“การ์ดราษฎร” : เปิดโครงสร้าง ภารกิจ และผู้สนับสนุน
- Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
- Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
แนวร่วมของฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยและให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "ราษฎร" ที่รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยในระหว่างการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว ปฏิบัติหน้าที่อย่างรัดกุมมากขึ้น หลังเกิดความรุนแรงเมื่อ 2 วันก่อน ขณะที่ "เฮียบุ๊ง-ทราย" เจ้าของฉายา "พ่อยกและแม่ยกแห่งชาติ" ได้ขนอุปกรณ์ป้องกันชุดใหญ่มาแจกจ่าย "การ์ดราษฎร"
ชายฉกรรจ์หลายสิบคนคอยเฝ้าระวังความปลอดภัยให้แก่แกนนำกลุ่มราษฎรที่ทยอยปรากฏตัวในพื้นที่ชุมนุมห้าแยกลาดพร้าว
ชายกลุ่มนี้สวมใส่ปลอกแขนสีแดงซึ่งมีภาพรอยยิ้ม และคำว่า MAYHEM ซึ่งบีบีซีไทยได้รับคำยืนยันว่าเป็นสัญลักษณ์ของแนวร่วมการ์ดราษฎรที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม "ไฟต์คลับ" และเป็น "การ์ดชุดที่แกนนำเลือกแล้ว" ว่าให้ทำหน้าที่ประชิดติดตัว และประจำการอยู่ที่เวทีปราศรัยหลัก
การ์ดกลุ่มไฟต์คลับทุกคนแต่งกายด้วยชุดสีดำ และสวมใส่เสื้อกั๊กสีดำซึ่งสอดวัสดุแข็งกันกระแทกไว้ภายใน มีลักษณะคล้ายเกราะอ่อน อีกทั้งยังปิดหน้าปิดตาค่อนข้างมิดชิด ทำให้ภาพการ์ดชุดดูแลแกนนำ ณ วันนี้ แตกต่างไปจากภาพเดิมระหว่างการชุมนุมที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สาขารัชโยธิน สำนักงานใหญ่ เมื่อ 2 วันก่อน (25 พ.ย.) เนื่องจากการ์ดในวันนั้นไม่ได้สวมใส่เครื่องป้องกันใด ๆ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ มีเพียง "รองเท้าผ้าใบกับใจถึง ๆ"
เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นจากวัตถุคล้ายระเบิดและอาวุธปืน หลังการชุมนุมเมื่อ 25 พ.ย. ยุติลง ทำให้กลุ่มราษฎรจัดเตรียมการ์ดอย่างน้อย 10 ชุด ราว 2,000 คนกระจายกำลังกันดูแลพื้นที่โดยรอบ ทั้งฝั่ง ถ.พหลโยธิน, ถ.วิภาวดีรังสิต, ถ.ลาดพร้าว
นอกจากนี้ยังมีการจัดชุดลาดตระเวนรอบพื้นที่การชุมนุมชั้นใน เพื่อสอดส่องบุคคลต้องสงสัย และป้องกันเหตุไม่พึงประสงค์
เปิดกระเป๋า "การ์ดราษฎร"
อุปกรณ์ป้องกันตัวและรับมือกับปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ไม่ประสงค์ดีถูกตระเตรียมมาไว้อย่างครบครัน
การ์ดราษฎรผู้ไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อบอกกับบีบีซีไทยว่า โดยปกติกระเป๋าเป้ของเขาจะมีเสื้อกันฝน ผ้าขนหนู ไฟฉาย น้ำดื่ม พร้อมด้วยหมวกนิรภัย แว่นตาแบบครอบ และหน้ากากป้องกันสารเคมี ที่ต้องพกติดตัวในวันที่มวลชนเคลื่อนขบวน หรือประเมินแล้วว่ามีโอกาสเกิดเหตุปะทะ
อย่างไรก็ตาม การ์ดที่อยู่แนวหน้าจะมีอุปกรณ์เสริมพิเศษเป็นถุงมือสำหรับรื้อรั้วลวดหนาม โล่ทรงกลมนูนเพื่อบุกแนวกันของตำรวจ และโล่ทรงโค้งเพื่อป้องกันการใช้เครื่องยิงคลื่นเสียงความถี่สูง (LRAD)
ขณะที่หัวหน้าการ์ดแต่ละชุดจะถือวิทยุสื่อสาร (ว.) ไว้คอยติดต่อประสานงานผ่าน "กองบัญชาการลอย" ซึ่งมีการกำหนดตัวแกนกลางประสานงานให้การ์ดทุกกลุ่มได้รับทราบก่อนถึงวัน-เวลาปฏิบัติการ
"กระสุนนัดหนึ่งที่เข้าร่างน้อง ทำให้รู้ว่าต้องเซฟตี้"
จุดเปลี่ยนที่ทำให้การ์ดราษฎรเริ่มแบ่งบท-กำหนดกลไกทำงานภายในให้ชัดเจนขึ้น มาจาก 2 เหตุการณ์หลัก
เหตุการณ์แรกคือ กรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดกั้นไม่ให้ไปชุมนุมหน้ารัฐสภา ย่านเกียกกาย และปะทะกับผู้ชุมนุมเสื้อเหลือง เมื่อ 17 พ.ย.
อีกเหตุการณ์คือ ความรุนแรงที่ถูกตำรวจสรุปว่าเป็น "เหตุวิวาทของการ์ดอาชีวะจากปัญหาส่วนตัว" จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อ 25 พ.ย.
"ในเรื่องร้าย มันก็มีเรื่องดีนะ เพราะกระสุนนัดหนึ่งที่เข้าร่างน้องเขา ทำให้รู้ว่าต้องเซฟตี้แล้ว และรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก" ปกรณ์ พรชีวางกูร หรือ "เฮียบุ๊ง" กล่าวกับบีบีซีไทย
เขาประกาศรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของการ์ดอาชีวะปทุมฯ ที่ถูกยิงเมื่อ 25 พ.ย. ซึ่งขณะนี้รายจ่ายได้ "แตะหลักล้าน" แล้ว เพื่อแลกกับการให้แนวร่วมการ์ดกลุ่มต่าง ๆ เข้ามาอยู่ในระบบระเบียบ และรักษากฎความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
"วันนี้การ์ดที่มา ก็ยอมใส่ชุดเซฟตี้อย่างเต็มที่ แต่ก็ให้เขาประเมินหน้างานด้วย ถ้าไม่มีเหตุปะทะก็แล้วแต่คุณ แต่ถ้ามี ก็ต้องเซฟ...ผมคุยกับแกนนำการ์ดแล้วว่าเงินที่เอามาจ่ายให้เขา (การ์ดอาชีวะปทุมฯ ที่ถูกยิง) ก็เป็นเงินบริจาค แทนที่จะได้เอาไปทำอย่างอื่นให้ม็อบ ต้องเอามาจ่ายให้คน ๆ เดียว เขาก็ยอมรับ" เฮียบุ๊งกล่าว
ปกรณ์ได้รับสมญานามว่า "พ่อยกแห่งชาติ" คู่กับ ทราย เจริญปุระ นักแสดงสาว ที่กลายเป็น "แม่ยกแห่งชาติ" หลังประกาศตัวเป็น "ท่อน้ำเลี้ยงม็อบราษฎร" ทำหน้าที่จัดหาอาหาร ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องปั่นไฟ รถสุขา อุปกรณ์ป้องกันภัย และสารพัดปัจจัยมาสนับสนุนการชุมนุม ซึ่งมีทั้งที่ควักทุนส่วนตัวและใช้เงินบริจาคจากประชาชน
อุปกรณ์ป้องกันภัยของการ์ด สนนราคาที่หัวละ 3,000-4,000 บาท ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เฮียบุ๊ง-ทรายระดมจัดหามา โดยวันนี้มีการนำเสื้อกั๊กสีดำที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเกราะอ่อนมาแจกจ่ายให้การ์ดอาสาบางส่วนด้วย ทว่าเฮียบุ๊งยืนยันว่า "ผมไม่แจกของอะไรที่ผิดกฎหมายแน่"
ก่อนหน้านี้ ปกรณ์ได้แสดงความคับข้องใจผ่านการให้สัมภาษณ์สื่ออย่างน้อย 2 สำนักคือ สถานีโทรทัศน์ PPTV และ MCOT HD ต่อกรณีที่การ์ดอาชีวะรับอุปกรณ์ป้องกันจากเขาไปแล้ว แต่กลับไม่นำไปใช้งาน เพราะ "อาชีวะต้องโชว์ช็อป"
"ผมขอใช้คำว่าผมเข้าไม่ถึงความเป็นอาชีวะจริง ๆ ไม่เข้าใจความคิดของช่างกลอาชีวะ" เฮียบุ๊งกล่าว
อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่า เหตุรุนแรงหลังการชุมนุมที่ SCB ทำให้เกิดการละลายพฤติกรรมของการ์ดทุกกลุ่ม สะท้อนผ่านการที่แกนนำการ์ดได้ติดต่อขอรับอุปกรณ์ป้องกันจากเขาแล้ว
แต่ถึงกระนั้น ชายที่สวมใส่ปลอกแขน "ทีมการ์ดฟันเฟืองประชาธิปไตย" รายหนึ่งบอกกับบีบีซีไทยว่า การ์ดที่สวมเครื่องป้องกันเพราะต้องทำหน้าที่ดูแลแกนนำ แต่สำหรับอาชีวะอย่างเขาคิดว่าไม่จำเป็น
"อาชีวะเราไม่ได้รับของ (ชุดป้องกัน) เลยนะ เราสบาย ๆ อยู่แล้ว มาชุดนี้ก็ดูแลความปลอดภัยให้มวลชนได้ เพราะคล่องตัวกว่า" ชายผู้สวมใส่เสื้อยืดธรรมดากล่าว โดยที่ข้างกายของเขามีเพื่อนการ์ดกลุ่มเดียวกันอีก 2 คนซึ่งแต่งกายแบบเดียวกัน แต่เป็นมีการพิมพ์ลายของสถาบันอาชีวะที่เขาสังกัด ทว่าพวกเขาไม่ได้สวมใส่เสื้อช็อปของสถาบันแต่อย่างใด
ผ่าโครงสร้าง "การ์ดราษฎร"
ความเคลื่อนไหวการเมืองบนท้องถนนของฝ่ายประท้วงต่อต้านรัฐบาลภายใต้คำขวัญ "ทุกคนคือราษฎร" และ "ทุกคนคือแกนนำ" ที่ยืดเยื้อมา 5 เดือน ได้ก่อให้เกิดกิจกรรมรูปแบบใหม่ ๆ อาทิ "ฟรีไมค์" ใคร ๆ ก็ปราศรัยได้ และ "ฟรีการ์ด" ใคร ๆ ก็ช่วยกันดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุมได้ ทำให้ขณะนี้แนวร่วมการ์ดราษฎรมี 3 กลุ่มหลัก ซึ่งมีทั้งการ์ดอาสาทั่วไป และการ์ดที่ผ่านการฝึกอบรบมา โดยแต่ละกลุ่มจะมี "พี่ใหญ่" คอยกำกับทีมอีกชั้นและร่วมวางแผนภารกิจการชุมนุมเป็นครั้ง ๆ ไป
แนวร่วมการ์ดราษฎรมี 3 กลุ่มหลัก ซึ่งมีทั้งการ์ดอาสาทั่วไป และการ์ดที่ผ่านการฝึกอบรบมา โดยแต่ละกลุ่มจะมี "พี่ใหญ่" คอยกำกับทีมอีกชั้นและร่วมวางแผนภารกิจการชุมนุมเป็นครั้ง ๆ ไป
กลุ่มแรกเรียกตัวเองว่า "การ์ดวีโว่" เป็นการรวมตัวกันของนักศึกษาและประชาชนราว 200-300 คนในรูปแบบการ์ดอาสา โดยมี ปิยรัฐ จงเทพ หรือ "โตโต้" เป็นหัวหน้า ทว่าในการชุมนุมที่แยกลาดพร้าว การ์ดกลุ่มนี้ไม่ได้เข้าร่วมภารกิจ
กลุ่มที่สองเรียกตัวเองว่า "ไฟต์คลับ" เพิ่งปรากฏตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดยปกรณ์ระบุว่า "เป็นหน้าที่ของแกนนำในการตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ใคร ผมมีหน้าที่เพียงส่งชื่อไปให้เขาพิจารณา ซึ่งเขาก็เคาะมาและจะใช้กลุ่มนี้เป็นหลักตลอดไป"
กลุ่มที่สามเรียกตัวเองว่า "การ์ดภาคีเพื่อประชาชน" เป็นการควบรวมการ์ดอาสาอย่างน้อย 10 กลุ่มมาไว้ภายใน โดยแต่ละกลุ่มก็จะมีกลุ่มย่อยอีก รวมเบ็ดเสร็จมีสมาชิกราว 2,000 คน โดยมี "เก่ง อาชีวะ" และ "เอ็ม ปลดแอก" รับบท "พี่ใหญ่" ทั้งนี้ กลุ่มที่เข้าปฏิบัติภารกิจในวันนี้ มีอาทิ การ์ดมวลชน, การ์ดราษฎร, การ์ดรบพิเศษ, ราษฎรฝั่งธน และการ์ดปลดแอกย่อย
- ทีมการ์ดปลดแอก : ปกป้องมวลชนและทีมงานให้ปลอดภัย
- ทีมการ์ดมวลชน : ปกป้องประชาชน
- ทีมการ์ดราษฎร : ปกป้องราษฎร
- ทีมราษฎรฝั่งธน : สนับสนุนข้อเรียกร้อง, ปกป้องและดูแลประชาชน (เกิดจากกลุ่มการ์ดอาชีวะ)
- ทีมการ์ดเฉพาะกิจ : ปกป้องประชาชนแบบเฉพาะกิจ
- ทีมการ์ดอากิระพลังมวลชน : ปกป้องประชาชน, สนับสนุนข้อเรียกร้อง (เกิดจากกลุ่มนักเพาะกาย)
- ทีมองค์กรบอดี้การ์ด สเปเชียล ฟอร์ส (Bodyguard Special Forces : BSF) หรือการ์ดรบพิเศษ : ปกป้องประชาชนเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้อง (มี พลาม พรมจำปา ซึ่งบอกว่าตัวเองเป็นอดีตครูฝึกหน่วยรบพิเศษ ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร เป็นหัวหน้าทีม)
- ทีมนกพิราบขาว : ปกป้องมวลชนให้ได้ชุมนุมอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ และเฝ้าระวังบุคคลไม่หวังดี
- ทีมการ์ดฟันเฟืองประชาธิปไตย : ดูแลผู้ชุมนุม, สนับสนุนข้อเรียกร้อง (เกิดจากกลุ่มอาชีวะร่วมกันปกป้องพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมการชุมนุม)
- ทีมอาชีวะพิทักษ์ประชาชน : ดูแลประชาชน, สนับสนุนข้อเรียกร้อง
ที่มา : บีบีซีไทยสรุปข้อมูลที่ได้รับจากการ์ดอาสารายหนึ่ง เพื่อแสดงให้เห็นชื่อและคำจำกัดความในภารกิจการ์ดราษฎรของแต่ละกลุ่ม