งบ 2565 : ส.ส. ก้าวไกลเสนอแผนบูรณาการงบสถาบันกษัตริย์ สกัดพวกแอบอ้าง-ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ
ส.ส. พรรคก้าวไกลเสนอให้มีการจัดทำแผนบูรณาการงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นการเฉพาะ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็น "แม่งาน" ในการดูแลและจัดลำดับความสำคัญของโครงการหลวงทั้งหมด พร้อมเปิดข้อมูลในช่วง 9 ปี มีการตั้งงบกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อขอทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติ
น.ส. เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวยืนยันว่า ข้อเสนอของเธอและพรรคต้นสังกัดไม่ได้เกินเลยไปกว่าขอบเขตอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติที่ต้องตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารตามระบอบประชาธิปไตย ในทางตรงกันข้ามสิ่งที่เสนอทำให้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำรงอยู่อย่างมั่นคงสถาพร โดยไม่ถูกนำมาใช้แอบอ้างให้เสื่อมเสียพระเกียรติยิ่งขึ้น
ส.ส. หญิงพรรคฝ่ายค้านรายนี้เปิดอภิปรายงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ในระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ค่ำวันที่ 1 มิ.ย.
ผ่านมาถึงบ่ายวันที่ 2 มิ.ย. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมถึงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งกำกับดูแลกรมชลประทานที่ถูก น.ส. เบญจาพาดพิงเกี่ยวกับโครงการหลวง 2 โครงการ ยังไม่ได้ลุกขึ้นชี้แจงข้อมูล
ขณะที่แกนนำกลุ่ม "ราษฎร" ที่เคลื่อนไหวนอกสภา เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ อย่างนายอานนท์ นำภา ผู้ได้รับการประกันตัวหมาด ๆ ระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า "ขอบคุณ ส.ส. เบญจา ที่อภิปรายงบเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ขยับเพดานการพูดถึงสถาบันแบบมีวุฒิภาวะ เป็นการทำหน้าที่ผู้แทนได้อย่างสมภาคภูมิ"
ก้าวไกลผ่างบปี 65 พบงบสถาบันฯ 3.3 หมื่นล้านบาท
น.ส. เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2565 มีงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ อย่างน้อย 33,712 ล้านบาท ไม่รวมงบที่อาจซ่อนอยู่ในรายการอื่น ๆ ซึ่งเธอย้ำว่า "ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด แต่ประเด็นคือแต่ละโครงการควรจะมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เหมาะสม เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่งบประมาณถูกปรับลด ประชาชนทั้งประเทศต้องอยู่อย่างยากแค้นแสนสาหัส สภาพเศรษฐกิจดิ่งเหว"
ภายใต้วงเงิน 33,712 ล้านบาท ส.ส. หญิงพรรคก้าวไกลจำแนกงบออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
- งบพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 629 ล้านบาท เช่น โครงการ "รวมใจเทิดไท้สถาบันพระมหากษัตริย์" ของกรมศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม
- งบถวายความปลอดภัย 6,938 ล้านบาท เช่น ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งภายใต้ผลผลิตการถวายความปลอดภัยด้านการบินและการบริหารความมั่นคงของรัฐบาล ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
- งบส่วนราชการในพระองค์ 8,761 ล้านบาท
- งบโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและพระปณิธาน หรืองบโครงการหลวงต่าง ๆ 15,203 ล้านบาท
- งบอื่น ๆ เช่น งบพระราชทานเพลิงศพ งบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 2,179 ล้านบาท
เผยกรมชลฯ ใช้ "รายงานเท็จ" ขอผ่านงบโครงการพระราชดำริ
เฉพาะโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและโครงการหลวงต่าง ๆ น.ส. เบญจาตรวจสอบพบว่ามีการตั้งงบประมาณกว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการกว่า 50 โครงการ กระจายอยู่ภายใต้ 7 แผนงาน ใน 30 กรม และอีกกว่า 7,000 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยบางโครงการเป็นโครงการที่รัฐบาลได้รับพระราชทานพระราชดำริ หรือมีประชาชนถวายฎีกาขึ้นมาเมื่อหลายสิบปีก่อน อาจต้องมีการศึกษาใหม่หรือไม่ว่าพื้นที่นั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
น.ส. เบญจาตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หน่วยงานราชการบางหน่วยพยายามผลักดัน "โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" โดยไม่ได้ศึกษาความเปลี่ยนไปของสภาพพื้นที่และสภาพปัญหาให้ถ่องแท้ ทำให้เกิดความขัดแย้งและการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเธออ้างว่า "ไม่ใช่การกล่าวหา แต่มีเอกสารและมีหลักฐานในมือ" จากนั้นได้แจกแจงรายละเอียดบางโครงการ ได้แก่
โครงการอ่างเก็บน้ำเหมืองตะกั่วอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.พัทลุง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2564 เสนอให้ตัดงบประมาณ ซึ่งปรากฏว่าเอกสารรายงานด้านสิ่งแวดล้อมที่กรมชลประทานเร่งจัดทำขึ้นเพื่อผลักดันโครงการ "มีข้อผิดพลาด" เนื่องจากไปคัดลอกเอารายงานของ จ.เพชรบูรณ์ มาเปลี่ยนชื่อเป็น จ.พัทลุง แต่ลืมแก้ไขข้อมูลพื้นฐานสำคัญ อย่างลักษณะทางภูมิศาสตร์และพืชเศรษฐกิจหลัก จนถูกประชาชนคนทั่วไปจับผิดได้
"แม้กรมชลประทานจะอ้างว่าเป็นรายงานฉบับเก่า แต่จะฉบับเก่าหรือฉบับใหม่ก็ไม่ใช่สาระสำคัญ แต่สาระสำคัญคือการจัดทำรายงานที่เป็นเท็จ ซึ่งการเอาข้อมูลอันเป็นเท็จมาใช้กับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับสถาบันฯ การแอบอ้างเช่นนี้เป็นการเหมาะสมแล้วหรือไม่ และจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพลักษณ์ของสถาบันฯ เสื่อมเสียไปถึงพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์หรือไม่" น.ส. เบญจากล่าว
โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา หรือโครงการห้วยโสมงอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อปี 2552 อนุมัติให้กรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างภายใต้วงเงิน 9,078 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาก่อสร้างไว้ 9 ปี (ตั้งแต่ปี 2553-2561) แต่ผ่านมา 11 ปีก็ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ
น.ส. เบญจากล่าวว่า กรมชลประทานในฐานะหน่วยขอรับงบประมาณได้เลื่อนการขอใช้งบประมาณผูกพันของโครงการนี้มาโดยตลอด ตอนปีงบประมาณ 2563 ก็ชี้แจงว่าจะแล้วเสร็จปี 2564 พอปีงบประมาณ 2564 ก็ชี้แจงว่าจะแล้วเสร็จปี 2565 มาปัจจุบันก็ระบุว่าจะแล้วเสร็จปี 2566 สรุปแล้วโครงการนี้ติดปัญหาที่ตรงไหน ทำไมถึงไม่สามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ได้
"เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดของตัวโครงการ พบว่าโครงการห้วยโสมงเป็นโครงการที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระราชดำริแนวทางการแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนให้กรมชลประทานนำไปดำเนินการไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2521 หรือเมื่อ 40 กว่าปีก่อนแล้ว จึงเกิดความเป็นกังวลว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ โครงการห้วยโสมงยังตอบโจทย์คนในพื้นที่หรือไม่ ในเมื่อสภาพพื้นที่ ปริมาณน้ำฝน และใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของพี่น้องประชาชนได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว" น.ส. เบญจากล่าว
เสนอ กปร. ตรวจสอบ-ลดความซ้ำซ้อนโครงการหลวง
น.ส. เบญจาจึงกล่าวเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เข้าตรวจสอบโครงการเหล่านี้ หากพบว่าตัวโครงการมีปัญหา ทั้งจากเหตุความไม่โปร่งใส ความล่าช้า หรือจากสภาพความต้องการของพื้นที่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว กปร. ก็ควรพิจารณาเพิกถอนสถานะโครงการนั้นเสีย เพื่อจัดสรรงบประมาณให้สะท้อนกับความต้องการของประชาชนและเหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน
ส.ส. หญิงฝ่ายค้านรายเดิมยังกล่าวด้วยว่า มีโครงการที่ใช้ชื่อเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ที่ดูเหมือนจะไม่ใช่พันธกิจของหน่วยงานเจ้าภาพ เช่น กองทัพอากาศขอรับการจัดสรรงบโครงการอนุรักษ์พันธุ์พืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, กองทัพเรือขอรับงบโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลตามพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา, กองบัญชาการกองทัพไทยของบโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นน้ำตามแนวพระราชดำริ
น.ส. เบญจาจึงเสนอให้มีการตั้ง "แผนบูรณาการงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ" เป็นการเฉพาะ โดยให้ กปร. รับเป็น "แม่งาน" ในการดูแลและจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่ใช้ชื่อ "อันเนื่องมาจากพระราชดำริ" และ "โครงการหลวง"ทั้งหมด เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการดำเนินงาน และเพื่อให้เกิดความสะดวกต่อสภาผู้แทนราษฎรในการตรวจสอบโครงการต่าง ๆ ที่ใช้ชื่อเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ "ไม่ให้กลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีแอบอ้างนำสถาบันฯ มาใช้เป็นเกราะกำบังอันจะส่งผลเสียต่อพระเกียรติยศขององค์พระมหากษัตริย์ได้"
เผย 9 ปี หน่วยงานใช้งบทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติ 2 พันล้าน
นอกจากนี้ น.ส. เบญจายังอภิปรายถึง "งบเทิดพระเกียรติ" เช่น งบจัดงานหรือจัดนิทรรศการในวันสำคัญ ๆ เช่น วันเฉลิมพระชนมพรรษา ทั้งที่เปิดเผยและกระจายอยู่ตามกรมกองต่าง ๆ แบบเหวี่ยงแห และเป็นเบี้ยหัวแตก 1 ล้านบาทบ้าง 5 ล้านบาทบ้าง ทั้งนี้ในช่วงปี 2554-2563 พบโครงการจัดทำซุ้มเฉลิมพระเกียรติกว่า 7,000 โครงการ กระจายอยู่ใน 3,600 หน่วยงาน ภายใต้งบประมาณรวมกว่า 2,000 ล้านบาท
เธอเสนอให้รวมงบประมาณเหล่านี้เป็นก้อนเดียว แล้วมอบหมายภารกิจให้หน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม โดยให้นำงบจัดงานให้สมพระเกียรติ โดยอาจเป็นการจัดงานแบบออกร้าน หรือแบบส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังไทย นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกทางหนึ่ง และสมเหตุสมผลมากกว่าที่แต่ละหน่วยจะนำงบประมาณไปจัดทำซุ้มตั้งตามสี่แยก หรือสะพานลอย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด
ในช่วงท้าย น.ส. เบญจายังบอกด้วยว่าในปีงบประมาณก่อน ๆ การพิจารณาโครงการที่มีชื่อเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ในชั้น กมธ. มักถูกละเลย ไม่ได้รับการตรวจสอบจาก กมธ. หลายครั้งถูกปล่อยผ่านโดยไม่ดูรายละเอียด ดังนั้นเพื่อเป็นการรักษาพระเกียรติของพระองค์ งบที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ควรเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตามปกติ เปิดเผยข้อมูลเหมือนที่หน่วยขอรับงบปกติทำกัน
"ดิฉันขอฝากถึงหน่วยรับงบประมาณทุกหน่วยที่จะเข้ามาชี้แจงงบประมาณในวาระ 2 ว่าขออย่าให้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะกำบังเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากสภา ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในปีงบประมาณนี้ หน่วยรับงบอย่างส่วนราชการในพระองค์จะส่งตัวแทนมาร่วมชี้แจงต่อ กมธ. เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนการพิจารณางบประมาณ" น.ส. เบญจากล่าว