ทรู-ดีแทค: สภาองค์กรของผู้บริโภคชี้ หากทรูควบรวมกิจการกับดีแทคจะเกิดผลเสียหายต่อผู้บริโภค
สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ชี้การควบรวมกิจการของ ทรู-ดีแทค ทำให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานผู้กำกับดูแลออกมาชี้แจงและออกมาตรการยับยั้งเพื่อป้องกันไม่ใช้เกิดกิจการที่มีอำนาจเหนือตลาด
ด้าน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ชี้แจงต่อกระทู้ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 25 พ.ย. ว่า "รัฐบาลไม่ควรเข้าไปยุ่ง" ในกรณีนี้
ความเคลื่อนไหวจาก สอบ. มีขึ้นหลังจาก บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่อันดับสอง หรือ ทรู แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ย. ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบรวมบริษัทกับ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค พร้อมกับการเสนอซื้อหุ้นโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข
น.ส. สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สอบ. กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวหัวข้อ "กรณีซีพี - เทเลนอร์ ควบรวมกระทบผู้บริโภค!" ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ของ สอบ. เมื่อ 23 พ.ย. ว่าองค์กรผู้บริโภคขอเรียกร้องให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกมาชี้แจงประชาชนให้ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้างต่อการควบรวมกิจการที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดบริษัทใหม่ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 52% ถือว่าเข้าข่ายเป็นกิจการที่มีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่
- บอร์ด ทรู มีมติควบรวบ ดีแทค โดยตั้งบริษัทใหม่ทำคำเสนอซื้อหุ้นโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข
- วิเคราะห์ประเด็นที่ต้องจับตา ถ้าดีลแสนล้าน ทรู ซื้อ ดีแทค เป็นจริง
- ซีพี : สฤณี-ธันยวัชร์ คิดอย่างไรหลังอ่านหนังสือ "ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว" ของเจ้าสัวธนินท์
- ซีพี : ธนินท์ เจียรวนนท์ ปัด “ผูกขาด” ทางธุรกิจ แค่ชอบทำเรื่องยาก ยก แจ็ค หม่า เป็น “อาจารย์”
เลขาธิการ สอบ. กล่าวอีกว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้ผู้บริโภคถูกจำกัดทางเลือก ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรกำกับควรจะเข้ามาดำเนินการและส่งเสริมให้มีการเพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภค เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาเติบโตในตลาดและการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นด้วย
"การแข่งขันมีความสำคัญต่อผู้บริโภค และยืนยันว่าการคุ้มครองผู้บริโภคไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อทุน" เธอกล่าวย้ำ
นอกจากนี้ เธอยังชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันตามประกาศที่มีอยู่แล้วของ กสทช. บางฉบับก็สามารถช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนได้ เช่น การอนุญาตให้ผู้ประกอบการโทรคมนาคมสามารถใช้โครงข่ายร่วมกันเพื่อลดต้นทุนได้ด้วยการเป็นพันธมิตรกัน แต่ที่ผ่านมากลับไม่เกิดขึ้น ขณะที่การควบรวมกิจการ ถือเป็นการกีดกันทางการค้าสำหรับรายอื่น ๆ ซึ่ง สอบ. ไม่สนับสนุนเพราะจะทำไปสู่การตัดทางเลือกของผู้บริโภค
สำหรับมาตรการเบื้องต้น สอบ. จะเร่งทำข้อเสนอไปยัง กสทช. และคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าควรสั่งห้ามการควบรวมกิจการที่จะนำไปสู่การสร้างอำนาจเหนือตลาดในครั้งนี้ พร้อมทั้งทำหนังสือถึงคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์เพื่อชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่จะมีต่อผู้บริโภค
หวั่นผู้บริโภคถูกเอาเปรียบเพิ่ม เพราะทางเลือกจำกัด
ผู้แทนองค์กรผู้บริโภคที่เข้าร่วมการแถลงข่าววันนี้ แสดงจุดยืนตรงกันว่าไม่เห็นด้วยต่อการควบรวมกิจการของทรูและดีแทค ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกหลายเดือนในการดำเนินการ เพราะเชื่อว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภค
น.ส. บุญยืน ศิริธรรม ประธาน สอบ. ตั้งคำถามว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้จะกลายเป็นดาบสองคมหรือไม่ และจะมีหลักประกันอะไรว่า การควบรวมกิจการในครั้งนี้จะไม่ลิดรอนทางเลือกของผู้บริโภค และการเอาเปรียบผู้บริโภคมากขึ้นจากที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
"เราไม่ได้ขัดขวางการเจริญเติบโต การร่วมทุนของธุรกิจใด ๆ แต่เราในฐานะผู้บริโภค ก็มีจุดยืนว่า การควบรวมจะส่งผลกระทบกับผู้บริโภคเกี่ยวกับทางเลือกหรือไม่ จากเดิมมี 3 ทางเลือก ในอนาคตจะเหลือเพียง 2 ทาง"
ขณะที่ น.ส. พวงทอง ว่องไว อนุกรรมการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สอบ. ระบุว่า เธอไม่เห็นด้วยกับการควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองบริษัท แม้ว่าในขณะนี้จะยังเป็นเพียงการควบรวมบริษัทในระดับบริษัทแม่เท่านั้น แต่ในที่สุดก็จะทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดลดลง ทางเลือกผู้บริโภคน้อยลง และอาจจะเกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค
น.ส. ชลดา บุญเกษม อนุกรรมการด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศอีกราย กล่าวว่า
ปัจจุบัน ไทยมีค่ายมือถือ 3 ค่าย ซึ่งมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแข่งขันด้านบริการและราคา แม้ว่าผู้บริโภคจะมีทางเลือกอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงมีความกังวลด้านข้อมูลส่วนบุคคลจากการที่ผู้บริโภคในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้บริโภคอยู่ และหากผู้เล่นลดลงก็อาจจะทำให้สถานการณ์นี้น่ากังวลมากขึ้น
ผู้ก่อตั้ง เอไอเอส ว่าอย่างไร
นายทักษิณ ชินวัตร ผู้บุกเบิกธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทย และผู้ก่อตั้งบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ตอบคำถามของผู้ฟังทางคลับเฮาส์ ในเรื่องการควบรวมกิจการของทรู กับดีแทค ว่า ตั้งแต่สมัยที่เขายังบริหารเอไอเอสอยู่ ดีแทค และทรู ไม่สามารถแข่งกับเจ้าตลาดคือเอไอเอสได้ ทั้งต้นทุนและรายได้ต่อจำนวนลูกค้า การผนึกกำลังกันของ 2 ค่าย เพื่อสู้กับเอไอเอสให้ได้ อาจต้องใช้เวลาอีกระยะ
"กว่า ทรู และดีแทคจะแข็งแรง คงต้องใช้เวลา 3 ปี ถึงจะเข้าสู่การแข่งขันอย่างจริงจัง ลูกค้าอาจเยอะกว่า แต่กำไรจะน้อยกว่า จะสู้กันเหมือนโค้กกับเป๊ปซี่" นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลี้ภัยทางการเมืองกล่าว
รมว. ดีอีเอส บอกสภา "รัฐบาลไม่ควรเข้าไปยุ่ง"
ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อ 25 พ.ย. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เรื่องการควบรวมกิจการระหว่างทรูกับดีแทค เพื่อผูกขาดตลาดหรือไม่ โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มาชี้แจงแทน
บีบีซีไทยสรุปสาระสำคัญของการถาม-ตอบกระทู้ไว้ ดังนี้
1) ส.ส. จากพรรคฝ่ายค้านตั้งคำถามว่า อำนาจขอบเขตในการพิจารณารายละเอียดผลกระทบจากการควบรวมครั้งนี้เป็นของใคร ระหว่างคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) หรือคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และเห็นว่าขณะนี้กำลังเกิด "สุญญากาศทางกฎหมาย" องค์กรที่สามารถระงับยับยั้งการควบรวมต่างบอกว่าไม่มีอำนาจตรวจสอบ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรปัดความรับผิดชอบ จึงอยากถามว่าจะเรียก 2 หน่วยงานมาชี้แจงหรือไม่ และหน่วยงานใดจะเป็นผู้ตรวจสอบได้ หรือจะปล่อยให้มีการควบรวมโดยไม่มีการตรวจสอบทางกฎหมายเลย
นายชัยวุฒิตอบว่า รัฐบาลห่วงใยในการควบรวม 2 กิจการที่ส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับ 2 และอันดับ 3 กลายเป็นอันดับ 1 ทำให้โครงสร้างการแข่งขันทางตลาดเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยนายกฯ ได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไปศึกษา ติดตาม และพยายามดูว่ามีอำนาจอะไรบ้างที่เข้าไปยับยั้งหรือแก้ไขปัญหานี้ได้ หากเกิดผลกระทบต่อประชาชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของการควบรวมกิจการเท่านั้น และเป็นการรวมเฉพาะในส่วนผู้ถือหุ้น ยังไม่ได้รวมบริษัท บริษัททั้ง 2 ยังแยกไปทำธุรกิจอยู่ แต่มีผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มเดียวกัน ยังไม่ถึงขั้นการรวมธุรกิจระบบโอเปเรเตอร์ของระบบมือถือ แต่เมื่อเล็งเห็นว่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้น ทางรัฐบาลจึงประสาน กสทช. และหน่วยงานของดีอีเอสศึกษาว่าจะมีมาตรการกำกับดูแลอย่างไร
2) นายปกรณ์วุฒิตั้งคำถามต่อไปว่า รัฐบาลจะป้องกันไม่ให้เกิดกรณีการผูกขาดทางธุรกิจอย่างไร และรัฐบาลเห็นด้วยกับการควบรวมครั้งนี้หรือไม่ เพราะการควบรวมธุรกิจโทรคมนาคมในต่างประเทศทำให้ค่าบริการสูงขึ้นในระยะยาว โดยเฉพาะธุรกิจจาก 3 เหลือ 2 ธุรกิจ เพราะเป็นรายใหญ่กับรายใหญ่ อาจจะเกิดการผูกขาดได้ และอาจเกิดผลกระทบกับประชาชน
รมว.ดีอีเอสกล่าวว่า ธุรกิจการสื่อสารไม่ได้มีเจ้าเดียวในประเทศไทย แต่มี AIS ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่ครองตลาดอยู่ และมีรัฐวิสาหกิจ NT ที่แข่งอยู่ห่าง ๆ เพื่อบริการประชาชนด้วย แต่จะมีกี่รายก็ตาม ต้องบอกว่ามีการแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์ มีโอกาสฮั้ว หรือมีอำนาจเหนือตลาดไปกดดันผู้บริโภคอยู่แล้ว จึงต้องมีการกำกับดูแลโดย กสทช. และจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ส่วนที่ถามว่ารัฐบาลเห็นด้วยหรือไม่กับการควบรวม นายชัยวุฒิบอกว่าคงตอบไม่ได้ เพราะการที่เอกชนวางแผนธุรกิจ โดยอาจคิดว่าบริษัทของเขาเล็กเกินไป ต้องลงทุนสูง ไม่คุ้มค่า จึงไปรวมกันเพื่อลดต้นทุนในการวางโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบ หรือใช้ส่วนแบ่งทางการตลาดร่วมกัน อาจเป็นประโยชน์ในทางธุรกิจมากกว่า รัฐบาลไม่สามารถไปทราบได้ ถ้าไปห้ามแล้วเกิดเขาขาดทุน หรือบอกให้แข่งสูง ๆ แล้วบริษัทไปไม่ได้ ก็จะเป็นเหมือนกรณีทีวีดิจิทัลที่เปิดแข่งขันเสรี แต่สุดท้ายก็มีหลายช่องที่ไปไม่ได้
"การที่ภาคเอกชนจะตัดสินใจทางธุรกิจ ในการลงทุน การควบรวมกิจการ การระดมทุนแบบไหน ผมว่ามันเป็นเสรีภาพของบริษัท เป็นสิทธิของเขา เป็นหลักในเชิงการค้าการลงทุน ซึ่งผมว่ารัฐบาลไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่เราควรมาดูที่การบริการประชาชน กำกับดูแลไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ นี่คือหัวใจสำคัญ ซึ่งรัฐบาลต้องทำแน่นอน" นายชัยวุฒิตอบและยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใด