แคนดิเดตนายกฯชื่อที่ 3 ของพรรคเพื่อไทย

ทาบ สมชัย  เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ เอไอเอส ลูกหม้อชินคอร์ป เข้าบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยคนที่ 3 หลังเปิดตัว แพทองธาร ชินวัตร คู่ เศรษฐา ทวีสิน 

แหล่งข่าวระดับสูงของพรรคเพื่อไทยเปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าที่จะเสนอชื่อผู้ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคครบ 3 ชื่อ โดยในขณะนี้ได้แล้ว 2 ชื่อ คือ  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายเศรษฐา ทวีสิน ส่วนชื่อที่ 3 ที่อยู่ระหว่างการพูดคุย คือ นายสมชัย  เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ซึ่งแหล่งข่าวบอกว่าเจ้าตัว “แบ่งรับ แบ่งสู้” 

“คุณสมชัยเป็นนักบริหารแนวหน้าของไทยในภาคธุรกิจ” แหล่งข่าวรายนี้ให้เหตุผลว่าทำไมจึงมีการทาบทามนายสมชัย และเสริมว่า ประเทศไทยในอนาคตไม่สามารถมีอดีตทหารที่มาจากการยึดอำนาจมาบริหารประเทศได้อีกต่อไป ต้องใช้คนที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาบริหารประเทศ 

แหล่งข่าวกล่าวว่า การเสนอชื่อ พรรคจะเสนอต่อสาธารณะทั้ง 3 ชื่อ โดยไม่เรียงลำดับก่อนหลัง ส่วนผลการพูดคุยกับนายสมชัย “ในขณะนี้ ยังไม่สรุป”  

แพทองธาร, เศรษฐา ออกงานคู่ครั้งแรก

ข่าวการทาบทามนายสมชัย มีขึ้นหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมนายเศรษฐา ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และเป็นบุคคลที่ถูกคาดหมายว่า จะเป็น 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ร่วมลงพื้นที่ในย่านเยาวราชพร้อมกันเป็นครั้งแรก ยกคณะชุดใหญ่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต กรุงเทพมหานครของพรรคเพื่อไทยหลายคนลงพื้นที่ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เนื่องในวันตรุษจีน และพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจในย่านไชนาทาวน์ของเมืองหลวง 

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์สื่อว่าจะมาช่วย น.ส. แพทองธารดูเรื่องเศรษฐกิจ จะนำเสียงสะท้อนที่ได้จากการพูดคุยกับนักธุรกิจ-ประชาชน ไปปรับเป็นนโยบายให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่ไม่ตอบแบบชัด ๆ เรื่องเป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกฯ โดยบอกแต่ว่าขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาช่วยด้านเศรษฐกิจ และบอกชัดว่า มีความปรารถนาที่อยากจะให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเยอะที่สุด

คนไว้ใจที่ใกล้ตัว

หากนายสมชัยตอบรับ เขาจะเป็นลูกหม้ออีกคนของเครือชินคอร์ป ที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อตั้ง และเคยร่วมงานทางธุรกิจ ดึงมาทำงานทางการเมือง ไม่นับเครือญาติ ตั้งแต่น้องเขย น้องสาวคนเล็ก และล่าสุด ลูกสาวคนเล็ก 

ลูกหม้อเครือชิน ที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงหลายตำแหน่ง คือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (เดิมชื่อ นิวัฒน์ บุญทรง) ที่เป็นอดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี, อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย, อดีตประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) และอดีตรองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายภาพลักษณ์ และกิจกรรมสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) 

ลูกหม้อชิน

1 กรกฎาคม 2557 นายสมชัย เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของเอไอเอส ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจโทรศัพท์มือถือที่รุนแรง เพราะเพิ่งผ่านการประมูลคลื่น 3 จี มาเพียงปีเดียว และอยู่ในช่วงชิงลูกค้าจากดีแทค และทรูมูฟ และไม่เพียงแค่นั้น ยังต้องเตรียมตัวเพื่อช่วงชิงคลื่น 4 จี ด้วย 

สิงคโปร์เทเลคอม หรือ สิงเทลในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่เอไอเอสในขณะนั้นเลือกเขาเข้ารับตำแหน่งจากผู้สมัครหลายสิบคน เป็นลูกหม้อที่ทำงานที่เอไอเอส และกลุ่มชินคอร์ปมานานกว่า 20 ปี ผ่านตำแหน่งสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรหลายด้าน เช่น งานด้านรัฐกิจสัมพันธ์ และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด 

“ถ้าคนธรรมดาอย่างผมที่พ่อแม่ไม่ได้รวย นามสกุลไม่ดัง สามารถประสบความสำเร็จได้ แล้วทำไมคนอื่นจะทำแบบนี้บ้างไม่ได้” ประโยคที่นายสมชัยเคยกล่าวไว้ จากชายคนหนึ่งที่เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานขายในบริษัทคอมพิวเตอร์มาเป็นผู้บริหารสูงสุดของเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายอันดับ 1 ของไทย  

เขาเรียบจบด้านวิชาสถิติจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วเริ่มทำงานตั้งแต่ปี 2527 ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่พัฒนาโปรแกรมและวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์ให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ “ที่งานหนักมาก” ถึงขั้นกินนอนในที่ทำงาน พร้อมกับการเรียนปริญญาโทด้านการตลาดที่จุฬาฯ ไปด้วย 

หลังได้รับเอ็มบีเอ เขาลาออกจากสายงานธนาคารแล้วมุ่งหน้าเข้าสู่กลุ่มชินคอร์ปในปี 2533 ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (มหาชน)

นับแต่นั้น เขาก็ทำงานในกลุ่มชินคอร์ป - เอไอเอส มาตลอดจนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 34 

28 กันยายน 2563 เอไอเอสเปิดตัวหนังสือ “30 ปี เอไอเอส…ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา” หนังสือเล่มใหม่ที่ออกมาในวาระครบรอบ 30 ปีการก่อตั้งเอไอเอส โดยมี นายสมชัย เป็นผู้เขียน 

“ความภาคภูมิใจของชาวเอไอเอสตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นอกจากสร้างดิจิทัลอินฟราสตรักเจอร์ให้แก่คนไทยแล้ว ยังได้ส่งมอบเงินให้กับภาครัฐต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง มูลค่ากว่า 915,000 ล้านบาท…ยังไม่รวมการลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท และการจ้างพนักงานมาทำงานร่วมกับบริษัทตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันกว่า 50,000 คน…” นายสมชัยเขียนไว้ตอนต้นของหนังสือ 

1 ก.ค. 2565 ในโอกาสรับตำแหน่งซีอีโอครบ 8 ปี นายสมชัย โพสต์ข้อความทางบัญชีเฟซบุ๊ก พูดถึง 3 ความล้มเหลว และ 3 ความสำเร็จ และพูดถึงอนาคตของเขาและองค์กร

“ผมขอยืนยันว่า แม้ผ่านมาแล้วถึง 8 ปี ผมยังมีพลังอย่างเต็มที่ ที่จะก้าวเดินต่อไป จนกว่า successor [ผู้สืบทอดตำแหน่ง ] ผมจะรับช่วงต่อได้ ผมและพนักงานกว่า 13,000 ชีวิต พร้อมจะช่วยกัน พัฒนา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลประเทศให้อย่างดีที่สุดต่อไป”

บีบีซีไทย สอบถามเรื่องนี้ไปที่นายสมชัยถึงข่าวการทาบทาม ได้รับคำชี้แจงว่า  “ตอนนี้ ผมยังไม่สนใจเรื่องการเมือง ยังทำงานเป็น CEO-AIS อยู่ครับ ขอบคุณครับ” 

ทักษิณ ย้ำอีกครั้ง "กลับแน่"

ช่วงค่ำของ 24 ม.ค. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน กล่าวผ่านทาง "CareTalk x CareClubHouse : มีเรื่องคาใจ ก็ถามมาเลอ !" จากกรุงลอนดอน ประกาศว่าเขาพร้อมกับบ้านแล้ว "อยู่เมืองนอกมานาน"

"ยังไงก็จะกลับ อยู่เมืองนอกมานานแล้ว... กลับไปโดยไม่อาศัยพรรคไหน...ไม่มีเกี้ยเซียะกับพลังประชารัฐแน่นอน" นายทักษิณประกาศอีกครั้งทางคลับเฮาส์ หลังจากที่เขาเคยประกาศมาแล้วเมื่อ ช่วง ก.ค. และ ต.ค. ปีที่แล้ว

"ไม่ต้องกังวลผม ไม่มีการออกกฎหมายใดใด ผมช่วยตัวเองได้ อาศัยหัวใจตัวเอง ผมจะบอกเองว่ากลับเมื่อไร...รอฟังน้องอิ๊ง (แพทองธาร) ประกาศอีกครั้ง... กลับแน่ ปีนี้ 74 อยากเลี้ยงหลาน"

เมื่อ 26 ต.ค. เฟซบุ๊ก CARE แคร์ คิด เคลื่อน ไทย ได้เผยแพร่ การพูดคุยกับ นายทักษิณ ชินวัตร หรือ โทนี่ วู้ดซัม ในรายการ CareTalk Care Clubhouse หัวข้อ พวกเธอมานี่ 'พี่โทนี่' จะรีวิวหนังสืออออออ!! ตอนหนึ่งว่า “ตอนนี้ผมเป็นคุณปู่ป้ายแดงแล้ว มีหลาน 6 คน เลยอยากกลับไปเลี้ยงหลาน ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงเวลาแล้ว กลับแน่”