ชุมนุม 29 ส.ค.: ณัฐวุฒิ-บก.ลายจุดเผยเตรียมต่อยอดคาร์ม็อบ ยกระดับขับไล่ประยุทธ์ หลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ผู้จัดกิจกรรม "คาร์ม็อบ คอลเอาท์" ย้ำภารกิจขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังไม่จบ แม้ว่ากิจกรรมนัดชุมนุมใหญ่วันนี้ (29 ส.ค.) จัดคาราวานใน 3 จังหวัดจะสิ้นสุดลง เตรียมยกระดับอีกครั้งในวันที่ 2 ก.ย. หลังศึกอภิปรายไม่ไว้ใจรัฐบาล

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่รู้จักกันในนาม บก. ลายจุด ผู้ริเริ่มกิจกรรม "คาร์ม็อบ" มาแล้ว 4 ครั้งเปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า หากพิจารณาสรุปและทบทวนกิจกรรมที่เคยดำเนินการมาในเชิงเป้าหมาย ถือว่าได้รับการตอบรับได้ดี โดยเฉพาะการรับรู้เป็นวงกว้าง การสร้างกิจกรรมเป็นวงกว้างในหลายกลุ่มการเมือง แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางอย่างเช่นกัน

สำหรับกิจกรรม "คาร์ม็อบ คอลเอาท์ (Car Mob - Call Out)" ที่จะจัดขึ้นในวันนี้ (29 ส.ค.) ถือเป็นครั้งที่ 5 ของนายสมบัติ และครั้งที่ 2 ที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) และอดีตแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเข้าร่วมในกิจกรรม

เหตุใดต้องเป็น ยุทธวิธีคาร์ม็อบ

นายสมบัติอธิบายถึงสาเหตุของการใช้รูปแบบการชุมนุมในลักษณะ "คาร์ม็อบ" ว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์บนพื้นฐานของความปลอดภัยของผู้ชุมนุมในภาวะที่มีโรคระบาดอย่างโควิด-19 ที่สามารถร่วมกิจกรรมขับไล่พล.อ. ประยุทธ์ ได้โดยที่ยังรักษาระยะห่างทางสังคม และเปิดกว้างสำหรับผู้ที่สนใจที่มีรถยนต์เข้ามาร่วมขบวนได้ง่าย ในขณะที่การเคลื่อนขบวนไปตามท้องถนนยังทำให้การบริหารจัดการได้สะดวก

"ด้วยการขับเคลื่อนแบบสันติวิธีและข้อเสนอมีเหตุมีผลที่ชัดเจนคือ การขับไล่ผู้นำรัฐบาลที่ล้มเหลวในการบริหารวิกฤตโควิด-19 แต่เน้นความสนุกสนาน ความสวยงามของขบวน ทำให้ภาพที่ออกมากระตุ้นให้มีผู้สนใจเข้าร่วมและขยายรูปแบบไปยังหลายพื้้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดมากขึ้น" นายสมบัติกล่าว

นอกจากกลุ่มของนายณัฐวุฒิ ที่เข้าร่วมในกิจกรรมคาร์ม็อบนี้แล้ว ยังมีกลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเยาวชนอีกหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มราษฎร กลุ่มทะลุฟ้า รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายในต่างจังหวัด โดยในวันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา มีมวลชนแนวร่วมกว่า 30 จังหวัดในภาคต่าง ๆ ร่วมจัดกิจกรรม "คาร์ม็อบ" คู่ขนานด้วย

นายสมบัติ อธิบายเพิ่มเติมอีกว่า นี่เป็นเรื่องยุทธวิธีการเคลื่อนไหวทีละลำดับ ด้วยข้อเสนอข้อเดียว ข้อเสนอระดับที่หนึ่งคือการเคลื่อนไหวไล่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นลำดับที่ 1 ที่แสวงหาแนวร่วมมากขึ้นก่อนยกระดับไปสู่เป้าหมายลำดับถัดไป

สื่อสาร-ประสานงานทุกกลุ่มต้องชัดเจน

แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกมาเตือนทุกครั้งก่อนการจัดกิจกรรมว่า การชุมนุมในช่วงพ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 มีผลบังคับ เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีเพราะฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขณะที่หลายครั้งที่การชุมนุมลงเอยด้วยการสลายการชุมนุม แต่สิ่งที่ผู้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบพยายามเน้นคือ สันติวิธี และการสื่อสารประสานงานกับทุกกลุ่มให้ชัดเจน

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การประกาศรูปแบบ เป้าหมาย ต้องมีความชัดเจน เข้าใจตรงกันทุกฝ่าย ทั้งผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป เส้นทางที่ต้องหลีกเลี่ยงเพื่อลดการเผชิญหน้า ใช้การพูดคุยโดยเปิดเผยกับเจ้าหน้าที่จะทำให้ดำเนินกิจกรรมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การสื่อสารที่ชัดเจน การปฏิบัติที่สอดรับกับสิ่งที่สื่อสารออกไป

นายสมบัติกล่าวว่า การจัดกิจกรรมจะต้องไม่ก่อให้เกิดความกังวลหรือเจ้าหน้าที่รู้สึกกดดันหรือลำบากใจจนเกินไป ในขณะที่พวกเขาทำหน้าที่อำนวยความสะดวกเพื่อให้กิจกรรมสามารถบรรลุไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า การจัดงานที่ผ่านมายังมีข้อจำกัดอยู่ อย่างวันที่ 1 ส.ค. ที่ไม่สามารถจัดการผู้ร่วมงานบางส่วนที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ จนทำให้เกิดสมรภูมิดินแดงขึ้น

"หนทางสำคัญคือ ประชาชนต้องชนะทางการเมืองด้วยสันติวิธี การใช้กำลังของรัฐต่อการต่อสู้ทางการเมืองด้วยสันติวิธี จะเป็นการลดทอนความชอบธรรมของรัฐ และทำให้การเคลื่อนไหวของประชาชนมีความชอบธรรมมากขึ้น ดังนั้น อย่ากลายเป็นเหยื่อที่รัฐใช้กำลังต่อเรา" นายสมบัติกล่าวส่งสารถึงเยาวชนกลุ่มดังกล่าว

การต่อสู้อีกยาวไกล-ภารกิจยังไม่เสร็จสิ้น

กิจกรรมคาร์ม็อบคอลเอาท์ในวันนี้ (29 ส.ค.) จะเป็นการจัดในรูปแบบคาร์ม็อบครั้งสุดท้ายก่อนจะยกระดับเป็นการชุมนุมใหญ่ในช่วงต้นเดือนก.ย. เพื่อแสดงพลังไม่ไว้วางใจ และขับไล่พล.อ. ประยุทธ์ ออกจากตำแหน่ง

นายณัฐวุฒิระบุว่า รูปแบบการจัดกิจกรรมในวันนี้ จะเน้นเนื้อหา สาระ สีสัน การมีส่วนร่วม และจะมีการประกวดป้ายข้อความในขบวน การประกวดภาพถ่ายและคลิปวิดีโอ ช่างภาพอิสระสมัครเล่น ประกวดกองเชียร์สองข้างทาง ไปพร้อมกับการปราศรัยและกิจกรรมทางสื่อออนไลน์ ตลอดระยะทาง 50 กิโลเมตร

โดยมีจุดนัดพบที่อุโมงค์ทางลงแยกเกษตร มุ่งหน้าวิภาวดี เวลา 14.00 น. และเคลื่อนขบวนในเวลา 15.00 น. มุ่งหน้าถนนงามวงศ์วาน แคราย สะพานพระนั่งเกล้า ท่าอิฐ วนสะพานยกระดับไปตามถนนราชพฤกษ์ ถนนชัยพฤกษ์ สะพานพระราม4 ห้าแยกปากเกร็ด ถนนติวานนท์ ผ่านสวนสมเด็จ ไปสุดทางที่ลานเทพปทุม หน้าศาลากลางจังหวัดปทุมธานีหลังเก่า คาดว่าจะยุติการชุมนุมภายในเวลา 18.30 น.

ด้านนายสมบัติกล่าวยอมรับว่า การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ง่าย แต่นี่จะเป็นการสะสมกำลังเพื่อเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ หากสามารถสะสมมวลชนให้กว้างขวางขึ้น และสามารถสร้างวัฒนธรรมภายในขบวนที่แข็งแกร่งขึ้น นี่จะกลายเป็นองค์กรสำคัญในอนาคต

"เราคาดหวังว่า ชุมนุมใหญ่ที่จะจัดขึ้นหลังจากวันนี้ (29 ส.ค.) จะเป็นในรูปแบบการลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐบาล หากเสียงประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่เสียงในสภา บรรดาส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลยังสนับสนุน จะนำไปสู่เงื่อนไขสำคัญในการจัดการชุมนุมใหญ่ ในพื้นที่ต่าง ๆ ในต่างจังหวัด" เขากล่าว

ควรเคารพ "พลังของคนหนุ่มสาว"

เมื่อสอบถามถึงการขับเคลื่อนทางการเมืองของกลุ่มคนรุ่นใหม่เปรียบเทียบกับกิจกรรมคาร์ม็อบ นายณัฐวุฒิ ซึ่งเคยประกาศยืนเคียงข้างขบวนการนักเรียนและนักศึกษาเล่าว่า ในการเคลื่อนขบวนมวลชน "ไม่มีสูตรสำเร็จ" เพราะที่ผ่านมาเขาก็เรียนรู้หลายอย่างจากคนรุ่นนี้ และคาดว่าพวกเขาก็อาจจะกำลังสังเกตการณ์เกี่ยวกับการขับเคลื่อนที่เขาและบก.ลายจุดดำเนินการอยู่ด้วยก็ได้

"การต่อสู้หลัก ๆ ควรจะเป็นพลังหนุ่มสาว คนรุ่นผมน่าจะเป็นคนคอยให้กำลังใจ การสนับสนุนที่เป็นประโยชน์ทำได้เติมเต็มพวกเขา" อดีตแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวย้ำและว่า

"เราปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ว่า ทุกสังคมประเทศไม่ได้อยู่นอกเหนือความเปลี่ยนแปลงและความเปลี่ยนแปลงไม่ได้หมายถึงอันตรายหรือการทำลายกันและกันเสมอไปผมคิดว่าเสียงที่ดังจากคนหนุ่มสาว เป็นเรื่องที่ทุกกลุ่มรับฟังและทำความเข้าใจ เราปฏิเสธข้อเท็จจริงนี่้ไม่ได้"

ขณะที่บก. ลายจุดแนะรัฐบาลว่า ควรลดเงื่อนไขการปะทะ อันนำไปสู่การสูญเสียของเยาวชนคนรุนใหม่ และรัฐควรเปิดพื้นที่ในการรับฟังความคิดเห็นของพวกเขา