ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์บราซิล แอฟริกาใต้ และสหราชอาณาจักร ต่างกันอย่างไร และวัคซีนจะใช้ได้ผลหรือไม่

  • มิเชลล์ โรเบิร์ตส์
  • บรรณาธิการข่าวสุขภาพ บีบีซี นิวส์ ออนไลน์
coronavirus

ที่มาของภาพ, Getty Images

เชื้อไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดโรคโควิด-19 สายพันธุ์ที่พบในบราซิลเป็นครั้งแรก ปรากฏในสหราชอาณาจักรแล้ว โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังตรวจสอบผู้ติดเชื้อ 6 ราย และกำลังตรวจหาว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้อีกหรือไม่

ไวรัสโคโรนาบางสายพันธุ์ อย่างที่พบในบราซิลนี้ดูเหมือนจะทำให้มีการติดโรคได้ง่ายขึ้น และมีความกังวลว่า วัคซีนในปัจจุบันอาจจะใช้งานไม่ได้ผล

ไวรัสสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้มีอะไรบ้าง

ขณะนี้ไวรัสโคโรนาที่ทำให้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 แพร่กระจายอยู่หลายสายพันธุ์หรือหลายรูปแบบ

มีบางสายพันธุ์ที่น่ากังวล :

  • สายพันธุ์เคนต์หรือสหราชอาณาจักร (หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า B.1.1.7) แพร่กระจายเป็นวงกว้างในอังกฤษ และอีกกว่า 50 ประเทศ ในเวลาเดียวกันดูเหมือนว่าไวรัสสายพันธุ์นี้กำลังจะกลายพันธุ์อีกครั้ง
  • สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) พบในอย่างน้อย 20 ประเทศ รวมถึงในสหราชอาณาจักร
  • สายพันธุ์บราซิล (P.1) พบในผู้ที่เดินทางไปญี่ปุ่น 4 คนก่อนหน้านี้ และในสหราชอาณาจักรแล้ว

การที่ไวรัสสายพันธุ์ต่าง ๆ จะพัฒนาตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ไวรัสทุกชนิดกลายพันธุ์ขณะที่มีการแบ่งตัวเพื่อแพร่กระจายและเจริญเติบโต

อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก ในเวลาเดียวกันการเปลี่ยนแปลงบางอย่างอาจจะเป็นอันตรายต่อการอยู่รอดของไวรัสเอง ขณะที่การเปลี่ยนแปลงอย่างอื่น ก็ทำให้ไวรัสแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้นหรือเป็นอันตรายมากขึ้น

ไวรัสสายพันธุ์ใหม่อันตรายมากกว่าเดิมหรือไม่

ขณะนี้ไม่มีหลักฐานว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ชนิดใดที่ทำให้มีอาการป่วยรุนแรงมากกว่าเดิมในกลุ่มผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ เช่นเดียวกับไวรัสสายพันธุ์เดิม โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว

สำหรับสายพันธุ์สหราชอาณาจักร มีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ว่าอาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 30% แต่หลักฐานนี้ยังไม่แน่ชัด และข้อมูลยังคงไม่แน่นอน

มาตรการต่าง ๆ อย่างการล้างมือ การรักษาระยะห่างจากคนอื่น และสวมผ้าปิดปากจะยังคงช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ เพราะไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดูเหมือนจะแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น จึงต้องใส่ใจป้องกันตัวเองเพิ่มมากขึ้น

เกิดอะไรขึ้นกับไวรัส

ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในสหราชอาณาจักร แอฟริกาใต้ และบราซิล อาจจะทำให้ติดเชื้อหรือติดต่อกันง่ายขึ้น โดยไวรัสทั้งสามสายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ปุ่มโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนที่ไวรัสใช้ในการยึดเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทำให้สามารถที่จะเข้าสู่เซลล์และแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าไวรัสสายพันธุ์สหราชอาณาจักร หรือ "เคนต์" ซึ่งพบตั้งแต่เดือน ก.ย. ปีที่แล้ว อาจจะทำให้เกิดการแพร่กระจายหรือติดเชื้อได้ง่ายขึ้น 70% แต่การวิจัยล่าสุดของสาธารณสุขอังกฤษคาดว่าตัวเลขนี้น่าจะอยู่ที่ 30-50%

ไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ที่พบตั้งแต่เดือน ต.ค. อาจมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้นที่ปุ่มโปรตีนของเชื้อไวรัสมากกว่า และเมื่อไม่นานนี้ผู้เชี่ยวชาญพบผู้ป่วยโรคโควิดสายพันธุ์สหราชอาณาจักรจำนวนไม่มากนักที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวลนี้เช่นกัน

การกลายพันธุ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งเรียกว่า E484K อาจช่วยให้ไวรัสหลบเลี่ยงสารแอนติบอดีที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งช่วยต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรนาที่เคยพบมาก่อนจากการติดเชื้อก่อนหน้านั้น หรือจากการได้รับวัคซีน

สายพันธุ์บราซิลซึ่งพบตั้งแต่เดือน ก.ค. และมีลักษณะการกลายพันธุ์ E484K เช่นกัน

กราฟิก

วัคซีนจะใช้ได้ผลหรือไม่

การคิดค้นวัคซีนในปัจจุบันเพื่อรับมือกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบก่อนหน้านี้ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า วัคซีนจะยังคงใช้งานได้ผล แม้ว่าอาจจะไม่ดีเท่าเดิม

การศึกษาเมื่อไม่นานนี้ระบุว่าสายพันธุ์บราซิลอาจจะทนทานต่อสารแอนติบอดีในคนที่น่าจะมีภูมิคุ้มกันบางส่วน เพราะว่าพวกเขาติดเชื้อมาก่อนและหายจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ก่อนหน้านี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม มีผลการทดลองที่พบเช่นกันว่า วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) อาจป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ได้ แต่จะมีประสิทธิผลลดลงเล็กน้อย

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อีก 2 ชนิดที่อาจได้รับการรับรองในอีกไม่นานนี้ ชนิดหนึ่งผลิตโดยบริษัทโนวาแวกซ์ (Novavax) อีกชนิดหนึ่งผลิตโดยบริษัทแจนส์เซน (Janssen) ดูเหมือนว่าจะใช้ป้องกันได้เช่นกัน

ข้อมูลจากทีมงานคิดค้นวัคซีนอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตร้าเซนเนก้า (Oxford-AstraZeneca) ระบุว่า วัคซีนนี้ช่วยป้องกันไวรัสสายพันธุ์สหราชอาณาจักรสายพันธุ์ใหม่ได้เช่นกัน แต่มีประสิทธิผลในการป้องกันสายพันธุ์แอฟริกาใต้ลดลง แต่ก็ยังคงป้องกันการเกิดอาการป่วยที่รุนแรงได้

ผลเบื้องต้นจากการทดลองวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา (Moderna) พบว่า วัคซีนของทางบริษัทใช้ได้ผลกับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ แต่การตอบสนองของระบบภูมิต้านทานอาจจะไม่แข็งแรงหรือคงอยู่ได้นานเท่าเดิม

ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ๆ นั้นอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตและแตกต่างไปจากเดิม

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า แม้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ถ้ามีความจำเป็นก็สามารถที่จะปรับเปลี่ยนวัคซีนให้ใช้งานได้หรือเข้ากันกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โดยใช้เวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน

เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ซึ่งต้องมีการให้วัคซีนใหม่ในแต่ละปีเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่แพร่กระจายอยู่ สิ่งนี้ก็อาจเกิดขึ้นกับไวรัสโคโรนาเช่นกัน

กำลังมีการจัดการเรื่องนี้อย่างไร

ไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ในเวลาเดียวกันนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังเฝ้าระวัง และหากพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่สำคัญก็จะศึกษาและจับตามองอย่างใกล้ชิด ในส่วนของวัคซีนนั้น ผู้เชี่ยวชาญกำลังปรับปรุงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ทันสมัยอยู่