ชัยธวัช ประกาศยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านเชิงรุก ย้ำ พิธา ยังเป็นว่าที่นายกฯ ของพรรค
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ประกาศในการปราศรัยครั้งแรกภายหลังเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ ต่อหน้าสมาชิกพรรคในกิจกรรม “ก้าวต่อไป ก้าวใหญ่ทั้งแผ่นดิน”วันนี้ ( 24 ก.ย.) ที่สนามกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง ว่า "แม้หัวหน้าพรรคก้าวไกลเปลี่ยนไป แต่ว่าที่นายกรัฐมนตรียังคงเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง"
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ย้ำว่า หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ไม่ใช่ "ชุดผู้นำขัดตาทัพ" แต่เป็นตัวจริงเสียงจริงของฝ่ายประชาธิปไตย
"ท่านรักพิธาอย่างไร ท่านต้องรักชัยธวัชอย่างนั้น" นายพิธากล่าว
กิจกรรมดังกล่าวมีขึ้นภายหลังการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคก้าวไกลที่มีมติเลือกนายชัยธวัช ซึ่งเดิมคือเลขาธิการพรรค ขึ้นเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากการประกาศลาออกของนายพิธาเมื่อ 15 ก.ย. เพื่อเปิดทางให้พรรคเลือก สส. ที่สามารถทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ มาดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคคนใหม่ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ 2560
ส่วนนายพิธาในขณะนี้ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านได้เนื่องจากถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ชั่วคราวในระหว่างพิจารณา “คดีถือหุ้นไอทีวี” หลังศาลรับคำร้องเมื่อ 19 ก.ค.
แม้ว่าผลการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลจะคว้าชัยชนะด้วยจำนวน สส. 151 ที่นั่ง แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
นายชัยธวัชมองว่า แม้ว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนแปลงมาสู่ความเป็นประชาธิปไตยตามลำดับ แต่ยังคงมีปัญหาทางการเมืองที่เป็นอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นประเด็นกลุ่มผู้มีอำนาจไม่ยอมรับเสียงของประชาชน ปัญหาจากรัฐราชการรวมศูนย์ กลุ่มทุนผูกขาดที่อยู่เหนือระบบเศรษฐกิจ และนิติรัฐแบบอภิสิทธิชน
"ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ เป้าหมายสำคัญของพรรคก้าวไกล และการเมืองแบบก้าวไกล คือ เราต้องพลักดันเปลี่ยนแปลงการเมืองของชนชั้นนำที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่สังคมไทยปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป" เขาระบุ
หัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ยังเผยถึงยุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน และ 1 ภารกิจพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านประกอบด้วย
- สร้างพรรคก้าวไกลให้เป็นสถาบันทางการเมืองให้เป็นจริง โดยขยายจำนวนสมาชิกพรรคและการมีส่วนร่วมของประชาชน
- ยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านในสภา ที่จะต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ถ่วงดุลฝ่ายบริหารอย่างตรงไปตรงมา ไม่เกรงใจใคร
- ยุทธศาสตร์ฝ่ายค้านเชิงรุก
- ยุทธศาสตร์ตรึงพื้นที่เก่า รุกพื้นที่ใหม่ โดย สส. พรรคจะต้องเร่งผลงานในพื้นที่ ส่วนในพื้นที่ที่ยังไม่มี สส. ต้องเฟ้นหาตัวแทนที่เหมาะสมในการเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้า
- ภารกิจผลักดันให้มีรัฐธรรมนูญที่มาจากสภาร่างรัฐธรรมนูญจากประชาชน
กลยุทธ์ "แข่ง ขยับ และขยาย"
นายพิธากล่าวเป็นครั้งแรกในฐานะประธานที่ปรึกษาห้วหน้าพรรคว่า พรรคพร้อมที่จะเข้าแข่งขันในทุกสนามการเลือกตั้งในรอบ 4 ปีข้างหน้า โดยจะลงเลือกตั้งทั้งหมด 4 สนามเลือกตั้ง แบ่งเป็น ปีที่แรก คือ การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปีที่ 2 การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ปีที่ 3 ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปีที่ 4 เลือกตั้งทั่วไป
ในขณะเดียวกับองคาพยพต่าง ๆ ของพรรคก้าวไกล ทั้ง สส. บัญชีรายชื่อ, ส.ส. แบบแบ่งเขต, ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต ก็จะร่วมการขยับขับเคลื่อนสังคมไปพร้อม ๆ
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคกล่าวว่า พรรคตั้งเป้าขยายฐานสมาชิกจากเดิม 80,000 คน โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเดือนละหนึ่งหมื่นคน เพื่อให้ได้เป็นพรรคการเมืองที่มีฐานสมาชิกที่มากที่สุดในประเทศ
"เรา (พรรคก้าวไกล) จะเป็นฝ่ายค้านที่อยู่ข้างประชาชน และสะสมชัยชนะไปเรื่อย ๆ จนเป็นรัฐบาลที่ดีที่สุดของคนไทย" นายพิธา กล่าว
เปิดแผนการทลาย 5 มายาคติในฐานะฝ่ายค้าน
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคคนใหม่ กล่าวปราศรัยต่อทิศทางการทำงานของพรรคในฐานะฝ่ายค้านใน 4 ปีข้างหน้า โดยชูประเด็นการทลายมายาคติต่อการทำงานฝ่ายค้านในรัฐสภา ด้วยการขับเคลื่อน 5 ประการ ประกอบด้วย
- การผลักดันชุดกฎหมายเปลี่ยนประเทศผ่านกลไกสภาผู้แทนราษฎร โดยพรรคมีแผนยื่นกฎหมายเปลี่ยนประเทศจำนวน 50 ฉบับ ที่ผ่านมาได้ยื่นไปแล้ว 27 ร่าง และเตรียมยื่นอีก 23 ร่าง
- การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านกลไกคณะกรรมาธิการ ที่พรรคก้าวไกลเป็นประธานคณะกรรมการ 10 คณะจากทั้งหมด 35 คณะ โดยใช้กลไกดังกล่าวในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ตรวจสอบฝ่ายบริหาร รวมทั้งศึกษาปัญหา จัดทำกฎหมาย และขับเคลื่อนนโยบาย
- การผลักดันข้อบังคับ "สภาก้าวหน้า" เพื่อยกระดับผู้แทนราษฎร เช่น การเพิ่มการช่องทางสื่อสารดิจิทัล มีความโปร่งใสและการเปิดเผยข้อมูล และเพิ่มกลไกตรวจสอบฝ่ายบริหารและคานอำนาจฝ่ายบริหาร รวมทั้งเชื่อมโยงและเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน
- การเพิ่มบทบาทฝ่ายค้านแบบสร้างสรรค์ ที่พร้อมสนับสนุนรัฐบาลในเรื่องที่เป็นประโยชน์ ต้องพร้อมจะทักท้วงรัฐบาลในทุกเรื่องที่ไม่ตอบโจทย์
เขากล่าวเสริมว่า ใน 4 ปีข้างหน้า พรรคจะติดตั้งกลไกติดตามนโยบายรัฐบาลทุกกระทรวงอย่างใกล้ชิดเพื่อยื่นข้อเสนอแนะให้รัฐบาลและรัฐมนตรีรับไปพิจารณา และยื่นร่างกฎหมายไปประกบร่างกฎหมายจากคณะรัฐมนตรีเสนอยังไม่ครอบคลุมหรือมีข้อบกพร่อง และในการสื่อสารจะนำเสนอข้อเสนอแนะและทางออกด้วย
- การเพิ่มบทบาทของ สส. ทั้งในรูปแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต ต้องเป็นผู้นำในเชิงประเด็น โดยแบ่งเป็น 15 ทีมที่จะอภิปรายและทำงานเชิงประเด็น อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจ, เกษตรและประมง, ที่ดิน, แรงงานและสวัสดิการ, การท่องเที่ยว, เศรษฐกิจสร้างสรรค์, การกระจายอำนาจและราชการ เป็นต้น