ผับลับชาวจีน ธุรกิจ "สีเทา" ที่กลับมาพร้อมนักท่องเที่ยวจีน ?

กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ที่มาของภาพ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ข่าวการจับกุมผับลับชาวจีนของตำรวจนครบาล (บช.น.) ในเขตยานนาวาของกรุงเทพฯ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามามั่วสุมยาเสพติด พบนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นบุคคลสัญชาติจีน และตรวจสอบพบว่าเจ้าของเป็นชาวจีนเช่นกัน ทำให้เกิดคำถามว่า นี่จะเป็นการกลับมาของธุรกิจ "ศูนย์เหรียญ" ที่แฝงเร้นกิจกรรม "สีเทา" ด้วยหรือไม่

การแถลงรายละเอียดการจับกุมของ บช.น. เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. กล่าวสรุปผลการจับกุมผับว่า ชุดสืบสวนได้นำหมายเข้าตรวจค้น ร้านจินหลิง หลังได้รับแจ้งว่าเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต มั่วสุมเสพยาเสพติด และลักลอบเล่นการพนัน

ลักษณะของสถานที่มีทั้งห้องโถงใหญ่และห้องแบบส่วนตัว ตำรวจพบรถหรูจอดอยู่จำนวน 35 คัน ได้แก่ รถปอร์เช่ รถโรลส์รอยซ์ แต่ส่วนมากเป็นรถตู้ อัลพาร์ด บางคันเป็นรถที่สวมทะเบียน ชื่อเจ้าของรถส่วนใหญ่เป็นชาวจีน

คนในร้านมีผู้ใช้บริการทั้งหมด 266 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน และมีนักท่องเที่ยวชาวเมียนมาด้วย 23 ราย กัมพูชา เวียดนาม จอร์เจียอีกชาติละ 1-3 ราย

สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ไม่ได้พกหนังสือเดินทาง ใช้วิธีถ่ายรูปเอาไว้โทรศัพท์มือถือ ตอนนี้ อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่จากการตรวจสารเสพติด พบปัสสาวะสีม่วงจำนวน 104 ราย เป็นชาวจีน 99 ราย นอกจากนั้นเป็นคนไทยและกัมพูชา

คนไทยทำงานเป็นพนักงานและชาวกัมพูชาเป็นการ์ดของร้าน ร้านดังกล่าวไม่รับคนไทยเข้ามาเที่ยวแต่อย่างใด

จากการสอบปากคำพนักงานร้านทราบว่า เจ้าของร้านเป็นชาวจีนเปิดบริการมานาน 4 เดือนแล้ว ก่อนหน้านี้ เมื่อก่อนร้านเคยเปิดเป็นบ่อนการพนันแล้วปิดเปลี่ยนมาเป็นผับบาร์คาราโอเกะดังกล่าว

กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ที่มาของภาพ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ธุรกิจชาวจีน

ในการแถลงข่าวของ บช.น. ระบุด้วยว่า ชุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุม นายไฮเทา หวง อายุ 39 ปี ชาวจีน ขณะวิ่งหลบหนีเข้าไปในห้องคลังสินค้านำยาเสพติดไปซุกซ่อน สอบสวนนายไฮเทาให้การรับสารภาพว่า รับยาเสพติดมาจากพัทยา จ.ชลบุรี มาขายตามห้องคาราโอเกะ

จากการตรวจค้นตู้เซฟที่อยู่ภายในห้องสโตร์ พบยาเสพติดจำนวนมาก ได้แก่ เฮโรอีน 323 ซอง ยาอี 258 ซอง ยาอีบรรจุในซองกาแฟ 71 หลอด ยาเค 16 ซอง ยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ และเงินสด 1.3 ล้านบาท และพบยาเสพติดตกกระจ่ายตามห้องคาราโอเกะ  ของกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก

นอกจากนี้ ยังพบเอกสารเก็บเงินค่าบริการโต๊ะเฉลี่ยโต๊ะละประมาณ 2 แสนบาท คาดว่ามีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 3-5 ล้านบาทต่อคืน เอกสารแบ่งเป็น 2 ชุด เก็บเงินค่าบริการกับค่าใช่จ่ายเขียนเป็นภาษาจีน นอกจากนี้ซองใส่ยาเสพติดเขียนชื่อไว้ด้วยคาดว่า เจ้าของเสพไม่หมดก็ฝากไว้ที่ร้านเพื่อกลับมาเบิกไปเสพต่อคราวหน้าได้ด้วย

กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ที่มาของภาพ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล

เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาใหม่หรืออยู่ในไทย

สถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประจำวันที่ 26 ต.ค. 2565 เป็นตัวเลขนับแต่เดือน ม.ค. จนถึง ก.ย. 2565 พบว่ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยกว่า 5,688,035 คน ถือว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมหาศาล เพราะปีที่แล้วอยู่ในช่วงโควิด และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพียง 85,845 คน

ที่น่าสนใจคือ จนถึงเดือน ก.ย. มีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาไทยถึง 146,898 คน และจากฮ่องกงเกือบ 37,368 คน ถือว่าเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วมาก ที่มีชาวจีนมาไทยเพียง 5,696 คน และจากฮ่องกงเพียง 874 คน

ก่อนหน้านี้ อาจจะยังเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไม่มาก เพราะมาตรการกักตัวของจีนที่ยังใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ กำหนดว่าเมื่อเดินทางถึงประเทศจีนแล้ว จะต้องกักตัวอย่างน้อย 7 วัน แต่จากสถิติเดือน ก.ย. ข้างต้น นั้นน่าจะเป็นตัวเลขบอกแล้วว่า นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับเข้าไทยแล้ว

ชาวจีน ธุรกิจสีเทา และเจ้าหน้าที่รัฐไทย

แล้วธุรกิจ "สีเทา" อย่างผับชาวจีนที่เพิ่งถูกจับไป มีที่มาที่ไปอย่างไร

จากการสอบปากคำเบื้องต้นของพนักงานในร้านที่ บช.น. แถลง มีข้อมูลว่า ผับแห่งนี้เปิดดำเนินการมาราว 4 เดือน

พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ หรือผู้การแต้ม อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสว่า นี่ไม่ใช่ทัวร์ศูนย์เหรียญอย่างที่เคยปรากฏในประเทศไทยเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว แต่เป็นกลุ่มคนจีนที่เข้ามาทำประโยชน์ มาใช้ไทยทำธุรกิจสีเทา

พล.ต.ต. วิชัย กล่าวว่า เหตุที่เลือกประเทศไทย เพราะว่าเข้าถึงได้ง่าย เข้าถึงเจ้าหน้าที่รัฐ มีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ มีนักการเมืองช่วยเหลือ และคนกลุ่มนี้ดีลถึง "ผู้ใหญ่ของบ้านเมือง"

คนจีนกลุ่มนี้มาทำอาชีพร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ ค้ายา ค้าผู้หญิงบริการ นำผู้หญิงมาจากจีนมาอยู่ไทย แล้ววนเวียนขายบริการให้กลุ่มคนจีนในประเทศไทย นอกจากนี้ยังตั้งบ่อนการพนัน โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์อยู่เบื้องหลัง

ขณะที่อีกกิจการคือ คอลเซ็นเตอร์ที่มีคนถูกหลอกและจ้างคนไทยมาทำงาน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ที่มาของภาพ, กองบัญชาการตำรวจนครบาล

สำหรับผับชาวจีนมั่วสุมยาเสพติดที่ถูกกวาดล้างล่าสุด บช.น. ได้เซ็นคำสั่ง ให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (ศปก.บก.น.6) โดยขาดจากตำแหน่งเดิมแล้ว

"คนกลุ่มนี้จะตีสนิท แอบให้เงินกัน แอบเอานักการเมือง พวกมีสีมาหุ้นด้วยอย่างลับ ๆ เพื่อทำสถานบริการ มันก็เอื้อประโยชน์ เปิดช่องได้ทุกอย่าง ทุกคนก็ได้ประโยชน์หมด ยกตัวอย่าง ที่ถูกจับยานนาวา ทำไมหน่วยนอกรู้เรื่อง แต่ในพื้นที่ไม่รู้เรื่องได้อย่างไร"  พล.ต.ต. วิชัย กล่าว

พล.ต.ต. วิชัย กล่าวด้วยว่า กลุ่มคนจีนที่มาทำธุรกิจในสุทธิสาร ห้วยขวาง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีคนจีนอยู่จำนวนมาก เมื่อคนไปอยู่ตรงนั้นก็ต้องทำธุรกิจแฝง

"สองคนผัวเมียเช่าบ้าน 4 แสน ถึงเวลาเอาเงินมาจ่าย แต่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร พวกนี้ทำธุรกิจมืดหมด เอาเงินมาฟอกทั้งนั้น... เงินหมุนเวียนในบ่อนมันมหาศาลมาก พวกนี้เปิดสถานบริการบังหน้า"

ชูวิทย์ แฉ "ผับศูนย์เหรียญ" และ "เจ้าพ่อเมืองหลวง"

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต "เจ้าพ่ออ่าง"  อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เป็นคนหนึ่งที่เคยเปิดเผยเรื่องราวในวงการ "ธุรกิจสีเทา" ของของนายทุนจีน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เช่น ย่านรัชดาภิเษก สุทธิสาร ห้วยขวาง พระราม 2 และพัทยา ในครั้งนี้ เขาแสดงความคิดเห็นเมื่อ 26 ต.ค. ว่า สถานบันเทิงแบบนี้จะรับลูกค้าที่เป็นชาวจีนเท่านั้น และมีลักษณะเป็น "ผับศูนย์เหรียญ"

ชูวิทย์ บรรยายว่า มีการรับฝากยาเสพติดที่เสพไม่หมด ไม่ต้องเสี่ยงถูกตรวจค้นจากด่านตำรวจ และสถานที่่ที่ตำรวจบุกเข้าไป ไม่ได้เป็นเพียงผับเท่านั้น ยังเปิดเป็นบ่อนการพนันด้วย รวมถึงนำ น้ำดื่ม สุรา บุหรี่ นำเข้ามาจากประเทศจีน และจ้างคนจีนเป็นเด็กเสิร์ฟ เรียกว่า เจ้าของเป็นคนจีน ของทุกอย่างมาจากประเทศจีนทั้งหมด

"การที่มียาเสพติดได้ เพราะว่าเขาใช้ลูกจ้างเป็นคนของเขา และลูกค้าก็เป็นคนประเทศเขา" นายชูวิทย์ กล่าว "นี่คืออาณานิคมเสรี จะทำอะไรในนี้ ไม่มีคนไทย ที่นี่จีนทั้งนั้น เจ้าของก็จีน คนเสิร์ฟก็จีน บุหรี่ก็จีน น้ำก็จีน เหล้าก็จีน ยาก็ยังจีนเลย"

นอกจากเรื่องยาเสพติดแล้ว นายชูวิทย์ยังเปิดเผยว่า ยังมีเรื่อง ลักทรัพย์ ขู่กรรโชก ลักพาตัว แก๊งคอลเซ็นเตอร์

นายชูวิทย์ ยังอ้างด้วยว่า ธุรกิจประเภทนี้อยู่ได้ เพราะ "จ่ายหนักให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ" โดยมี "เจ้าพ่อเมืองหลวง" นักการเมืองใหญ่ให้ความคุ้มครอง ที่ทำหน้าที่หาเงินสีเทาเพื่อเอาไปให้กลุ่มการเมืองและใช้เป็นทุนในการเลือกตั้ง

ย้อนดูเหตุจับกุมธุรกิจมืดที่ชาวจีนเป็นเจ้าของ-ลูกค้า

สำหรับธุรกิจมืดอย่างบ่อนการพนันที่ปรากฏความเกี่ยวข้องกับนักธุรกิจชาวจีนและนักท่องเที่ยวจีนในปี 2565 เจ้าหน้าที่ไทยได้บุกจับหลายราย อาทิ

1 มิ.ย. - ตำรวจชลบุรีบุกจับชาวจีนที่ชื่อว่า หยาง เจิ้นเทา (Yang Zhentao) อายุ 44 ปี เปิดโรงแรมทำบ่อนบาคาร่าออนไลน์ พร้อมจ้างหญิงชาวไทยแจกไพ่ โดยได้ยึดชิปแลกเงินสดมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท พร้อมของกลางอีกหลายรายการ

27 มิ.ย. - ตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) บุกจับบ่อนพนันบาคาร่ากลางกรุง ตั้งอยู่ชั้นใต้ดินอาคารอโยธยาทาวเวอร์ ตึกเอ ซอยรัชกาภิเษก 18 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. จับกุมนักพนันทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศรวม 52 คน จำนวนนี้เป็นชาวจีน 22 คน

12 ส.ค. - ตำรวจชุดสืบสวนภายคำใต้คำสั่งการของ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และชุดหนุมานกองปราบ จับกุม นาย เฉอ ฉีเจียง (She Zhijiang) ผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศจีน และหมายแดง (Red Notice) ของตำรวจสากล (INTERPOL) หลอกเหยื่อกลายประเทศเล่นการพนันออนไลน์  มีประวัติโกงชาวจีนมาหลายพันล้านเหรียญ เปิดบ่อนในกัมพูชา และเตรียมเปิดในไทย