรพงษ์มองว่า ข้อดีอย่างหนึ่งของกาลเวลาคือเป็นเครื่องพิสูจน์ วันนี้มีคนจำนวนไม่น้อยบอกว่าเสียใจที่ไปร่วมชุมนุมกับ กปปส. ปี 2556-2557 หรือร่วมกิจกรรม "บิ๊กคลีนนิงเดย์" แยกราชประสงค์หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เดือน พ.ค. 2553 สะท้อนให้เห็นว่าพอกาลเวลาผ่านไป ความจริงค่อย ๆ ปรากฏ หลายคนที่เคยคิดและเคยเชื่อแบบเมื่อปี 2549, 2553, 2557 ได้ข้อมูลเปลี่ยนไป และออกมาขอโทษที่มีส่วนนำพาบ้านเมืองมาถึงวันนี้ ส่วนคนจำนวนหนึ่งที่ยังมีความเชื่อแบบเดิม ก็ไม่กล้าพูดความเชื่อหรือประกาศตัวอย่างภาคภูมิใจ
"ถ้าถามว่าการพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ย้อนอดีตไปถึงรัฐบาลไทยรักไทย พูดถึงคุณทักษิณแล้วจะไปกระตุกต่อมของคนจำนวนมากขึ้นมา บอกว่าไม่เอาแล้ว ต้องปะทะเชิงความคิดอีกครั้ง ผมว่าสถานการณ์มันเปลี่ยนไปเยอะมาก ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลับไปสู่อย่างนั้นอีกแล้ว" อดีต รมต. ร่วมรัฐบาลทักษิณกล่าว
ขณะที่ ดร. สติธรวิเคราะห์ต่างออกไปถึงสาเหตุทักษิณไม่เผชิญแรงต้านหนัก จาก 2 ปัจจัย นั่นคือ ในฝ่ายสนับสนุนระบอบอำนาจนิยมก็มีความเห็นแตกต่างกันในระดับหนึ่ง ระหว่างคนที่เริ่มตั้งคำถามว่ายังต้องเป็น พล.อ. ประยุทธ์อีกหรือ เป็น "พี่น้อง 3 ป." อีกหรือ กับคนที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะ "เชียร์ลุง" ต่อไป จึงไม่วิจารณ์ความเคลื่อนไหวของโทนี่ เพราะเกรงเกิดกระแสตีกลับมายังนายกฯ อีกปัจจัยคือ คนเหล่านี้มุ่งมั่นในการโจมตีคู่ต่อสู้เดิม แต่เป็นหน้าใหม่อย่างคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลที่มีแนวคิดเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจหลัก จึงไม่ขยับมาวิจารณ์โทนี่ ผู้ไม่มีทีท่าสนองตอบข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปของขบวนการ "ราษฎร"
นักวิชาการรายนี้เชื่อว่า ทักษิณไม่สามารถเปลี่ยนมุมมองของคนที่เกิดทันยุครัฐบาล ทรท. แต่จงใจสร้างภาพลักษณ์ใหม่และการรับรู้ใหม่ให้คนที่เกิดไม่ทันได้เข้าใจแค่นี้ แต่ถ้าวันหนึ่ง คำตอบที่ทักษิณให้ ไม่ถูกใจคนรุ่นใหม่ เรื่องเก่า ๆ ก็มีสิทธิถูกสังคมขุดขึ้นมาได้ เพราะเรื่องเล่าของอดีตนายกฯ แบบบวก ๆ ๆ มันก็มีข้อมูลอีกชุดจากนักวิชาการและสื่อมวลชนบางค่ายที่บอกว่าลบ ๆ ๆ
ยอมรับ ส.ส. เพื่อไทย นับสิบ หวั่นไหวกับแรงดูด
นอกจากโทนี่จะอุบัติขึ้นในโลกคู่ขนาน ในวันคล้ายวันเกิดครบ 6 รอบของอดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้า ทรท. เมื่อ 26 ก.ค. สมาชิกในครอบครัวและนักการเมืองคนสนิทยังพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินที่มีข้อความว่า "ทักษิณ 72 พี่โทนี่ 27"
แม้แต่หัวหน้าพรรค พท. สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ก็สวมเสื้อดังกล่าว เป็นประธานงานทำบุญวันเกิดให้ ที่ศาลาธรรมวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ส่งเสียงสวดเจริญพระพุทธมนต์และส่งบทเพลงอวยพรวันเกิดข้ามทวีปผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ผู้นำพรรคที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ในสภา กล่าวกับทักษิณตอนหนึ่งว่า "ประชาชนเรียกร้องให้ท่านกลับมาสานต่อ เพื่อให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้"
ตัวเลข 72 จึงหาได้เป็นเพียงอายุของทักษิณในปีนี้ แต่บรรดาลูกน้องเก่ายังฉวยใช้เป็นเครื่องเตือนความทรงจำต่อ 7 ผลงาน ใน 2 รัฐบาล (2544-2549) และเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ คล้ายเป็นการส่งสัญญาณว่า พท. จะชูทักษิณเป็นจุดขายหลังจากนี้
หมอเลี้ยบ ซึ่งถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ไม่ขอตอบแทนคณะกรรมการบริหาร พท. แต่เท่าที่พูดคุยกับเพื่อนมิตรซึ่งมีสถานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ทำให้ทราบว่าทิศทางของพรรคกำลังเปลี่ยนแปลง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
ในทัศนะของผู้ร่วมก่อตั้ง ทรท. พ่วงเลขาธิการพรรคพลังประชาชน (พปช.) ประวัติศาสตร์และความศรัทธาของประชาชนต่อนโยบายดั้งเดิมจากยุค ทรท. สู่ พปช. และ พท. เป็น "แต้มต่อ" ให้ พท. แต่ไม่ใช่หลักประกันชัยชนะในสนามเลือกตั้ง เช่นเดียวกับคนรักพี่โทนี่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรัก พท. ไปด้วย
สิ่งที่พรรคแกนนำฝ่ายค้านในสภาต้องทำ คือการนำเสนอทางออกจากมหาวิกฤตโควิด-19 แสดงให้เห็นว่าสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และทำได้จริง ซึ่ง นพ. สุรพงษ์ยอมรับว่า "เพื่อไทยต้องเปลี่ยนอีกมากพอควร กว่าจะไปถึงจุดนั้น"
ส่วนความเคลื่อนไหวของ "นายใหญ่" ในต่างแดน จะเป็นการป้องปราบอดีตลูกพรรค ท่ามกลางกระแสข่าวดูด-ดึง ส.ส. ให้ย้ายขั้วการเมืองหรือไม่นั้น นพ. สุรพงษ์ยอมรับว่า "ได้ยินข่าวอย่างนั้นมาเหมือนกัน" แม้พรรคมีจำนวน ส.ส. มากอันดับ 1 แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลมา 2-3 ปี ความหวั่นไหวของ ส.ส. ย่อมมีแน่ เพราะประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ได้ประโยชน์จากการแจกเงิน อาจจะบอกว่านโยบายของพรรคแกนนำรัฐบาลก็ดีนะ แต่ส่วนตัวคิดว่าสถานการณ์ของรัฐบาลภายใต้มหาวิกฤตกำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะเมื่อยอดผู้ป่วยหน้าใหม่ทะลุหลักหมื่น และผู้เสียชีวิตสะสมเกิน 4 พันรายแล้ว
"ถามว่ามีคนหวั่นไหวไหม ก็มี แต่ผมว่าเขายังไม่ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น เขารอดูสถานการณ์นับจากนี้จนถึงวันเลือกตั้ง ค่อยตัดสินใจ... ถ้าผมเป็น ส.ส. ในพื้นที่ ผมจะแทงกั๊กก่อน" อดีตคนการเมืองรุ่นพี่ชี้แนะ พร้อมบอกใบ้ว่าผู้แทนฯ ที่หวั่นใจมี "หลักสิบต้น ๆ"
รัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดให้จัดการเลือกตั้งภายใน 45-60 วันในกรณีมีการยุบสภา โดยผู้สมัคร ส.ส. ต้องเข้าสังกัดพรรคอย่างน้อย 30 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง นั่นทำให้บรรดานักเลือกตั้งอาชีพยังมีเวลาตัดสินใจ
"เกราะที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันฯ"
หากย้อนดูวิกฤตการเมืองในรอบ 2 ทศวรรษ การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจบลงด้วยรัฐประหาร 2549 การชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จบลงด้วยการยุบสภาในอีก 1 ปีหลังจากนั้น และการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จบลงด้วยรัฐประหาร 2557
3 วิกฤตที่เกิดขึ้นในอดีต นพ. สุรพงษ์เปรียบเปรยเป็น "หลุมเล็ก ๆ บนถนนทางการเมือง" แต่สำหรับมหาวิกฤตในปัจจุบันที่มีทั้งวิกฤตสุขภาพ วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตการเมืองถาโถมเข้ามา เขาเห็นว่ามีสภาพไม่ต่างจาก "ทางขาด" ไปต่อได้ยากมากสำหรับคนที่คิดว่าสามารถกำหนดทิศทางการเมืองให้เป็นไปตามที่ตนต้องการได้
จริงอยู่ที่ พล.อ. ประยุทธ์บริหารสถานการณ์โควิดได้ไม่เป็นที่พึงใจของประชาชน แต่ชนชั้นนำบางส่วนยังเห็นว่านายทหารเก่ารายนี้คือเกราะชั้นดีในการทำหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่เป็นเงื่อนไขสำคัญหรือไม่ที่ทำให้นายกฯ ยังชื่อ ประยุทธ์
"เงื่อนไขอย่างที่ว่าเป็นจริงไหมก็ไม่รู้นะ แต่ผมเชื่อว่าความสุขของประชาชน และ ความเจริญของประเทศ อันนั้นจะเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดของสถาบันฯ ถ้า พล.อ. ประยุทธ์บริหารประเทศไม่ได้ เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนล้มตาย ผมว่ายิ่งทำให้ความรู้สึกของประชาชนที่สิ้นหวังต่อประเทศชาติหนักหน่วงขึ้น ไม่มีใครทำนายได้ว่ามันจะเกิดอะไรต่อไป หลายคนบอกว่าก็คงก้มหน้าก้มตาไปแบบนี้ อดทนกันไป อาจจะเกิดขึ้นแบบนั้นก็ได้ หรืออาจจะเกิดประเภทคนทนไม่ไหวแล้ว ยอมรับไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนแปลงจริง ๆ พร้อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง" นพ. สุรพงษ์กล่าว
แกนนำกลุ่มแคร์ ผู้ไร้สถานภาพทางการเมือง ยังส่งสารถึงผู้มีอำนาจทางการเมือง
- สำหรับพรรคร่วมรัฐบาล : ต้องคิดดี ๆ เพราะไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องมีการเลือกตั้ง "พรรคร่วมฯ อยากเข้าสู่การเลือกตั้งในความรู้สึกของประชาชนแบบไหน ถ้าทำให้ ประชาชนเจ็บช้ำถึงที่สุด ล้มละลาย จนกระทั่งแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ถามว่าการเลือกตั้ง พวกเขาจะยังเลือกพรรคร่วมฯ ไหม"
- สำหรับพรรคแกนนำรัฐบาล : คนในรัฐบาลมักยุบสภาช้ากว่าที่ควรเป็น ส่วนใหญ่เป็นการยุบเมื่อจวนตัว "ผมเชื่อว่า พล.อ. ประยุทธ์และแกนนำรัฐบาลบางคนอาจรู้สึกว่ารอให้โควิดสงบ มีเงินกู้ปล่อยออกไป เดี๋ยวประชาชนก็กลับมานิยมรัฐบาลเอง ผมบอกเลยว่าไม่ง่ายเพราะปัญหามันฝังราก เงินกู้ 5 แสนล้าน ต่อให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพก็ไม่ไหว ดังนั้นยิ่งยุบช้า ยิ่งเจ็บปวด"
ความเห็นของ นพ. สุรพงษ์ ที่ร่วมด้วยช่วยเร่งให้เกิดการยุบสภา สอดคล้องกับข้อวิเคราะห์ของทักษิณก่อนหน้านี้ว่า การยุบสภามีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า แล้วเลือกตั้งอย่างช้า ก.พ. 2565 ทว่าแตกต่างจากความเชื่อของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่มองว่าหากมีการยุบสภา การเลือกตั้งอาจไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน เพราะสถานการณ์โรคระบาด
ขณะที่ผู้มีอำนาจยุบสภาอย่าง พล.อ. ประยุทธ์สยบทุกข่าวลือ-ข่าวปล่อยเรื่องการถอดใจ โดยกล่าวว่า "ยังไม่ถึงเวลา" และ "นายกฯ ไม่เคยท้อ เพียงแต่ว่าเสียใจกับคนที่โจมตี"
ความฝันของอดีตผู้นำวัย 72
ไม่ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะเกิดขึ้นเมื่อไรและด้วยวิธีใด ชื่อทักษิณจะอยู่ตรงไหนของปลายทางความเปลี่ยนแปลง
"ผมถามในคลับเฮาส์ว่าอะไรคือความฝันที่คุณโทนี่อยากทำและยังไม่ได้ทำบ้าง แกบอกว่าอยากเลี้ยงหลาน ผมคิดว่าความตั้งใจของคุณโทนี่คือกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน" นพ. สุรพงษ์บอก
ในนาทีที่ทักษิณร่วงหล่นจากอำนาจในค่ำคืนรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 นพ. สุรพงษ์ ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่กับทักษิณที่มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ
มาวันนี้ "ขุนพลคู่ใจ" ไม่เชื่อว่าทักษิณในวัยเลข 7 อยากมีตำแหน่งแห่งที่ใด ๆ อีก แต่โอกาสกลับเมืองไทยอย่างสงบเพื่อมาเลี้ยงหลาน ก็เป็นไปได้ยากภายใต้การเมืองที่ยังไม่มีบทสรุปชัดเจน
"กรณีคุณทักษิณ ถ้าต้องมีการทบทวนในแง่การพิจารณาคดีให้ใช้ความยุติธรรมอย่างเต็มที่ ผมว่าคุณทักษิณก็คงพร้อมมาสู้คดีในบรรยากาศที่บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ แต่มันจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าทิศทางการเมืองยังไม่นำไปสู่จุดนั้น"
สัญญาณบ่งบอกว่า "การเมืองไทยกลับเข้าสู่วิถีปกติ มีประชาธิปไตยที่แท้จริง" จากมุมมองของ นพ. สุรพงษ์คือฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้งแบบ "แลนด์สไลด์" ด้วยคะแนนเกิน 300 เสียงในสภาล่าง แม้ 250 ส.ว. ยังมีบทบาทเลือกนายกฯ ได้อีกสมัย แต่เชื่อว่าบทบาทจะน้อยมากหาก ส.ส. ฝ่ายประชาธิปไตยจับมือกันอย่างเหนียวแน่น
ความฝันของอดีตผู้นำนอกประเทศ ถูกขานรับขับเคลื่อนด้วยการเปิดแคมเปญ "นำทักษิณกลับไทยสู้โควิด" ในเว็บไซต์ change.org ซึ่งจนถึงวันที่ 31 ก.ค. มีประชาชนร่วมลงชื่อผ่านเว็บไซต์แล้วกว่า 1 หมื่นราย หลัง เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ ประกาศล่า 1 แสนชื่อ เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อภัยโทษแก่นักโทษการเมืองเพื่อความปรองดองสามัคคีของคนในชาติ ต่อรัฐสภา
ความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ นพ. สุรพงษ์ปฏิเสธไม่รู้-ไม่เห็น และการกลับบ้านของอดีตนายกฯ ไม่ได้หมายความว่ากลับเพราะมีนิรโทษกรรม
ในทัศนะของ นพ. สุรพงษ์ บทเรียนจากการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดย วรชัย เหมะ ส.ส. สมุทรปราการ พท. เมื่อปี 2556 เป็นสิ่งที่ต้องกลับมาทบทวนและพิจารณากัน และเชื่อว่าการนิรโทษกรรมไม่ง่าย
"ผมว่ามันไม่ง่ายที่บอกว่าอ้าว คุณมีความผิด นิรโทษกรรมให้ คุณไม่มีความผิดแล้ว แคร์และเพื่อไทยไม่เคยพูดเรื่องนี้" นพ. สุรพงษ์สยบข่าวลือ ยุติความเข้าใจว่าเครือข่ายทักษิณจะเดินเกมซ้ำรอยเดิมที่ทำให้รัฐบาลน้องสาวถูกรัฐประหาร