จีนเปิดฉากประชุมสภาประชาชนแห่งชาติวันแรก ลั่นเตรียมยกเครื่องระบบเลือกตั้งฮ่องกง

จีนเปิดฉากการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติหรือเอ็นพีซี (NPC) วันแรก ด้วยการประกาศเรื่องเตรียมยกเครื่องระบบการเลือกตั้งของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเสียใหม่ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีเพียง "พลเมืองผู้รักชาติ" เท่านั้น ที่จะได้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการปกครอง

การที่เรื่องปฏิรูประบบเลือกตั้งฮ่องกง ได้กลายมาเป็นประเด็นสำคัญอันดับแรกของการประชุมระดับชาติในครั้งนี้ เท่ากับทางการจีนส่งสัญญาณว่า จะไม่อดทนอดกลั้นกับการประท้วงต่อต้านจากบรรดาผู้เห็นต่างทางการเมืองในฮ่องกงอีกต่อไป

การประชุมซึ่งเริ่มขึ้นในวันนี้ (5 มี.ค.) จะดำเนินต่อไปเป็นเวลาราวหนึ่งสัปดาห์ โดยจะมีวาระการอภิปรายในประเด็นสำคัญอื่น ๆ ด้วย เช่นเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม

นายหวัง เฉิน รองประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีนประกาศต่อที่ประชุมว่า จะต้องแก้ไขข้อกฎหมายจำนวนหนึ่งที่ถูกผนวกเพิ่มเติมเข้าไว้ในธรรมนูญการปกครองของฮ่องกงก่อนหน้านี้ ซึ่งก็รวมถึงกฎเกณฑ์ที่ใช้ควบคุมการเลือกตั้งผู้บริหารสูงสุดและสมาชิกสภานิติบัญญัติของฮ่องกงด้วย

นายหวังกล่าวย้ำว่า "ช่องโหว่" ในระบบการเลือกตั้งของฮ่องกง เปิดโอกาสให้บรรดานักรณรงค์เคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายค้าน เดินหน้าเรียกร้องเอกราชเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากจีนต่อไปได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องขจัดให้หมดสิ้นไป "เรามีความจำเป็นจะต้องสร้างและวางระบบการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวในแบบของฮ่องกงเองขึ้นมา" นายหวังกล่าว

ความเคลื่อนไหวของสภาประชาชนแห่งชาติจีนครั้งนี้ มีขึ้นหลังการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ ซึ่งนำไปสู่การกวาดล้างจับกุมฝ่ายค้านของฮ่องกง และนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลจีนครั้งใหญ่ ตลอดช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

สำหรับประเด็นทางเศรษฐกิจที่ถูกหยิบยกมาอภิปรายในการประชุมครั้งนี้ด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี หลี เค่อเฉียง ได้แถลงต่อที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนว่า ในปีนี้รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจเอาไว้ให้สูงกว่า 6% หลังจากที่ปีก่อนได้งดเว้นการตั้งเป้าหมายนี้เป็นครั้งแรก เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นอกจากนี้ จีนจะดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนด้วย โดยจะจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อให้มั่นใจได้ว่า จีนจะไปถึงจุดจำกัดการปล่อยคาร์บอนไม่ให้มีปริมาณสูงเกินสถิติในอดีตภายในปี 2030 และจะควบคุมให้ลดลงไปอีกอย่างต่อเนื่อง จนมีปริมาณการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ได้ในปี 2060

ส่วนประธานาธิบดีสี จิ้นผิงนั้น บรรดานักวิเคราะห์ต่างคาดว่าเขาจะใช้โอกาสในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติอวดความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ทั้งการหยุดยั้งโรคระบาดและการขจัดความยากจนให้กับประชาชนถึง 100 ล้านคน ซึ่งการเน้นย้ำความสำเร็จเหล่านี้จะช่วยสร้างความชอบธรรมให้เขาได้อยู่ในตำแหน่งผู้นำต่อไป แม้ว่าจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งมาหลายรอบแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ สภาประชาชนแห่งชาติจีนมีสถานะเป็นเพียงสภาตรายางให้กับรัฐบาลกลาง เพื่อดำเนินกระบวนการทางนิติบัญญัติและอนุมัตินโยบายต่าง ๆ ตามที่รัฐบาลกลางได้ตัดสินใจเอาไว้แล้ว โดยในแต่ละปีผู้แทนประชาชนเกือบ 3,000 คน จากมณฑลและเขตปกครองตนเองต่าง ๆ ทั่วประเทศ จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมที่กรุงปักกิ่งโดยพร้อมเพรียงกัน