เศรษฐา ทวีสิน “ไม่ปฏิเสธ” เป็นหนึ่งในนายกฯ รวยที่สุด หลังโชว์บัญชีทรัพย์สิน รวยพันล้าน

นายกฯ

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

  • Author, หทัยกาญจน์ ตรีสุวรรณ
  • Role, ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน “ไม่ปฏิเสธ” เป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุด หลัง ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินซึ่งมีมูลค่ากว่าพันล้านบาท โดยมีรายได้ 253 ล้านบาท/ปี ในจำนวนนี้เป็นเงินที่บุตรให้ใช้ปีละ 20 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 5 ก.ย. 2566

ผู้นำคนที่ 30 ของไทย แจ้งว่า มีทรัพย์สินร่วมกับ พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ภริยา รวม 1,020,468,727 บาท และมีหนี้สิน 10,182,549 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,010,286,148 บาท

นายเศรษฐาเป็นอดีตผู้บริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใช้เวลาเพียง 175 วัน นับจากเปิดตัวในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อ 1 มี.ค. ก็ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง เมื่อรัฐสภามีมติเมื่อ 22 ส.ค. เห็นชอบให้เขาเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของไทย

ภายหลังสาธารณชนเห็นความมั่งคั่งระดับพันล้านของนายกฯ รายนี้ เขาถูกผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่หลายคนมองว่าเป็นหนึ่งในนายกรัฐมนตรีที่รวยที่สุด นายเศรษฐาตอบว่า “ไม่ปฏิเสธ ไม่ได้มีน้อย เพราะทำงานมาตั้งกี่ปีแล้ว จนเกษียณ”

เศรษฐาอยู่บ้านหลังละ 176 ล้าน ใช้รถคันละ 50 ล้าน

นายเศรษฐาแจ้ง ป.ป.ช. ว่า มีทรัพย์สิน 659,391,610 บาท แบ่งเป็น

  • เงินสด 1,000,000 บาท
  • เงินฝาก 47 บัญชี รวม 68,986,558 บาท
  • เงินลงทุน 6 รายการ รวม 1,301,668 บาท
  • ที่ดิน 1 แปลง เนื้อที่ 1 งาน 98 ตร.ว. ย่านคลองเตย กทม. มูลค่า 158,400,000 บาท
  • โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง มูลค่า 156,423,120 บาท โดยเป็นห้องชุดที่หัวหิน ต.หนองแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 138,000,000 บาท และบ้านพักย่านคลองเตย มูลค่า 18,423,120 บาท
  • ยานพาหนะ 1 คัน เป็นรถยนต์ยี่ห้อ Aston Martin รุ่น DB5 มูลค่า 50,000,000 บาท
  • สิทธิและสัมปทาน 6 รายการ รวม 87,539,563 บาท
  • ทรัพย์สินอื่น ๆ 4 รายการ มูลค่า 135,740,700 บาท

หากรวมราคาที่ดินและบ้านพักที่นายเศรษฐาได้มาเมื่อ 8 ต.ค. 2540 และอาศัยอยู่ในปัจจุบัน จึงมีมูลค่ากว่า 176 ล้านบาท

สำหรับรถยนต์ Aston Martin คันละ 50 ล้านบาท ที่อยู่ในความครอบครองของนายเศรษฐา เจ้าตัวเล่าให้สื่อฟังว่า เป็นรถเก่าปี 1963 ซึ่งซื้อไว้ อยู่ต่างประเทศ ไม่ได้นำเข้ามา ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในภาพยนตร์เรื่องเจมส์ บอนด์ สายลับ 007 ในหลายภาค รวมถึงภาค No Time to Die ที่ขับกันในอิตาลี เป็นความชอบส่วนตัว

ส่วนรถยนต์ Lexus คันที่ใช้อยู่ประจำ ซึ่งไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีทรัพย์สินฯ นั้น นายเศรษฐาชี้แจงว่า เป็นของครอบครัว ลูกสาวเป็นเจ้าของ

เศรษฐา ทวีสิน กับ แพทองธาร ชินวัตร แต่งกายแบบ “จัดเต็ม” เพื่อเข้าประชุมคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์นัดแรกเมื่อ 3 ต.ค.

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

คำบรรยายภาพ, เศรษฐา ทวีสิน กับ แพทองธาร ชินวัตร สร้างสีสันผ่านเครื่องแต่งกาย ก่อนเข้าประชุมคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์นัดแรก เมื่อ 3 ต.ค.

มีนาฬิการวมกัน 69 เรือน “หมออ้อม” สะสมเครื่องประดับ 131 ล้าน

ส่วน พญ.พักตร์พิไล หรือ “หมออ้อม” แจ้งว่า ถือครองทรัพย์สินมูลค่ารวม 361,077,116 บาท แบ่งเป็น

  • เงินสด 1,800,000 บาท
  • เงินฝาก 38 บัญชี รวม 47,023,391 บาท
  • เงินลงทุน 27 รายการ รวม 52,352,913 บาท
  • ยานพาหนะ 3 คัน มูลค่า 2,800,000 บาท
  • สิทธิและสัมปทาน 7 รายการ รวม 845,511 บาท
  • ทรัพย์สินอื่น 6 รายการ มูลค่า 256,255,300 บาท

สำหรับรายการทรัพย์สินอื่น ๆ ของนายเศรษฐา-พญ.พักตร์พิไล ที่คาดว่าน่าจะอยู่ในความสนใจของสังคม โดยเฉพาะผู้สนใจติดตามไลฟ์สไตล์และการแต่งกายของทั้งคู่ มีมูลค่ารวมกัน 391,996,000 บาท

ในส่วนของนายกฯ เศรษฐา ครอบครองทรัพย์สินอื่นรวม 135,740,700 บาท แบ่งเป็น นาฬิกา 38 เรือน มูลค่า 127,953,100 บาท, พระเครื่อง-ตะกรุด 6 องค์ มูลค่า 1,622,600 บาท, สร้อยคอทองคำ 1 เส้น 165,000 บาท และหีบหลุยส์วิตตองxสุพรีม 1 ใบ สนนราคาที่ 6,000,000 บาท

ด้าน “หมออ้อม” ถือครองทรัพย์สินอื่น ๆ มูลค่ารวม 256,255,300 บาท เธอเป็นเจ้าของนาฬิกา 31 เรือน มูลค่า 84,869,300 บาท, กระเป๋า 48 ใบ มูลค่า 37,010,500 บาท, พระเครื่อง แจ้งว่า “ประเมินมูลค่าไม่ได้”, สร้อยคอทองคำ 2 เส้น 165,000 บาท, เสื้อผ้า 5 ชุด 2,820,000 บาท และยังมีเครื่องประดับอีก 5 รายการ รวมมูลค่า 131,390,000 บาท แบ่งเป็น 1. เข็มกลัดมุก 3 อัน 100,000 บาท 2. สร้อยเพชร, ไข่มุก (ข้อมือ-คอ), กำไลตะปูฝังเพชร 31 ชุด มูลค่า 52,317,000 บาท 3. ต่างหูเพชร, ทับทิม, มรกต, ไข่มุก, ต่างหูหนีบ 58 ชุด มูลค่า 31,865,600 บาท 4. แหวนเพชร, ไพลิน, ทับทิม, มรกต 37 ชุด มูลค่า 46,872,900 บาท 5. จี้ทองฝังพลอย, จี้เพชร 2 ชุด 235,000 บาท

หมออ้อม

ที่มาของภาพ, สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

คำบรรยายภาพ, พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ในชุดสีเหลืองและสวมต่างหูเพชร มาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคณะคู่สมรส ครม. นัดแรก เมื่อ 30 ต.ค.

ขณะที่หนี้สินของสามี-ภริยาคู่นี้รวมกันที่ 10,182,549 บาท โดยมาจากเงินเบิกเกินบัญชีของนายเศรษฐา 9,732,579 บาท และเงินเบิกเกินบัญชีของ “หมออ้อม” 449,970 บาท

นายกฯ มีรายได้ปีละ 253 ล้าน ลูกให้เงินใช้ปีละ 20 ล้าน

ในวัย 61 ปี อดีตซีอีโอ บมจ.แสนสิริ ผู้กลายเป็นนักการเมืองเต็มขั้น แจ้งว่า มีรายได้ประจำปีละ 253,636,771 บาท ซึ่งมาจากเงินเดือนค่าจ้างและโบนัส 153,570,160 บาท, เบี้ยประชุมและค่าวิทยากร 185,000 บาท และเงินบำนาญชราภาพ 45,694 บาท

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็น ดอกเบี้ย 13.15 บาท, เงินได้จากการขายกองทุน LTF 464,770 บาท, ส่วนแบ่งกำไรจากกองทุน LTF และ RMF 12,069 บาท, ผลประโยชน์จากการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล 825,402 บาท, เงินได้จากการสิ้นสุดสมาชิกภาพในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 65,200,328 บาท

อีกทั้งยังมีรายได้จากบุตรมอบให้ปีละ 20,000,000 บาท และเงินชดเชยกรณีเกษียณอายุ 13,333,333 บาท

ส่วน พญ.พักตร์พิไล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ รพ.บำรุงราษฎร์ มีรายได้ 3,215,173 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระ (แพทย์) 2,019,930 บาท ที่เหลือเป็น เบี้ยประชุมและค่าวิทยากร 632,011 บาท และเงินบำนาญชราภาพ 56,550 บาท

บุตรชายนายกฯ น้อบ-ณภัทร กับ แน้บ-วรัตม์ ทวีสิน ร่วมงานเลี้ยงปีใหม่กับสื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 25 ธ.ค.

ที่มาของภาพ, Thai News Pix

คำบรรยายภาพ, บุตรชายนายกฯ น้อบ-ณภัทร กับ แน้บ-วรัตม์ ทวีสิน ร่วมงานเลี้ยงปีใหม่กับสื่อมวลชนสายทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 25 ธ.ค.

ใช้เงินท่องเที่ยวรวมกันปีละ 22.5 ล้าน

ขณะที่รายจ่ายของนายกฯ อยู่ที่ปีละ 51,630,957 บาท โดยแจ้งว่า เป็นค่าจ่ายส่วนตัว 36,500,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 1,900,000 บาท, ค่าอุปการะมารดา 4,762,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 8,000,000 บาท, ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 3,957 บาท และเงินบริจาค 465,000 บาท

ส่วนรายจ่ายของภริยาอยู่ที่ปีละ 20,675,200 บาท ในจำนวนนี้เป็นค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 14,500,000 บาท ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 6,000,000 บาท และเงินบริจาค 175,200 บาท

นายเศรษฐาแจ้งว่า มีเงินได้พึงประเมินในรอบภาษีที่ผ่านมา จำนวน 72,865,237 บาท และภริยามีเงินได้พึงประเมินภาษี 2,407,478 บาท

สำหรับนายเศรษฐา-พญ.พักตร์พิไล มีบุตรทั้งหมด 3 คน โดยทั้งหมดบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องแจ้งรายการทรัพย์สินฯ ตามกฎหมาย ป.ป.ช.