โควิด-19: ชาวจีนแห่เดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยว-ฉีดวัคซีนสัญชาติตะวันตก

โยโย เหลียง สาวชาวปักกิ่ง คือหนึ่งในลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ฮ่องกง

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

โยโย เหลียง สาวชาวปักกิ่ง คือหนึ่งในลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ารับบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ฮ่องกง

นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อรับวัคซีนชนิด mRNA ซึ่งหาไม่ได้ในจีนแผ่นดินใหญ่ หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศจีนพุ่งสูงขึ้น นับจากรัฐบาลปักกิ่งยกเลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์”

ไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน และคาดว่าจะเป็นหนึ่งในปลายทางที่ชาวจีนมาใช้บริการฉีดวัคซีนที่ผลิตโดยชาติตะวันตกตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

วานนี้ (12 ม.ค.) คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน เห็นชอบเรื่องการให้บริการวัคซีนโควิด-19 แก่ชาวต่างชาติตามสมัครใจ และคิดค่าบริการที่เหมาะสม

สำหรับวัคซีนที่ให้บริการจะเป็นวัคซีนที่รัฐบาลไทยจัดซื้อมาเท่านั้น และมีจุดบริการฉีดวัคซีนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะนำร่องอย่างน้อย 10 จุด ดังนี้

  • กทม. 7 แห่ง ได้แก่ สถาบันโรคผิวหนัง, รพ.นพรัตนราชธานี, รพ.เลิดสิน, รพ.ราชวิถี, ศูนย์การแพทย์บางรัก, สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และสถาบันบำราศนราดูร
  • จ.เชียงใหม่ 1 แห่งคือ รพ.ประสาทเชียงใหม่
  • จ.ชลบุรี 1 แห่งคือ ศูนย์พัทยารักษ์
  • จ.ภูเก็ต 1 แห่ง ใช้หน่วยบริการที่ดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต

ก่อนหน้านี้ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) ได้เปิดเผยค่าบริการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวต่างชาติ โดยใช้วัคซีน 2 ชนิดคือ ชนิดไวรัลแว็กเตอร์ของแอสตร้าเซนเนก้า และชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ของไฟเซอร์

  • ค่าฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 1,180 บาท/เข็ม (ค่าวัคซีน 800 บาท ค่าบริการทางการแพทย์ 380 บาท)
  • ค่าบริการวัคซีนไฟเซอร์ 1,380 บาท/เข็ม (ค่าวัคซีน 1,000 บาท ค่าบริการทางการแพทย์ 380 บาท)

บีบีซีไทยสอบถามไปยังศูนย์การแพทย์บางรักได้ข้อมูลว่า ศูนย์สามารถรองรับการฉีดวัคซีนให้แก่นักท่องเที่ยวได้ประมาณ 300 คน/วัน โดยนักท่องเที่ยวที่สมัครใจรับบริการ สามารถวอล์กอินได้

ประชาชนต่อแถวรอรับหนังสือเดินทางและใบอนุญาตให้เดินทางไปฮ่องกง

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

ประชาชนต่อแถวรอรับหนังสือเดินทางและใบอนุญาตให้เดินทางไปฮ่องกง

จีนประกาศเปิดพรมแดนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เมื่อ 8 ม.ค. โดยอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศโดยไม่ต้องกลับไปกักตัว เช่นเดียวกับนักเดินทางจากต่างประเทศที่ไม่ต้องเข้าสู่มาตรการกักตัวภาคบังคับ

ตลอดสัปดาห์นี้ มีชาวจีนหลั่งไหลออกนอกประเทศ นอกจากเดินทางมาไทย นักท่องเที่ยวชาวจีนบางส่วนได้จองฉีดวัคซีนโควิด-19 ไว้ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง และมาเก๊า

โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในฮ่องกงเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มแรกเมื่อ 12 ม.ค.

โยโย เหลียง วัย 36 ปี ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่ง เป็นหนึ่งในลูกค้ากลุ่มแรกที่เข้ารับบริการที่ศูนย์การแพทย์เวอร์ตุส (Virtus Medical Centre) เธอยอมจ่ายเงิน 1,888 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 8,000 บาท) แลกกับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกในชีวิต

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เหลียงได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ของซิโนแวคจำนวน 3 เข็ม ซึ่งเป็นวัคซีนเชื้อตายที่พัฒนาในประเทศของเธอ แต่เธอกล่าวว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นของไฟเซอร์-ไบออนเทค (ชนิด mRNA) จะช่วยป้องกันตัวเองจากไวรัสได้ดียิ่งขึ้น

“การกลับมาเปิดพรมแดนใหม่ ยิ่งทำให้ฉันอยากไปฉีดวัคซีนมาก เพราะวัคซีนแบบนี้หาไม่ได้ในจีนแผ่นดินใหญ่” เหลียงกล่าวกับรอยเตอร์หลังฉีดวัคซีน

ซามูเอล ก๊วก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ของเวอร์ตุส กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ศูนย์การแพทย์ได้รับการสอบถามเรื่องวัคซีนมากกว่า 300 ครั้ง โดยคาดว่าจะมีลูกค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางมาที่ฮ่องกงมากขึ้นในไม่อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นภายในจีน ทำให้ปริมาณความต้องการรับวัคซีนเข็มกระตุ้นมีมากขึ้น

“เราเข้าใจว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้... แต่พวกเขาไม่สามารถรับวัคซีนได้ทันที ต้องรออย่างน้อย 3 เดือน” เธอกล่าว

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยผู้ป่วย

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ,

โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยผู้ป่วย

ด้านซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ส่วนหนึ่งเลือกเดินทางไปมาเก๊าเพื่อฉีดวัคซีน mRNA โดยมีโรงพยาบาลแห่งมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งมาเก๊า (Macau University of Science and Technology Hospital) เป็นสถานพยาบาลแห่งเดียวที่เปิดฉีดวัคซีน mRNA ให้แก่นักท่องเที่ยว ทว่าผู้จองคิวฉีดวัคซีนตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค. 2565 ยังคงต้องรอวัคซีนล็อตใหม่ที่จะมาถึงในเดือน ก.พ. 2566

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จำนวนชาวจีนที่เดินทางออกนอกประเทศเพื่อท่องเที่ยวและรับวัคซีนจะมากขึ้น ๆ

“ผมเชื่อว่าจุดหมายปลายทางแรกที่ชาวจีนจะไปเที่ยวเพื่อฉีดวัคซีนคือฮ่องกง จากนั้นก็จะขยายไปประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย สหรัฐฯ กระทั่งยุโรป” แซม รัดวาน ประธานบริษัทที่ปรึกษา Enhance International กล่าวกับซีเอ็นบีซี

กลางเดือน ธ.ค. 2565 มีประชาชนจีนราว 87% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส และ 54% ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้วัคซีนหลักที่ทางการจีนอนุมัติให้ฉีดให้แก่ประชากรของตัวเองเป็นวัคซีนสัญชาติจีนจากบริษัทซิโนแวคและซิโนฟาร์ม

ประเทศจีนมีประชากรราว 1.4 พันล้านคน ได้ยกเลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” เมื่อเดือนที่แล้ว หลังมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหญ่ได้กลายเป็นชนวนเหตุให้เกิดการประท้วงครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศเมื่อเดือน พ.ย. 2565 และล่าสุดจีนได้กลับมาเปิดพรมแดนอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ 8 ม.ค. 2566

ล่าสุดผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีจำนวนพุ่งสูงขึ้น จนบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขต้องทำงานอย่างหนัก

แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระหว่างประเทศคาดการณ์ว่า จะมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 อย่างน้อย 1 ล้านคนในปีนี้ แต่ทางการจีนรายงานตัวเลขเพียง 5,000 คนนับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครานาสายพันธุ์ใหม่เมื่อปลายปี 2562 ซึ่งถือเป็นสถิติการเสียชีวิตที่ต่ำที่สุดในโลก

จีนเผยยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด 60,000 คน ในเดือนเดียว

เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ทางการจีน เปิดเผยยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มีจำนวนราว 60,000 คน ภายในเดือนเดียว นับเป็นการรายงานยอดผู้เสียชีวิตครั้งแรกนับจากยุติการใช้นโยบายควบคุมการระบาดโควิดเป็นศูนย์

จีนถูกกล่าวหาเป็นวงกว้างจากการรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากโควิดต่ำกว่าความเป็นจริง แม้ว่าจะมีการเปิดเผยหลักฐานเกี่ยวกับการล้นของผู้ป่วยในโรงพยาบาล หรือกระทั่งเตาเผาศพที่ต้องรองรับผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ตัวเลขที่่ทางการจีนระบุ มีผู้เสียชีวิต 59,938 คน ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค. 2565 ถึง 12 ม.ค. 2566 ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุเกินกว่า 80 ปีขึ้นไป

ตัวเลขนี้แบ่งออกเป็น ผู้ที่เสียชีวิตจากสาเหตุของระบบทางเดินหายใจล้มเหลวอันเป็นผลจากจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และผู้เสียชีวิตจากโรคประจำตัวที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส จำนวน 54,435 คน โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าที่รายงาน เนื่องจากเป็นรายงานที่อ้างถึงตัวเลขที่รวบรวมมาจากสถานพยาบาลเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยปักกิ่ง เปิดเผยรายงานวิจัยที่ชี้ว่า มีผู้ติดเชื้อโควิดในจีนแล้วราว 900 ล้านคน หรือคิดเป็น 64% ของจำนวนประชากร รายงานผู้ติดเชื้อมีมากที่สุดในมณฑลกานซู 91% มณฑลยูนนาน 84% และมณฑลชิงไห่ 80%

อดีต ผอ.กองควบคุมโรคและนักระบาดวิทยาคนสำคัญของจีน เตือนว่า ยอดผู้ติดเชื้อจะทวีคูณมากขึ้นในเขตชนบทของจีนช่วงเทศกาลปีใหม่จีน โดยยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดจะกินเวลาไป 2-3 เดือน