กปปส. : สำรวจกลกฎหมาย เกมการเมือง หลังศาลสั่งจำคุกสุเทพกับพวก
- Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
- Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
คำพิพากษาของศาลอาญาให้จำคุกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" (กปปส.) รวม 26 คน เป็นเวลาตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 9 ปี 24 เดือน ในคดีชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่างปี 2556-2557 สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างไม่อาจปฏิเสธ และกลายเป็นไฟลต์บังคับให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งในฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
บีบีซีไทยรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อชี้ให้เห็นฉากทัศน์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นมาไว้ ณ ที่นี้
เล็งปรับ ครม. "ประยุทธ์2/3" หลังเก้าอี้ รมต. ว่าง 3 ตำแหน่ง
คำพิพากษาจำคุกแกนนำ กปสส. ทำให้ 3 รัฐมนตรีจาก 2 พรรคการเมือง ตกเก้าอี้พร้อมกันทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 160(7) และมาตรา 170(4) ที่กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรีเอาไว้ว่าต้อง "ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด" ประกอบด้วย
- นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ถูกสั่งจำคุก 7 ปี
- นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ถูกสั่งจำคุก 6 ปี 16 เดือน
- นายถาวร เสนเนียม รมช. คมนาคม ถูกสั่งจำคุก 5 ปี
สำหรับรัฐมนตรีทั้ง 3 คนเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่เริ่มรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในสมัยที่ 2 ซึ่งในส่วนของนายพุทธิพงษ์และนายณัฏฐพลมาในโควตากลุ่ม "สามทหารเสือ กปปส." ที่ร่วมบุกเบิก-ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2561 และดูแล ส.ส.กทม. บางส่วน ขณะที่นายถาวรมาในโควตาภาคใต้ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
ย้อนกลับไปในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล "ประยุทธ์2/1" มี 6 พรรคการเมืองจากรัฐบาลผสม 19 พรรค ที่ส่งคนของตนไปร่วมวงฝ่ายบริหารได้สำเร็จ ภายใต้สัดส่วน 3-7 ส.ส. ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี โดย พปชร. มี ส.ส. วันเปิดสภา 116 เสียง ได้โควตารัฐมนตรีไป 18 คน (รวมโควตากลางของนายกฯ ด้วย คิดเป็นสัดส่วน 6.4 ส.ส. ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี) ส่วน ปชป. มี ส.ส. 53 เสียง ได้โควตารัฐมนตรีไป 7 คน 8 ตำแหน่ง (คิดเป็นสัดส่วน 7.5 ส.ส. ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี) เท่ากับโควตาของพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
ทว่า 2 ปีผ่านไป จากเคยเป็นรัฐบาล "เสียงปริ่มน้ำ" 254 ต่อ 245 เสียง ก็มีมือในสภาเพิ่มขึ้นเป็น 276 ต่อ 211 เสียง โดย พปชร. มีผู้แทนฯ เพิ่มขึ้นเป็น 121 เสียง ภท. เบียดมาเป็นพรรคอันดับสองของรัฐบาลด้วยยอด ส.ส. 61 เสียง ส่วน ปชป. ลดเหลือ 51 เสียง จึงไม่แปลกหากจะเกิดความเคลื่อนไหวทั้งบนดิน-ใต้ดิน เพื่อเปิดฉากช่วงชิงเก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาล "ประยุทธ์ 2/3" โดยมีพรรคเล็กและพรรคจิ๋วที่เกาะกลุ่มกันอยู่ขอโดดมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสมการปรับ ครม. ด้วย
- กปปส. : 3 รมต. ในรัฐบาลประยุทธ์ พ้นตำแหน่งทันที หลังศาลสั่งจำคุกคดี กปปส. แต่หลุดข้อหากบฏ
- “ม็อบนกหวีด” กับ 4 เรื่องหลังฉาก กปปส.
- สุเทพ: "สิ่งที่ดีที่สุดภายใต้ความเป็นไปได้คือ พล.อ.ประยุทธ์"
- สุเทพ-ทักษิณ ครบ 70 ปี พวกเขาจะอยู่ในการเมืองไทยไปอีกนานแค่ไหน
- พลังประชารัฐ : พล.อ.ประวิตรนั่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ทำภารกิจ “สลายมุ้งการเมือง” เป็น “ศูนย์รวมจิตใจ” สมาชิกพรรค
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โยน พปชร. ให้ไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำอย่างไรกับตำแหน่งที่ขาดหายไป มีข้อตกลงอย่างไร จากนั้นนายกฯ จะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าจะให้ใครดำรงตำแหน่งอะไร จำเป็นต้องปรับส่วนอื่นหรือต้องสลับตำแหน่งกันบ้างหรือไม่
พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า พปชร. ยอมรับว่าต้องมีการปรับ ครม. แต่ขึ้นอยู่กับนายกฯ ในการพิจารณา พร้อมส่งสัญญาณริบโควตาคืนจาก กปปส.
"โควต้า กปปส. ที่ไหนเล่า...โควต้าพลังประชารัฐ เขา (พุทธิพงษ์,ณัฏฐพล) อยู่พรรคพลังประชารัฐ" พล.อ. ประวิตรกล่าวเสียงดัง หลังผู้สื่อข่าวยิงคำถามใส่ว่าเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างลงจะยังเป็นโควตาของกลุ่ม กปปส. หรือไม่
ส่วนที่มีกระแสข่าวปรากฏตามหน้าสื่อว่า 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ (รมช.) คาดหวังจะขยับชั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ (รมว.) มีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ หัวหน้า พปชร. ชิงดับฝันคนเหล่านี้โดยบอกว่า "ผมไม่เสนอ ผมไม่เสนอใครทั้งนั้น"
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้า ปชป. ระบุว่า นายกฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณปรับ ครม. พร้อมยืนยันไม่รู้สึกกังวลกับกระแสข่าวพรรคการเมืองอื่นต่อรองขอโควตารัฐมนตรีเพิ่ม
"ตามหลักการควรจัดสรรโควตารัฐมนตรีเท่าเดิม เหมือนตอนที่ขอร่วมรัฐบาล" หัวหน้า ปชป. กล่าวดักคอและพูดต่อไปว่า แต่หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ เพราะนายกฯ จะเป็นผู้พิจารณา
แต่ในระหว่างยังไม่มีการปรับ ครม. ก็จะมีรัฐมนตรีทำหน้าที่รักษาราชการแทน 3 ตำแหน่งที่ว่างลงเพื่อไม่ให้การปฏิบัติราชการต้องสะดุดหยุดลง ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม. เมื่อ 19 ก.ค. 2562
- คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ รักษาราชการแทน รมว.ศึกษาธิการ
- นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม รักษาราชการแทน รมว.ดีอีเอส
จ่อเลื่อนปาร์ตี้ลิสต์ ปชป. กับ พปชร. เป็น ส.ส. หน้าใหม่
คำพิพากษาของศาลอาญายังสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ของจำเลย 7 คน ที่ถูกสั่งลงโทษในความผิดฐานร่วมกันกระทำการใดโดยไม่มีอำนาจโดยกฎหมายเพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้สิทธิได้ ในจำนวนนี้มีอยู่ 3 คนที่เป็น ส.ส. ในปัจจุบัน ส่งผลให้พวกเขาขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 96(2) และ 101 ที่ให้พ้นจาก ส.ส. "อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่" ประกอบด้วย
- นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.
- นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป.
- นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร ปชป.
ถึงขณะนี้จึงมีความชัดเจนแล้วว่าจะมีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ของ พปชร. และ ปชป. จะได้เลื่อนขึ้นมาเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ หลังผ่านมาเกือบครึ่งเทอมของสภาชุดที่ 25
- นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 26 ปชป. ได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส. หน้าใหม่แทนนายอิสสระ ทั้งนี้นายจักพันธ์ หรือ ส.จ.เซ้ม เป็นหลานชายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการ ปชป. และยังเป็นเจ้าของฟาร์มไก่ชน "โกเซ้มฟาร์ม" ที่น่าสนใจคือนายจักพันธ์เคยหลุดเข้าสภา-ได้ทำหน้าที่ ส.ส. มาแล้ว 1 วัน หลังกล่าวปฏิญาณตนกลางสภาเมื่อ 22 ม.ค. 2563 ก่อนจำต้องลุกจากเก้าอี้ในวันรุ่งขึ้น เปิดทางให้ ส.ส. พรรคจิ๋วเข้ารั้งตำแหน่งแทน เนื่องจากแพ้คะแนนปัดเศษตามสูตรคำนวณ ส.ส. ระบบจัดสรรปันส่วนผสม หลังมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.จันทบุรี
- นายยุทธนา โพธสุธน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 21 พปชร. หลานชายนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส. แทนนายณัฏฐพล
ขณะที่ ส.ส.ชุมพร เขต 1 ที่ว่างลงเพราะนายชุมพลถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อม โดยเสนอให้ ครม. ตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้ง ส.ส. แทนตำแหน่งที่ว่างลงต่อไป
ทว่ากว่า ส.ส. หน้าใหม่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ น่าจะเป็นช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ตามคำเปิดเผยของนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภา ซึ่งระบุว่า ส.ส. ต้องกล่าวปฏิญาณตนต่อที่ประชุมแห่งสภาที่ตนสังกัด จึงไม่สามารถดำเนินการได้ในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญที่จะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3
รอความชัดเจนสถานะ ส.ส. ของ "พุทธิพงษ์-ถาวร"
แต่สำหรับเก้าอี้ที่ยังมีปัญหาคลุมเครือทางข้อกฎหมายและรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตีความให้ชัดเจน หนีไม่พ้น เก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกตัวของ พปชร. และเก้าอี้ ส.ส.สงขลา เขต 6 ของ ปชป. แม้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กับนายถาวร เสนเนียม ตกเก้าอี้รัฐมนตรีแน่นอนแล้วหลังต้องโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาล แต่ทั้งคู่ไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตามคำสั่งศาลเหมือนจำเลยอีก 7 ราย ทำให้นักกฎหมายหลายคน แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ก็ยังไม่กล้าฟันธงว่าใครเข้าข่ายหลุดจากเก้าอี้ ส.ส. บ้าง
รัฐธรรมนูญกำหนดให้สมาชิกภาพความเป็น ส.ส. สิ้นสุดลงตามมาตรา 101(13) เมื่อ "ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก" ซึ่งคำตัดสินของศาลอาญาถือเป็นเพียงศาลชั้นต้น ทว่านายพุทธิพงษ์ และนายถาวร เป็น 1 ใน 8 แกนนำ กปปส. ที่ต้องเข้าไปนอนในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ค่ำวานนี้ (24 ก.พ.) ระหว่างทำเรื่องขอประกันตัวในชั้นศาลอุทธรณ์ จึงกลายเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้เป็น ส.ส. ตามมาตรา 98(6) ที่ระบุว่า "ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย"
"โดยหลัก จำคุกก็ยังไม่ถึงที่สุด สิทธิเลือกตั้งก็ไม่ได้ถูกเพิกถอน ฉะนั้นจึงยังไม่พ้นจากการเป็น ส.ส. แต่ก็จะมีเหตุอื่นแทรกเข้ามา หากถูกจำคุกตามคำพิพากษา โดยหมายของศาลให้จำคุก ก็จะพ้นจากการเป็น ส.ส." นายวิษณุกล่าว
ต่างจากความเห็นของนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ที่ว่า เมื่อไม่ได้ประกันตัวสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ก็ต้องหมดไป ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ที่ กกต. จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
สำหรับประเด็นที่จะเป็นเครื่องชี้ขาดว่า 2 ส.ส. รัฐบาลพ้นจากสถานภาพหรือไม่คือพวกเขาถูก "จำคุกโดยหมายของศาล" หรือ "เป็นการควบคุมตัวธรรมดา" ตามที่นายวิษณุตั้งประเด็นไว้
เกี่ยวกับเรื่องนี้มือกฎหมายของ พปชร. ผู้ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อ บอกกับบีบีซีไทยว่า นายพุทธิพงษ์และนายถาวรถูกจำคุกโดยหมายขังของศาล จึงต้องพ้นจากสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ตามมาตรา 98(6) และ 101(6) แม้คดียังไม่ถึงที่สุดก็ตาม โดยเทียบเคียงได้กับบรรทัดฐานในคดีนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ถูกศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาลงโทษประหารชีวิตในคดีจ้างวานฆ่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2562 และให้คุมขัง ส.ส. รายนี้ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของเขาสิ้นสุดลงตามมาตรา 101(6) และ 98(6)
หากมีความชัดเจนว่านายพุทธิพงษ์และนายถาวรพ้นจากสมาชิกภาพ ก็จะทำให้ กกต. ต้องจัดการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 แทนนายถาวร ขณะเดียวกัน นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 22 พปชร. ก็จะได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส. ของพรรคแกนนำรัฐบาลอีกคน