ทหารกะเหรี่ยงกับเมียนมาปะทะบานปลายถึงตัวเมืองกอกาเลก ในขณะที่ไทยยังส่งผู้ลี้ภัยกลับฝั่งเมียนมา

ค่ายผู้ลี้ภัย

ที่มาของภาพ, Getty Images

คำบรรยายภาพ, ผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงที่ถูกผลักดันกลับไปฝั่งเมียนมาตั้งค่ายชั่วคราวที่ริมแม่น้ำเมยตรงแนวชายแดนไทย-เมียนมา เพื่อง่ายต่อการหลบหนีหากมีเหตุปะทะอีก

วันนี้ (2 ม.ค. 65) ผู้สื่อข่าวในท้องที่รายงานข่าวมาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก ถึงสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กับฝ่ายทหารเมียนมา บริเวณชายแดนไทย-เมียนมาด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก ล่าสุดว่า ฝ่ายทหารเคเอ็นยู ร่วมกับกำลังพิทักษ์ประชาชน(พีดีเอฟ) เข้าโจมตีทหารรัฐบาลเมียนมา กองพล 11 ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่บนฐานที่มั่น ชานเมืองกอกาเลก รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.แม่สอด ไปประมาณ 65 กิโลเมตร

เหตุการณ์ประทะดังกล่าวทำให้มีทหารเมียนมาเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บหลายราย จนต้องทิ้งอาวุธและล่าถอยไป ส่วนกองกำลังฝ่ายเคเอ็นยู ได้ยึดอาวุธ และกระสุนปืนนานาชนิด

นี่นับว่าเป็นปฏิบัติติการทางทหารที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ฝ่ายทหารเมียนมายึดหมู่บ้านเลเตอก่อ ตรงข้ามบ้านดอนชัย ต.แม่ตาว อ.แม่สอดได้ อย่างไรก็ตาม การสู้รบที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขตประเทศไทย

ด้านศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตาก ออกเอกสารข่าวระบุว่า ถึงสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้านตรงข้าม จ.ตาก ระหว่างเวลา 06.00 น.-18.00น. วันที่ 1 ม.ค. 65 ว่าไม่มีการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยงแต่อย่างใด และในขณะนี้ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนในบริเวณชายแดนไทย

นอกจากนี้ ศูนย์สั่งการชายแดนฯ ยังได้รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการส่งผู้ลี้ภัยจากพื้นที่ปลอดภัยบริเวณคอกวัวเมยโค้ง บ้านห้วยมหาวงศ์ ต. มหาวัน อ.แม่สอด จำนวน 240 คน กลับไปภูมิลำเนาฝั่งเมียนมาด้วยความสมัครใจ และในขณะนี้ยังคงมีผู้ลี้ภัยเหลือค้างอีกจำนวน 3,044 คน

สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี

ที่มาของภาพ, สมจิต รุ่งจำรัสรัศมี

คำบรรยายภาพ, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด จังหวัดตาก ระบุเมื่อ 31 ธ.ค. ว่า ได้ส่งผู้ลี้ภัยที่เดินทางกลับไป "ด้วยความสมัครใจ" จำนวน 790 คน

ก่อนหน้านี้ กองทัพภาคที่ 3 ประกาศ "โต้ตอบทันที หากมีกองกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตยประเทศไทย" หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด จังหวัดตาก ระบุว่า ได้ส่งผู้ลี้ภัยที่เดินทางกลับไป "ด้วยความสมัครใจ" จำนวน 790 คน หลังการปะทะระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงสงบลงชั่วคราว

หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 อ.แม่สอด จังหวัดตาก ระบุเมื่อ 31 ธ.ค. ว่า ได้ส่งผู้ลี้ภัยที่เดินทางกลับไป "ด้วยความสมัครใจ" จำนวน 790 คน โดยใช้เรือหางยาวโดยสารข้ามแม่น้ำเมยไปฝั่งเมียนมาบริเวณเมยโค้ง บ้านห้วยมหาวงศ์ ตำบลมหาวัน ในจำนวนนี้มีเด็ก 206 คน และผู้ลี้ภัยส่วนมากเป็นผู้หญิง หลังการสู้รบระหว่างทหารของรัฐบาลเมียนมาและกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงสงบลงชั่วคราว

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา การปะทะระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงมีกระสุนตกข้ามมาฝั่งไทยหลายครั้ง และมีผู้อพยพหลายพันคนข้ามมาไทย

ส่วนโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย แถลง เรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมาหาทางแก้ไขความขัดแย้งด้วยการพูดจาหารือกัน เพื่อยุติการปะทะโดยเร็วที่สุด

ด้านกองกำลังผสมทหารกะเหรี่ยงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กับกองกำลังพิทักษ์ประชาชน ได้ปฏิบัติการทางทหารเข้าโจมตีทหารเมียนมา ในหมู่บ้านเลเตอก่อ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมาตรงข้ามบ้านดอนชัย ตำบลแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อช่วงเช้าวันที่ 30 ธ.ค. จับกุมทหารเมียนมาและอาวุธได้จำนวนหนึ่ง

KNU handout

ที่มาของภาพ, KNU handout

คำบรรยายภาพ, ทหารเมียนมาที่ถูกทหารกะเหรี่ยงจับหลังการปะทะเมื่อ 30 ธ.ค.

"โต้ตอบทันที"

กองทัพภาคที่ 3 ของไทย แถลงเมื่อ 30 ธ.ค. ว่า ระหว่าง 16 - 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันหลายครั้ง ระหว่างทหารเมียนมา กับ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (Karen National Liberation Army : KNLA) กองพลน้อยที่ 6 ในพื้นที่บ้านเลเก้ก่อ จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ด้านตรงข้าม ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก กองทัพภาคที่ 3 โดย กองกำลังนเรศวร ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมประชาชนในพื้นที่ ได้เพิ่มการลาดตระเวนเดินเท้าพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด ตลอด 24 ชั่วโมง และการลาดตระเวนยานยนต์ เพื่อเฝ้าตรวจ และดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่ "โดยพร้อมดำเนินการโต้ตอบทันที หากมีกองกำลังต่างชาติรุกล้ำอธิปไตยประเทศไทย"

กองกำลังนเรศวร โดย หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 จัดกำลังพล ร่วมกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ให้ความช่วยเหลือปรับปรุงหลุมหลบภัยให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมน้ำเมย บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จำนวน 50 หลุม (50 ครอบครัว) เพื่อเตรียมความพร้อม หากเกิดเหตุการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนไทยในพื้นที่ และร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลพบพระ พร้อมด้วยประชาชน ให้ความช่วยเหลือ และซ่อมแซมบ้านเลขที่ 155/1 บ้านหมื่นฤาชัย ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบ

Thai Third Region Army handout

ที่มาของภาพ, Thai Third Region Army handout

Thai Third Region Army handout

ที่มาของภาพ, Thai Third Region Army handout

กะเหรี่ยงปะทะเมียนมาอีก

กองกำลังผสมทหารกะเหรี่ยงสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) แถลงเมื่อ 30 ธ.ค. ว่า ในช่วงเช้าได้ร่วมกับกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเข้าโจมตีทหารเมียนมา ในหมู่บ้านเลเก้ก่อ จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา ตรงข้ามบ้านดอนชัย ตำบลแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก โดยเคเอ็นยูใช้อาวุธปืนประจำกาย รวมทั้งอาร์พีจีเข้าโจมตีฝ่ายทหารเมียนมาที่เข้ามาในหมู่บ้านเลเก้ก่อ

เคเอ็นยูจับกุมทหารฝ่ายเมียนมา 7 คน และยึดอาวุธได้จำนวนหนึ่ง เช่น ปืนอาร์พีจี. เอ็ม.79 ปืนค. 60 และอาวุธอื่น รวมทั้งกระสุนปืนอีกหลายชนิด

นอกจากนี้ทหารเคเอ็นยูได้ซุ่มโจมตีทหารเมียนมาบริเวณเส้นทางสาย จ.เมียวดี - จ.กอกาเลก ข้างถนนสายเอเชีย ทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันนาน 20 นาที ทำให้ทหารเมียนมาเสียชีวิต 3 นาย ได้รับบาดเจ็บ 5 นาย

KNU handout

ที่มาของภาพ, KNU handout

คำบรรยายภาพ, อาวุธที่ทหารกะเหรี่ยงอ้างว่ายึดมาจากทหารเมียนมาหลังการปะทะเมื่อ 30 ธ.ค.
พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา

ที่มาของภาพ, Reuters

คำบรรยายภาพ, พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา

ท่าทีกระทรวงการต่างประเทศไทย

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงเมื่อ 30 ธ.ค. ว่า ไทยมีความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อการปะทะในพื้นที่ครั้งล่าสุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อฝั่งไทย โดยไทยเรียกร้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมียนมา หาทางแก้ไขความขัดแย้งด้วยการพูดจาหารือกัน เพื่อยุติการปะทะ โดยเร็วที่สุด และต้องการเห็นสันติภาพ และเสถียรภาพกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดน เพื่อให้ประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน มีความปลอดภัยและสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง "หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้ร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมพื้นฐาน แก่ชาวเมียนมา ที่หลบหนีเข้ามาใน จ.ตาก เป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติของทางการไทย และประเพณีด้านมนุษยธรรมที่ยาวนานของไทย" นายธานีกล่าวกระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศสนับสนุนความพยายามของบรูไน ในฐานะประธานอาเซียนในปัจจุบัน และกัมพูชา ในวาระต่อไป ในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในเมียนมาโดยสันติ และผลักดันให้มีความคืบหน้า ในการปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อ ของผู้นำอาเซียนที่บรรลุร่วมกันในการประชุมเมื่อ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้แก่

  • ต้องมีการยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาทันที โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างที่สุด
  • ต้องมีการหารือที่สร้างสรรค์ของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้น เพื่อหาทางออกโดยสันติวิธีเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน
  • ผู้แทนพิเศษของประธานอาเซียนจะทำหน้าที่อำนวยความสะดวก ในการเป็นสื่อกลางของกระบวนการหารือภายใต้การช่วยเหลือของเลขาธิการอาเซียน
  • อาเซียนจะให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมผ่านศูนย์ประสานงานเพื่อการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเกี่ยวกับการจัดการภัยพิบัติของอาเซียน (AHA Center)
  • ผู้แทนพิเศษรวมถึงคณะผู้แทนจะเดินทางเยือนเมียนมาเพื่อพบกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

"ไทยหวังว่า ความพยายามของกัมพูชาจะทำให้กระบวนการของอาเซียนในเรื่องนี้ มีความคืบหน้าที่เป็นบวก" นายธานีกล่าว

จนถึงวันสิ้นปี 2564 มีผู้ลี้ภัยสงครามคงเหลือในเขตไทยจำนวน 3,940 คน ที่วัดแม่ซอดหน้าด่าน หรือวัดหลวง ตำบลแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก